เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1058: เสี่ยวเป่า
ตอนที่ 1058: เสี่ยวเป่า
“โอ้ อาจารย์ เด็กคนนี้น่าสงสารจัง เขาเสียพ่อแม่ไปหลังจากที่เกิดมา นั่นมันน่าสงสารมาก” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยที่ใจดีก็สงสารอย่างสุดซึ้งเมื่อพวกนางได้รู้เรื่องเกี่ยวกับทารกที่น่าเวทนาผู้นี้ สายตาของพวกเขาที่มองไปที่เด็กคนนี้เปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความรัก
“อาจารย์ ให้เด็กที่น่าสงสารนี้อยู่ที่เกาะสามเซียนต่อไปในอนาคตเถอะ” เสี่ยวเหยียนแตะไปที่แก้มของเด็กด้วยนิ้วที่เหมือนหยกของนางในขณะที่นางอ้อนวอน
“ใช่ อาจารย์ พวกเราให้เด็กนี้อยู่ที่เกาะสามเซียนเถอะ ภูเขานี่ก็ใหญ่มากและก็มีเพียงพวกเรา 4 คน คนที่เข้ามาเพิ่มจะนำชีวิตชีวามาสู่พวกเรา” เสี่ยวเยี่ยก็ยืนกรานด้วย นางชอบทารกตัวขาวกลมที่อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มาก และรู้สึกสงสาร
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้เอาผ้าคลุมหน้าออก และเผยให้เห็นความงามที่สุดยอดของนาง นางมองไปที่ทารกด้วยอารมณ์สับสนแล้วพูดออกมาอย่างนุ่มนวล “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อพวกเจ้าชอบเด็กคนนี้มาก พวกเราก็ให้เขาอยู่บนเกาะสามเซียนแล้วกัน”
“ยอดมาก มันจะได้มีคนเพิ่มขึ้นอีกคนที่เกาะสามเซียน” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยร้องออกมาทันที พวกเขาเหมือนเด็กหญิงที่แสดงออกอย่างมีชีวิตชีวา
“นายท่าน เด็กคนนี้ยังไม่มีชื่อ ทำไมพวกเราไม่ตั้งชื่อให้เขาล่ะ ? ” เสี่ยวเยี่ยแนะนำ
“โอ้ ให้ข้าตั้งเอง ข้าเก่งมากในการตั้งชื่อให้เด็ก” เสี่ยวเหยียนตื่นเต้นในการตั้งชื่อที่เหมาะสมให้กับเด็ก หลังจากที่คิดสักพัก นางก็เอ่ยว่า “อาจารย์ จากความน่ารักของเด็กคนนี้ ทำไมพวกเราไม่เรียกเขาว่าเสี่ยวเป่าล่ะ ? “
“เสี่ยวเป่า ชื่อนั้นฟังดูดีนะ มันดูน่ารักดี” เสี่ยวเยี่ยพูดหลังจากที่คิด
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับเบา ๆ ในตอนท้าย “เอาล่ะ ถ้างั้น เด็กคนนี้จะถูกเรียกว่าเสี่ยวเป่าในอนาคต”
“อาจารย์ ทิ้งเสี่ยวเป่าไว้กับพวกเราทั้งสองเถอะ พวกเราจะรับผิดชอบการเลี้ยงดูเขาเองในอนาคต” เสี่ยวเยี่ยหัวเราะคิกคัก ก่อนที่จะยื่นมือไปเพื่ออุ้มเสี่ยวเป่า
“ไม่จำเป็น” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ค่อย ๆ ถอยออกไปไกลพร้อมกับเสี่ยวเป่า นางพูด “ข้าจะดูแลเสี่ยวเป่าเอง เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเยี่ย ลงไปจากภูเขาและไปหานมชั้นดีมาทันที พวกเจ้าทั้งสองจะรับผิดชอบเกี่ยวกับอาหารของเสี่ยวเป่าในอนาคต”
“เจ้าค่ะ อาจารย์!” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยตอบกลับพร้อมกัน แม้ว่าพวกนางดูเหมือนจะสลดใจ
“ฉินฉิน เจ้าควรจะพักผ่อนสักสองสามวัน ข้าจะเล่นพิณให้เจ้าฟังในสามวันนี้เพื่อที่เจ้าจะได้เข้าใจเพลงแห่งสวรรค์” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดเบา ๆ ก่อนที่จะหายไป
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั่งมึนงงอยู่ที่หินใหญ่ในห้องลับพร้อมกับเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง ท่าทางของนางนั้นซับซ้อนพร้อมทั้งมีความเครียดผสมอยู่ในนั้น
เสี่ยวเป่าดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเครียดของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และเริ่มส่งเสียงออกมา เขาจ้องที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยดวงตาโตบริสุทธิ์ด้วยความอยากรู้ ในขณะที่เขาขยับแขนอย่างไม่รู้ตัว
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เสี่ยวเป่าและลอบถอนใจ นางพูด “ข้าตั้งครรภ์มา 10 ปีและให้กำเนิดเสี่ยวเป่ามา ในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งของข้าก็พุ่งพรวดขึ้นด้วยอัตราเร็วที่เหลือเชื่อในตอนที่ข้าตั้งครรภ์ และมาถึงระดับปัจจุบันนี้ด้วยการที่มีหญ้าน้ำลายมังกรด้วย เสี่ยวเป่า เจ้าเป็นพรหรือคำสาปของข้ากันแน่”
ตั้งแต่นี้ไป จะมีคนมากขึ้นหนึ่งคนในเกาะสามเซียน คนผู้นั้นคือทารกเพศชาย เสี่ยวเป่า
ตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์กำลังอยู่ในความยินดี การกลับมาของเจี้ยนเฉินทำให้อึกทึกครึกโครม ในทุกวันนี้ สถานะของเจี้ยนเฉินในตระกูลนั้นหาใดเปรียบได้ เขาเป็นความรุ่งโรจน์ของตระกูล ความภาคภูมิใจของตระกูล เขาได้รับความเคารพจากทุกคน สมาชิกอาวุโสทุกคนของตระกูลมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองในตอนที่เขากลับมา สายตาของพวกเขาซึ่งมองไปที่เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ
สมาชิกอาวุโสเหล่านี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกระดับสูง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทรงพลัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเซียนปฐพี พวกเขาก็ยังเป็นทวดของเจี้ยนเฉินอยู่ดีถ้านับตามความอาวุโส
ที่มุมของตระกูล พี่สามของเจี้ยนเฉิน เจียงหยางเค่อ กำลังมองดูทุกคนแห่เจี้ยนเฉินไปที่โถงประชุมด้วยอารมณ์ที่หลายหลาก เขาคิดไปต่างต่างนานาและอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปเมื่อครั้งที่เขาอยู่กับเจี้ยนเฉินในตอนที่เขายังเป็นเด็ก
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าสถานะของน้องคนเล็กสุดของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับในตอนที่เขาถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ง่อยที่ไม่สามารถใช้แม้แต่พลังเซียน แต่ในตอนนี้ไอ้ง่อยได้กลายมาเป็นคนที่ทรงพลังซึ่งสามารถสั่นไหวทวีปได้ด้วยสองเท้าของเขา ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าเจียงหยางเค่อจะใช้แกนอสูรของตระกูลไปเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ยังเป็นแค่เซียน เขายังไม่ได้เป็นเซียนปฐพีเลย
“พี่ใหญ่ก็ได้กลายไปเป็นลูกศิษย์ของอารามจิตพิสุทธิ์ของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ในขณะที่พี่รองก็ได้เซียนของศาลาเทพเจ้าน้ำแข็งที่ไม่รู้จักอีก น้องคนเล็กสุดก็ได้กลายเป็นจอมยุทธที่น่าตกใจของทวีป เขาเป็นเซียนราชาแล้วในตอนนี้ ในตอนนี้มีแต่ข้า เจียงหยางเค่อที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรที่น่าภาคภูมิใจเลย ข้าไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเซียนปฐพี ข้ามันไร้ประโยชน์…” เจียงหยางเค่อหัวเราะกับตัวเองและค่อนข้างสลดใจ
ในบรรดาลูกสาวลูกชายทั้งสี่คนของตระกูลในปัจจุบันของเจียงหยางป้า สามคนในนั้นได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่เป็นที่รู้จักในทุกวันนี้ ซึ่งมีผลกระทบกับเขาอย่างมาก
เจี้ยนเฉินคุยกันอย่างปกติกับผู้อาวุโสของตระกูลเขา ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องของเขา เนื่องจากสถานะที่เฉพาะตัวของเจี้ยนเฉิน เขาก็ได้รับการปฎิบัติอย่างพิเศษจากตระกูล ที่พักที่หรูหราเหมือนวังของเขาแต่ก่อนได้ถูกสร้างใหม่อีกครั้ง ไม่เพียงแต่มันจะใหญ่ขึ้น มันยังหรูหรายิ่งใหญ่ มันเทียบได้กับพระราชวังของราชา
ที่พักที่เหมือนวังของเจี้ยนเฉินได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเจียงหยาง มันกินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของเขต หอคอยใหญ่ที่ถูกสร้างโดยเจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยววนได้ถูกทำลายไปนานแล้ว
เจี้ยนเฉินรู้สึกค่อนข้างช่วยไม่ได้ที่รู้ว่าตระกูลได้สร้างที่อยู่ให้เขา เขาไม่ได้ขอให้สร้างที่อยู่ของเขาใหม่ เขายังได้รู้ว่ามาจากแม่ของเขาว่า การสร้างนี้เกิดมาจากข้อเสนอแนะของบรรพชนตระกูล เจียงหยาง ซู หยุนคง เขายังได้รับความเห็นชอบจากทุกคน รวมถึง เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวน
ในคืนนั้น เจี้ยนเฉินก็รวมตัวกันอยู่ในที่พักพร้อมกับเจ้าอ้วนน้อย หวังยี่เฟิง ศิษย์พี่อัน หยุนเจิ้ง หยางหลิง และคนอื่น ๆ พวกเขาดื่มด้วยกันและคุยเกี่ยวกับทุกอย่าง และเสียงหัวเราะก็ดังสะท้อนออกไปอย่างต่อเนื่อง
“เจี้ยนเฉิน ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเจ้าจากไปจากตระกูลเจียงหยางแล้ว หวังยี่เฟิง ศิษย์พี่อัน หยุนเจิ้ง และข้าจะออกไปฝึกฝน พวกเราจะท่องไปในทวีปเทียนหยวน การที่เก็บตัวและฝึกฝนทุกวันเหมือนปิดตัวจากโลกภายนอก มันไม่ได้มีประโยชน์มากอะไรเลย”
เจี้ยนเฉินพยักหน้ารับในใจ แม้ว่าความสามารถของเจ้าอ้วนน้อยนั้นจะน่าประทับใจ แต่อายุของเขาก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน เขายังขาดประสบกการณ์ ดังนั้นการท่องไปในทวีปเทียนหยวนจึงเป็นประโชนน์มากสำหรับเขา
“ตูกู่เฟิงอยู่ที่เมืองทหารรับจ้างในตอนนี้ และกำลังรับตำแหน่งผู้อาวุโสคุมวินัยอยู่ เขารับผิดชอบในการลงโทษทหารรับจ้างที่ทำผิด…”
“ตั้งแต่ที่น้องสะใภ้โหยวเยว่จากไปกับเจ้า การบริหารเมืองอัคนีก็อยู่ในมือของไป่เหลียน นางบริหารเมืองอย่างเป็นระเบียบและก็เพิ่มสมาชิกระดับสูงมาเป็นจำนวนมากในการบริหารด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ เมืองกำลังโตขึ้นทุกวันทุกวัน ด้วยชื่อของเจ้า เจี้ยนเฉิน เซียนผู้คุมกฎหลายคนก็ถูกดึงดูดเข้ามา บรรพชนของเจ้า ไป๋ไฮก็ไปกับไป๋เหลียนที่เมืองด้วย เพื่อช่วยปกป้องนางในขณะที่เขาดูแลการฝึกฝนของนางอยู่”
ที่โต๊ะ เจี้ยนเฉินได้เข้าใจสถานการณ์ของเมืองทหารรับจ้างมากขึ้นจากสหายรักของเขา เขารักและสงสารน้องของเขา ไป๋เหลียน เขารู้ว่ามันยากมากสำหรับนางมาตลอดหลายปีนี้ นางต้องพยายามอย่างมากเพื่อเมืองอัคนี