เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1047: การต่อสู้เพื่อโถงศักดิ์สิทธิ์ (2)
ตอนที่ 1047: การต่อสู้เพื่อโถงศักดิ์สิทธิ์ (2)
ในขณะที่ข่าวที่โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มนั้นห้ามเซียนราชาเข้าไปนั้นหลุดออกไป เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดและเซียนสวรรค์จำนวนหนึ่งก็ทนความยั่วยวนไม่ไหว พวกเขาทั้งหมดพุ่งเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์อย่างตื่นเต้น เมื่อเซียนราชาทั้งหมดที่อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ติดกับดักแล้ว พวกเขาก็จะเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดในฐานะที่เป็นเซียนผู้คุมกฎ ไฟแห่งความหวังได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งในตัวเซียนผู้คุมกฎเหล่านี้ เหมือนว่าโถงจันทร์แจ่มที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาในตอนนี้ กำลังรอให้พวกเขาไปเอามันมาอยู่
ในขณะที่คนเหล่านี้เข้าไป คำนวณคนในโถงศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่แข็งแกร่งเท่าเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 และคนที่อ่อนแอที่เพิ่งได้เป็นเซียนสวรรค์ก็มี
เซียนผู้คุมกฎครึ่งหนึ่งของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เข้าไปเลย แทนที่กับ พวกเขารออยู่ด้านนอก พวกเขาไม่ได้จากไปไหน เพราะพวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าคนที่เข้าในในโถงศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างไรในตอนสุดท้าย
โหยวเยว่และคาราลี่เว่ยเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของโถงศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การคุ้มครองของซี่หวังและเสือขาว วัตถุเซียนขนาดเท่าฝ่ามือตามไปด้านหลังอย่างใกล้ชิดและอยู่เหนือหัวของโหยวเยว่ตลอดเวลา
ที่ชั้นบนสุดของโถงศักดิ์สิทธิ์ หญิงลวงตาก็นั่งหลับตาอยู่บนชิ้นหยกสีขาวบริสุทธิ์ ทุกอย่างที่อยู่โถงศักดิ์สิทธิ์เป็นไปตามการควบคุมของนาง
หญิงคนนี้ลืมตาขึ้นช้า ๆ นางเหมือนคิดแล้วพึมพำขึ้นมา “แต่เดิมแล้ว ข้าต้องการที่จะล่ออัจฉริยะเข้ามาในนี้เพื่อที่ข้าจะได้ยึดเอาร่างกายของพวกนั้นได้ จากนั้นข้าจะได้ฝึกได้ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นแล้วหล่ะเมื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มีทางเลือกที่ดีกว่าแล้ว”
“นั่นก็ได้ผลเหมือนกัน พลังงานดั้งเดิมที่อยู่ในโลกนี้ได้ถูกผนึกเอาไว้ แม้ข้าจะได้ร่างใหม่มา ข้าก็จะไม่สามารถก้าวข้ามระดับเซียนจักรพรรดิและไปถึงที่ขอบเขตดั้งเดิมได้ อย่างไรก็ตาม ร่างบรรพกาลไม่มีได้มีข้อจำกัดที่เหมือนกัน…”
“ยังไงก็เถอะ ใครเป็นคนวางรูปแบบป้องกันไว้ที่อวกาศที่ห่างไกล? ทำไมพวกเขาถึงผนึกพลังงานดั้งเดิมเอาไว้ ? น่าเสียดายที่ข่ายอาคมนั้นทรงพลังเกินไป ข้าไม่สามารถทำลายมันได้เลย หรือข้า เฮายู่ มาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร…”
แผนผังของโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ซับซ้อนมาก ทางเดินมีแยกแล้วแยกเล่า ซึ่งทำให้ผู้คนหลงได้ง่ายมาก มันเหมือนกับเขาวงกต
โหยวเยว่และคนอื่น ๆ หลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินทางอย่างไม่สนใจอะไร ผ่านทางแยกหลายทางและอุโมงค์ที่ปรากฎขึ้นมาเป็นครั้งคราว พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะสามารถหาเส้นทางที่ถูกต้องได้ พวกเขาพยายามที่จะทิ้งสัญลักษณ์ในที่ที่พวกเขาเดินผ่านไปเอาไว้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสัญลักษณ์ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับโชคว่าพวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่
พวกเขาไปเจอเข้ากับเซียนสวรรค์และเซียนผู้คุมกฎเป็นครั้งคราว ในขณะที่พวกเขาเดินไปในทางเดินที่เหมือนเขาวงกต แต่ก็ไม่มีการปะทะเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีเซียนผู้คุมกฎบางคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับกลุ่มของโหยวเยว่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ถูกปฏิเสธ
พวกเขาติดอยู่ในนี้ทั้งหมด 3 วันเต็มก่อนที่จะเจอเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขามาถึงที่ชั้นที่สอง แต่ก็ไม่ได้พบกับอันตรายอะไรในครั้งนี้ มันดูเหมือนว่าโถงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีอันตรายกับคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎและต่ำกว่า
ในสามวันนี้ เซียนผู้คุมกฎและเซียนสวรรค์จากด้านนอกก็เข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์เรื่อย ๆ จำนวนคนภายในโถงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเป็นหลายพัน ส่วนใหญ่เป็นเซียนสวรรค์
ข่าวเรื่องที่เซียนราชาติดกับดักกระจายไปถึงตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและตระกูลโบราณหลายตระกูล ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก ตระกูลผู้พิทักษ์เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เซียนราชารีบรุดมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทันที พวกเขาหยุดอยู่ด้านนอก ในขณะที่พวกเขาครุ่นคิดกันหน้านิ่วคิ้วขมวดถึงวิธีที่จะช่วยคนพวกนี้ แม้แต่เซียนราชาจากเมืองทหารรับจ้างก็มาด้วย
ภายในมิติของกับดักในโถงศักดิ์สิทธิ์ เซียนราชาที่ติดอยู่กำลังนั่งอยู่บนพื้น พวกเขาทั้งหมดพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะข่มพลังงานของพวกเขาที่กำลังรั่วออกไป เฮยยู่และหงเหลียนทั้งคู่สวมเกราะพลังงานดั้งเดิมอยู่ ซึ่งสามารถช่วยเล็กน้อยแม้ว่ามันจะไม่สามารถหยุดการรั่วไหลไปได้อย่างสมบูรณ์
เซียนราชาที่อ่อนแอบางคนเริ่มหน้าซีด พวกเขาสั่นเล็กน้อย ในขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนพื้น พวกเขาดูทนทุกข์อย่างมาก เซียนราชาที่ถูกโจมตีด้วยปราณดาบที่ด้านนอกได้หมดพลังและล้มลงที่พื้น ตาของพวกเขาหม่นหมองและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในขณะที่ร่างของพวกเขาเสียพลังงานไปทั้งหมด
การสูญเสียพลังงานของพวกเขาไม่ได้ทำให้ระดับการฝึกฝนของพวกเขาลดลง แม้ว่าพลังงานของพวกเขาทั้งหมดจะหายไป พวกเขาก็เติมมันได้อีกด้านนอก และพวกเขาจะกลับอยู่ในสภาพเดิมได้โดยใช้เวลาไม่มาก อย่างไรก็ตาม เซียนราชาที่ไม่มีพลังงานนั้นก็อ่อนแอมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติกับดักที่แปลก ๆ นี้ ความสามารถของพวกเขาในฐานะเซียนราชาได้ถูกปิดกั้นไว้และพวกเขาไม่สามารถใช้พลังมิติหรือพลังธรรมชาติได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเหมือนเป็นคนธรรมดา
ในท่ามกลางคนเหล่านี้ มีเพียงคนเดียวที่พลังงานไม่รั่วไหลออกไปก็คือเจี้ยนเฉิน พลังและความเฉพาะตัวของพลังบรรพกาลนั้นเทียบไม่ได้กับพลังธรรมดา อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินยังต้องทุ่มกำลังของเขาทั้งหมดในการกดมันไว้
“ข้าหวังว่าโหยวเยว่จะสามารถเอาโถงศักดิ์สิทธิ์มาได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นพวกเราที่ติดอยู่ที่นี่จะต้องรอความตายอยู่ที่นี่” เจี้ยนเฉินภาวนาในใจ
ในพริบตาเดียว ครึ่งเดือนได้ผ่านไป ในระหว่างเวลานี้ คนนับไม่ถ้วนได้เข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์และทุกที่ก็เต็มไปด้วยผู้คน อย่างไรก็ตม พวกเขาส่วนมากก็เป็นเซียนสวรรค์
ในระหว่างช่วงเวลานี้ กลุ่มของโหยวเยว่ก็ได้ผ่านชั้นที่แปดของเขาวงกตและมาถึงที่ชั้นที่เก้าของโถงศักดิ์สิทธิ์ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่ชั้นที่เก้าของนั้นเล็กกว่าชั้นด้านล่างมาก มันดูเหมือนมันเป็นโถงที่ใหญ่เมื่อมองออกไป มีแท่งหินใหญ่เก้าแท่งที่สลักอย่างธรรมดาแขวนอยู่บนเพดาน พลังแสงจันทร์ลางลางหมุนวนอยู่รอบ ๆ แต่ละเสาและเปล่งประกายไปด้วยพลังมหาศาล
โถงได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ศิลาหิน ที่นั่ง และเครื่องประดับทั้งหมดถูกทำมาจากหยกชนิดเดียวกัน ทุก ๆ ชิ้นนั้นประณีตมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินค่ามัน
บัลลังที่ยิ่งใหญ่แต่ดูสิ้นเปลืองลอยอยู่กลางอากาศที่ปลายสุของโถง บนบัลลังมีคทายาว 2 เมตรที่ทำมาอย่างประณีตที่ส่องแสงจันทร์ลางลางวางอยู่ มันดูตระการตามาก
กลุ่มของโหยวเยว่ไม่ใช่กลุ่มแรกที่มาถึง ตรงหน้าพวกเขา มีเซียนผู้คุมกฎหลายคนและเซียนสวรรค์บางคนได้มาถึงแล้ว แม้ว่าโถงนี้จะไม่หนาแน่นมาก แต่มันก็มีคนอย่างน้อยหลายร้อยคนรวมกันอยู่ที่นี่ ทั้งหมดจ้องไปที่คทาที่อยู่บนบัลลังก์ด้วยดวงตาที่สดใส และไม่มีใครส่งเสียงอะไร บรรยากาศแปลกมาก
แม้ว่าจะมีสมบัติอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครต้องการจะเอามันไป ทุกคนที่มาถึงที่นี่ฉลาดมาก พวกเขารู้ว่าคนแรกที่ขึ้นไปเอาสมบัติคงจะเป็นคนแรกที่จะต้องถูกโจมตีจากคนที่อยู่ที่นี่แน่ แม้แต่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ต้องโดนอย่างหนัก
“คทานั้นไม่ธรรมดาแน่ มันต้องซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ เจ้าไม่มีทางรู้ และบัลลังก์นั้นก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปเช่นกัน” ซี่หวังจ้องตาไม่กระพริบไปที่บัลลังก์ ในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
โฮ้ก ! เสือขาวหรี่ตาลง ในขณะที่มันเปล่งประกายไปด้วยความคุกคาม มันกระโจนกลายเป็นภาพติดตาและพุ่งไปที่บัลลังก์ทันที มันเห็นเซียนผู้คุมกฎและเซียนสวรรค์กลายคนเหมือนไม่มีอะไร
ซี่หวังไม่ได้พุ่งขึ้นไปเหมือนเขา แทนที่กัน เขาอยู่ใกล้กับโหยวเยว่และคารา ลี่เว่ยเพื่อปกป้องพวกนาง เขาซื่อสัตย์กับงานตัวเองในการปกป้องพวกเขา
“นั่นคือพยัคฆ์ปีกเทวะ…”
“พยัคฆ์ปีกเทวะต้องการคทา หยุดมันเร็ว…”
“คทาต้องซ่อนวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่ไว้แน่ มันอาจจะเป็นวัตถุที่ทำให้ควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยก็ได้ พวกเราจะให้พยัคฆ์ปีกเทวะเอามันไปไม่ได้…”
“ใครก็ตามที่ได้คทาไปจะเป็นคนที่ได้ควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์…”
การกระทำของเสือขาวได้ทำลายบรรยากาศแปลก ๆ ในโถงลง ในตอนนี้เอง ไม่มีใครลังเลอีกต่อไป ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดพุ่งไปที่คทาด้วยความเร็วสูงสุด เสือขาวอยู่ด้านหน้าสุดก็กลายเป็นเป้าการโจมตีของทุกคน เซียนผู้คุมกฎมากกว่ายี่สิบคนโบกมือพร้อมกันและยิงปราณดาบที่ทรงพลังไปที่มัน
ต่อหน้าการยั่วยวนที่เย้ายวนของโถงศักดิ์สิทธิ์และวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่ พวกเขาทั้งหมดก็บ้าคลั่ง เรื่องที่เสือขาวเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะไม่ได้ทำให้พวกเขาลังเลเลย