เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1010: พลังหยินที่ชั่วร้ายของฮุสตัน
ตอนที่ 1010: พลังหยินที่ชั่วร้ายของฮุสตัน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งข้า และผู้เยาว์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเจ้าก็เข้ามาทำให้เกิดเรื่องนี้เอง เขาบุกเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาครอสและฆ่าจอมยุทธของทวีปสัตว์เทวะของข้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะหยามเกียรติทวีปสัตว์เทวะของข้าได้ ? ” ไคเซอร์คำรามออกมา มือของเขาพุ่งออกไปอีกครั้งและกำลังจะควักหัวใจของเจี้ยนเฉิน
มิติพันธนาการทำให้เจี้ยนเฉินขยับไม่ได้เลย ไคเซอร์พันธนาการมันเอาไว้ด้วยพลังของเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่อะไรที่เจี้ยนเฉินสามารถที่จะหลุดออกไปได้
ตาของฮุสตันลุกโชนเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนนั้นเอง ตาของเขาก็เหมือนกับคบเพลิงที่ส่องสว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์และแหลมคม แสงไฟสองสายเหมือนจะถูกยิงออกมาจากตาของเขาซึ่งทำให้มิติตรงหน้าเขาบิดเบี้ยว
ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและทำให้อากาศและเมฆปั่นป่วน หมอกดำเริ่มเข้ามารวมที่ร่างของฮุสตัน มันบดบังท้องฟ้าและเปลี่ยนแสงสว่างของโลกให้กลายเป็นความมืดมิด มันมืดจนระยะการมองเห็นเหลือเท่าเอื้อมแขนเท่านั้น แม้แต่แสงจากพระอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ยังหายไป
นี่คือพลังเซียนธาตุความมืด
เหล็กแหลมยาวที่อยู่ในมือของฮุสตันดูเหมือนจะหลอมรวมเข้าอย่างสมบูรณ์กับโลกที่มืดสนิท มันเปล่งประกายด้วยแสงอ่อน ๆ และมันพุ่งอย่างไร้เสียงไปที่ไคเซอร์ เหล็กแหลมเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งทำให้มันยิ่งยากที่จะสัมผัสถึงได้
การโจมตีนี้คงยากที่จะป้องกันได้สำหรับคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับฮุสตัน พวกเขาคงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักถึงแม้ว่าจะรอดตายมาได้ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรเซียนจักรพรรดิได้
ตาของไคเซอร์เป็นประกายเย็นชาเหมือนว่าความมืดไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย เขาจ้องเขม็งไปที่ฮุสตันในขณะที่จิตสังหารที่เยือกเย็นก็แผ่ออกมาจากเขาอย่างหยุดไม่ได้ เขาเหยียดออกมา “เจ้าประเมินตัวเองสูงไป เมื่อเจ้าต้องการที่จะหยุดข้า ข้าจะกำจัดเจ้าซะก่อนเลย” ไคเซอร์หยุดมือที่กำลังเล็งเป้าไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น เขาก็กำหมัดแน่นและโจมตีออกไปด้วยเสียงอันดัง พลังงานที่น่ากลัวพุ่งออกมาอย่างรุนแรงจากหมัดของไคเซอร์ มันเปลี่ยนไปเป็นมังกรในขณะที่มันชนกับเหล็กแหลมสีดำด้วยพลังที่หยุดไม่ได้
เหล็กแหลมของฮุสตันปะทะกับมังกรที่ควบแน่นมาจากพลังงาน เสียงระเบิดดังสนั่น การโจมตีของไคเซอร์เป่าเหล็กแหลมออกไปไกล ในขณะเดียวกัน มังกรที่ดูเหมือนกำลังคำรามก็ยังพุ่งต่อไปที่ฮุสตันโดยที่ไม่ลดกำลังลงเลย
เมื่อเหล็กแหลมถูกกระแทกกระเด็นไป ฮุสตันก็สั่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เขาพูดออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขาจ้องไปที่มังกรที่คุกคามเข้ามา “ซ่อนทมิฬ” เขาหายไปทันทีหลังจากพูดสองคำนั้นจบ ไม่ใช่แค่ร่างของเขาที่หายไป พลังแห่งการมีอยู่ของเขาก็หายไปด้วยเช่นกัน
มังกรพุ่งผ่านตำแหน่งที่ฮุสตันเคยอยู่ไปและไปชนกับภูเขาด้านหลังในท้ายที่สุด มันเกิดเสียงอื้ออึงรุนแรงซึ่งทำให้ภูเขาทั้งลูกทลายลงมาเสียงดัง
“หืม เจ้าคิดว่าข้าจะหาเจ้าไม่เจอหลังจากที่เจ้าหลอมรวมเข้ากับรอบ ๆ อย่างนั้นหรือ? มันแค่กลเด็ก ๆ คอยดูข้าทำลายเข้าไปในที่ซ่อนของเจ้าให้ดู” ไคเซอร์เหยียดอย่างเยาะเย้ยออกมา จากนั้น เขาก็โจมตีด้วยหมัดธรรมดาไปที่ท้องฟ้าที่มืดมิด พลังที่ขดอยู่รอบ ๆ หมัดเพียงพอที่จะทำให้ท้องฟ้าสั่นไหวได้
ปัง ! หมัดของไคเซอร์ฟังดูเหมือนปะทะเข้ากับหน้ากลอง มันเกิดเสียงดังขึ้นมาและโลกแห่งความมืดมิดก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ทั่วทั้งอาณาเขตสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่ลำแสงจากโลกภายนอกก็สาดส่องเข้ามา
ในพริบตาเดียว ความมืดทั้งหมดก็หายไปโดยสิ้นเชิงจากอาณาเขต พระอาทิตย์ที่แผดเผาส่องสว่างอีกครั้ง แสงของโลกได้กลับมาสว่างที่อาณาเขตนี้
ฮุสตันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ทักษะลับของเขาถูกทำลาย เขาลอยอยู่ห่างพันเมตรออกไปพร้อมด้วยใบหน้าซีดเผือด
พรวด ! ฮุสตันกระอักเลือดออกมา หน้าของเขาซีดกว่าเดิมโดยไร้สีเลือดเลยในตอนนี้
ความแข็งแกร่งของไคเซอร์นั้นยิ่งใหญ่เกินไป เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทรงพลังที่สุดแม้แต่ในหมู่เซียนจักรพรรดิด้วยกัน การโจมตีของเขาตรงไปตรงมา แต่มันก็เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ที่ทำลายทุกอย่างทุกครั้งที่มันถูกโจมตีออกไป ไม่มีใครทนการโจมตีของเขาได้ยกเว้นเซียนจักรพรรดิ แม้แต่เซียนราชาขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถทนได้
ไคเซอร์ไม่ให้เวลาฮุสตันในการตั้งตัว เขาก้าวออกไปเงียบ ๆ และไปถึงที่ตรงหน้าฮุสตัน เขามองฮุสตันอย่างเย็นชาก่อนที่จะยื่นมือที่กลายเป็นกรงเล็บไปที่หน้าอกของฮุสตัน เขาต้องการที่จะควักหัวใจของฮุสตันออกมาเช่นกัน
“มันไม่ง่ายหรอกที่จะฆ่าข้าได้ ! ” ฮุสตันจ้องกลับไปในขณะที่พลังเซียนด้านมืดที่อยู่บนตัวเขาก็หายไปทันที หมอกสีแดงเลือดหนาแน่นก็พวยพุ่งออกมจากเขา มันหนาเหมือนเลือดที่เหนียวเหนอะคลุมร่างของฮุสตันเอาไว้ทั้งหมด เขาพูดเสียงทุ้มจากในหมอก “นี่คือพลังหยินที่ชั่วร้ายที่ข้าควบแน่นมาจากการสังหารคนไปนับไม่ถ้วนตลอดทั้งชีวิตของข้า ในตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะไม่ใช้มันอีกแล้ว แต่ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของมันอีกครั้งก่อนที่ข้าจะตายไป ไคเซอร์ รับไปซะ”
“นะ นี่มันพลังหยินที่ชั่วร้ายของนิกายดาบโลหิต ช่างเป็นพลังหยินชั่วร้ายที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้” ท่าทางของไคเซอร์เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เห็นหมอกแดงที่หนาแน่นนี้ มือของเขาที่กำลังเอื้อมไปที่ฮุสตันก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ เขาไม่อยากที่จะยื่นมือออกไปมากกว่านี้ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วอย่างไม่ลังเลและพยายามที่อยู่ห่างจากฮุสตันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตาม มันก็สายไปแล้ว พลังหยินชั่วร้ายทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ฮุสตันก็ควบแน่นกลายเป็นเหล็กแหลมสีแดงเลือดที่พุ่งไปหาไคเซอร์เหมือนเป็นแสงสีแดง
ไคเซอร์เคร่งเครียดมากขณะที่เขาเผชิญหน้ากับเหล็กแหลม เขาไม่ได้แสดงความเคร่งเครียดถึงขนาดนี้ในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับมารราคะ
พลังหยินชั่วร้ายเป็นพลังงานที่ทรงพลังที่มีอยู่ในนิกายดาบโลหิตเท่านั้น มันควบแน่นมากจากปราณสังหารและมันจับต้องได้ มันมีความพิเศษในการทำร้ายวิญญาณของคนอื่น มันไม่สามารถป้องกันหรือหลบได้และไม่มีทางที่จะทำลายมันได้ ทางเดียวที่จะทำได้คือต่อต้านมันตรง ๆ เท่านั้น
ไคเซอร์เป็นเซียนจักรพรรดิ แต่สัตว์อสูรนั้นมีวิญญาณที่อ่อนแอกว่ามนุษย์ วิญญาณไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าของมนุษย์ ในขณะเดียวกัน ฮุสตันก็ควบแน่นพลังหยินที่ชั่วร้ายของเขาที่เขารับมาทั้งชีวิต มันทรงพลังมากจนสามารถกำจัดวิญญาณของใครก็ตามที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นแม้แต่เซียนจักรพรรดิมนุษย์ก็ยังจะได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อหน้าพลังนี้ อย่าว่าแต่สัตว์อสูรเลย อีกทั้งเมื่อพลังหยินชั่วร้ายทำให้วิญญาณบาดเจ็บแล้ว มันจะเป็นการยากที่จะรักษาได้ อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจะมีผลกับระดับการฝึกฝนในอนาคต
ไคเซอร์ถอยไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนที่ไปได้หลายสิบกิโลเมตรในแต่ละก้าวเพราะเขากลัวพลังหยินชั่วร้ายมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะเร็วไปกว่าพลังหยินได้ พลังหยินตามมาอย่างรวดเร็วและพุ่งทะลุหว่างคิ้วของเขา
“อ้าก ! ” ไคเซอร์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาไม่ได้แสดงตัวยิ่งใหญ่เหมือนก่อนหน้านี้ เขากุมหัวด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความทรมาน พลังหยินชั่วร้ายกัดกินวิญญาณของเขาอย่างไม่ปราณี มันแย่กว่าที่เขารับฝ่ามือแห่งอารมณ์จากมารราคะมาก
มารราคะทำให้ไคเซอร์อยู่ในสภาพย่ำแย่ด้วยการโจมตีของเขาในตอนที่อยู่ที่อวกาศ การโจมตีที่มีผลกับวิญญาณของเขาทำให้อารมณ์และความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของเขาผุดขึ้นมา ในอีกด้านหนึ่งพลังหยินก็ทำร้ายวิญญาณของเขาไปด้วย
มิติพันธนาการที่อยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินแตกสลายออกไปนานแล้วตั้งแต่ที่ไคเซอร์สู้กับฮุสตัน ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงสามารถขยับได้ สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเมื่อเขาเห็นลักษณะท่าทางของไคเซอร์ เขาคิดแล้ววัตถุเซียนก็มาหยุดอยู่ที่มือของเขา เขาเอาสายพลังของเซียนจักรพรรดิที่อยู่ด้านในออกมา
พลังงานทำลายล้างแพร่กระจายไปรอบรอบเมื่อพลังปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งทำให้รอบ ๆ สั่นไหวไม่หยุด
เจี้ยนเฉินควบคุมพลังของเซียนจักรพรรดิอย่างระมัดระวังในขณะที่มันลอยอยู่บนมือของเขา เขาไปถึงที่ตรงหน้าไคเซอร์ในพริบตาและโจมตีออกไปหัวของไคเซอร์อย่างแน่วแน่