เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1072: ทำความเข้าใจความลึกลับของโลก
ตอนที่ 1072: ทำความเข้าใจความลึกลับของโลก
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะสลดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นว่าเสี่ยวหลิงไม่สามารถทำอะไรได้ เขาถอนหายใจในใจ “ดูเหมือนข้าจะต้องไปถามผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนและคนของตระกูลผู้พิทักษ์เท่านั้นในอนาคต ข้าหวังว่าข้าจะหาวิธีที่จะเอาผนึกออกจากหวงหลวนจากพวกเขาได้”
เจี้ยนเฉินและหวงหลวนอยู่ที่นี่เพื่อที่จะให้เสี่ยวหลิงดึงเอาความลึกลับของโลกมาให้พวกเขา
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ถ้าเขาใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ แต่ความเข้าใจในความลึกลับของโลกของเขานั้นยังอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 เท่านั้น เขามีความสามารถที่จะฆ่าเซียนราชาได้ แต่เขาไม่สามารถเปิดประตูมิติได้ และเขาต้องคอยให้รุยจินและเฮยยู่เปิดให้อยู่เรื่อย
เจี้ยนเฉินต้องการที่จะขจัดจุดอ่อนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่ได้ปรารถนาให้เขาเข้าใจไปถึงระดับของความแข็งแกร่งของเขา เขาเพียงแต่ต้องการเข้าใจให้ถึงระดับเซียนราชา เพื่อที่เขาจะสามารถเปิดประตูมิติของตัวเองได้
มันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าความสามารถของเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ในระดับอัจฉริยะ ความเร็วในการฝึกฝนและความเข้าใจของเขานั้นสุดยอด เขาดึงความสนใจทั้งหมดไปในความลึกลับของโลกที่ถูกเสี่ยวหลิงดึงมา และหลอมรวมมันเข้ากับวิญญาณของเขาเพื่อที่เขาจะได้เข้าใจมันได้อย่างใกล้ชิด
คนธรรมดาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเข้าใจความความลึกลับของโลก ความลึกลับของโลกนั้นเป็นภาพเลือนราง ลวงตา และไม่แน่นอน เหมือนภาพที่อยู่ในหมอก พวกเขาต้องผ่านหมอกเข้าไปก่อนถึงจะเห็นภาพที่แท้จริงด้านในนั้น ถ้าพวกเขาต้องการที่จะทำความเข้าใจมัน
ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวหลิง พวกเขาดูเหมือนจะสามารถมองเห็นภาพได้ด้วยตัวเองได้อย่างชัดเจน มันไม่ได้ถูกบดบังโดยหมอก ภาพลวงตา หรือความไม่แน่นอนอีกต่อไป พวกเขาไม่ต้องเผชิญอุปสรรค์แบบนั้น ดังนั้นมันจึงง่ายมากที่พวกเขาจะทำความเข้าใจได้เมื่อเทียบกับเซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ
นี่ไม่เหมือนการเอาข้าวป้อนใส่ปากของพวกเขา แม้ว่าความลึกลับของโลกจะถูกดึงมาโดยเสี่ยวหลิง แต่พวกเขาก็ยังต้องทำความเข้าใจมันอยู่ดีถ้าพวกเขาต้องการที่จะได้ประโยชน์จากมัน ไม่เช่นนั้น มันก็สูญเปล่าและพวกเขาก็จะไม่ได้อะไร
เจี้ยนเฉิน หวงหลวน ไป๋ไฮ และหวงเทียนป้าจมอยู่ในความลึกลับที่ถูกดึงมา พวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขาได้ใกล้ชิดกับความลึกลับของโลก พวกเขาจำไม่ได้ว่าเคยได้ใกล้ชิดกับมันขนาดนี้ พวกเขารู้สึกว่าความลึกลับมันชัดเจนมากในครั้งนี้ มันไม่เลือนลางเหมือนเมื่อก่อน
ในห้องที่เจียงหวูจี่อยู่ ขนสัตว์อสูรทั้งสามกำลังลอยอยู่ด้วยตัวของมันเอง พลังแห่งการมีอยู่ที่ลึกซึ้งเปล่งรัศมีออกมาจากพวกมัน และพวกมันกำลังหมุนวนอยู่รอบ ๆ เจียงหวูจี่
เจียงหวูจี่ดูเหมือนพระที่กำลังทำสมาธิอยู่ เขานั่งโดยไม่ไหวติง ความสนใจทั้งหมดของเขาพุ่งไปที่ขนสัตว์อสูร เขารู้สึกเหมือนเขาเข้าใจในบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แต่เขาก็ไม่ทั้งหมดอยู่ดีในระหว่างการทำความเข้าใจนั้น
หยางหลิงก็นั่งอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ เขาไม่ได้มีขนสัตว์อสูรคอยช่วย ดังนั้นเขาต้องพยายามอย่างหนักด้วยตัวเอง และพยายามทำความเข้าใจในความลึกลับของโลกเพื่อที่จะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎให้ได้
พวกเขาลืมวันเวลาไปในตอนที่พวกเขาฝึกฝน ในพริบตาเดียว พวกเขาก็อยู่ในเมืองทหารรับจ้างไปถึง 1 ปีเต็ม พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจี้ยนเฉิน เขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 และกำลังจะไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ในตอนนี้
ไป๋ไฮและหวงเทียนป้าก็คืบหน้าไปมากเช่นกัน พวกเขาอยู่ในระดับชั้นสวรรค์ที่ 6 และที่ 5 ตามลำดับมาได้ซักพักแล้ว และพวกเขากำลังจะถึงจุดสูงสุดในระดับ ในตอนนี้ที่มีเสี่ยวหลิงคอยช่วย พวกเขาก็ได้เข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติได้ตรงตรง ซึ่งทำให้พวกเขาก้าวหน้าไปอย่างเร็วมาก พวกเขาเกือบที่ตัดผ่านไปถึงอีกระดับของการฝึกฝน และกำลังจะถึงชั้นสวรรค์ที่ 7 และที่ 6
หวงหลวนเพิ่งจะเป็นเซียนผู้คุมกฎมาเมื่อไม่นานนี้ แต่ความแข็งแกร่งของนางก็อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 3 แล้วเนื่องจากเจี้ยนเฉิน ร่างของนางไม่ได้แข็งแกร่งใกล้เคียงกับหวงเทียนป้าและไป๋ไฮ ดังนั้นความแข็งแกร่งของนางจึงไม่ได้เพิ่มขึ้นในปีนี้
นางก็ไม่สูญเวลาไปเปล่าเช่นกัน แม้ว่านางจะยังอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 3 แต่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก นางกำลังจะเข้าสู่ชั้นสวรรค์ที่ 4
ในขณะเดียวกัน หยางหลิงและเจียงหวูจี่ก็ยังอยู่ในระดับเดิมโดยที่ยังไม่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ
ในเวลาเดียวกัน โถงศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็ลอยอยู่ในอวกาศที่เย็นและมืดมิดเหนือทวีป มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และโอ่อ่าซึ่งเป็นสีขาวทั้งหมดและเปล่งประกายออกมาด้วยแสงที่บริสุทธิ์ มันส่องแสงให้กับความมืดรอบ ๆ
บัลลังก์ใหญ่ลอยอยู่สามเมตรเหนือพื้นที่กึ่งกลางของชั้นบนสุด ชั้นของพลังแสงจันทร์ที่มองเห็นได้กำลังขดอยู่รอบ ๆ มัน และเปล่งประกายไปด้วยแสงที่นุ่มนวลและย้อมทั้งห้องให้เป็นสีขาว
โหยวเยว่นั่งอยู่ที่บัลลังก์พร้อมกับคทาเทพจันทราที่อยู่ในมือ นางกำลังทำสมาธิอยู่ในขณะที่คลื่นพลังที่ทรงพลังก็กระเพื่อมออกมาจากนางเป็นครั้งคราว พลังแสงจันทร์รอบ ๆ บัลลังก์กำลังถูกนางดูดซับเข้าไป และทำให้พลังแห่งการมีอยู่ของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ กำลังทำความเข้าใจในความลึกลับของโลกโดยการที่มีเสี่ยวหลิงคอยช่วย โหยวเยว่ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน นางอยู่ที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่หดหู่และเยือกเย็น และกำลังทนอยู่กับความเบื่อหน่ายและโดดเดี่ยวเพื่อการพยายามอย่างหนักที่จะเพิ่มควมแข็งแกร่งของนาง
หลังจากที่นางได้ผ่านการปรับร่างมาด้วยแก่นแท้จันทราและได้รับวิธีการฝึกฝนที่เหนือกว่าระดับเซียนมา อัตราในการพัฒนาของโหยวเยว่ก็ไม่ได้ช้าไปกว่าร่างจิตวิญญาณน้ำของหวงหลวนเลย และยังอาจจะเหนือกว่ามาก ในเวลาเกือบปี โหยวเยว่อยู่ในระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรที่สี่จากวัฏจักรแรก ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อย นางคงใช้เวลาอีกครึ่งปีเท่านั้นในการที่จะไปถึงวัฏจักรที่หก
เฮยยู่ หงเหลียน คารา ลอทและคาซด้า เจียนฉงก็กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หลังจากที่ถูกโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มดูดเอาพลังงานไปเมื่อปีก่อน คารา ลอทและคาซด้า เจียนฉงออกจากมิติวัตถุเซียนไปเมื่อครึ่งปีที่แล้ว และกลับไปที่ตระกูลของพวกเขาหลังจากที่ร่ำลาเจี้ยนเฉินแล้ว
คารา ลี่เว่ยก็จากไปจากมิติของวัตถุเซียนแล้ว นางยินดีกับเจี้ยนเฉินในเรื่องที่โหยวเยว่ได้ครอบครองโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไปก่อนที่จะออกไปพร้อมกับหัวหน้าตระกูลของนาง อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกอิจฉามากเมื่อนางเอ่ยถึงเรื่องโถงศักดิ์สิทธิ์
รุยจิน เฮยยู่และหงเหลียนทั้งหมดยังอยู่ในมิติวัตถุเซียน พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนราชาในขั้นสูงสุดและห่างจากเซียนจักรพรรดิอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องข้ามช่องว่างนี้ให้ได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง เพราะว่าเสี่ยวหลิงก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
มีแนวภูเขาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกพิษอยู่ตลอดซึ่งอยู่ในอาณาจักรคาร์ล หนึ่งในสามอาณาจักรใหญ่ มันเป็นที่ที่รู้จักกันดีมากในอาณาจักร ไม่เพียงแต่มันจะมีอยู่ที่อาณาจักรมามากกว่าแสนปีแล้วเท่านั้น มันยังได้คร่าชีวิตทหารรับจ้างและจอมยุทธไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่เซียนผู้คุมกฎก็ต้องจบชีวิตลงที่แนวภูเขานี้
วันเวลาล่วงเลยไป แนวภูเขาถูกขึ้นชื่อว่าเป็นเขตต้องห้ามภายในอาณาจักรคาร์ลจากทหารรับจ้างและจอมยุทธจำนวนมาก มันถูกตั้งชื่อว่า ภูเขาสงบวิญญาณ
แนวภูเขาไม่ได้เงียบสงัด แทนที่กันมันกลับเต็มไปด้วยชีวิต พืชผักสีเขยวจำนวนมากโตอยู่ที่นั่น ยังมีแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเป็นหมื่นเป็นแสนปีที่นั่น สัตว์อสูรเดินไปมาเป็นครั้งคราวระหว่างพุ่มไม้ มันไม่ต่างไปจากป่าไม้ธรรมดาเลย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างไปก็คือ ทุก ๆ อย่างที่นี่เป็นพิษ มีพิษอยู่ทุกที่ ไม่เพียงแต่พืชเท่านั้นที่เป็นพิษ แม้แต่ดินก็ยังเป็นพิษไปด้วย และมันเป็นอันตรายกับเซียนปฐพี พิษจะมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าไปลึกขึ้นในแนวภูเขา แม้แต่เซียนสวรรค์ยังยากที่จะทนได้ สัตว์อสูรทั้งหมดที่นี่เป็นสัตว์อสูรพิษที่ทรงพลัง
มียอดภูเขาโล้นที่อยู่ลึกเข้าไปในแนวภูเขา มันถูกล้อมไปด้วยหมอกพิษจำนวนมาก มันเข้มข้นจนมันควบแน่นกันจนกลายเป็นของเหลว แม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงที่อาศัยอยู่ที่นี่ยังเข้าใกล้มันไม่ได้
ที่กึ่งกลางของแนวภูเขามีถ้ำใหญ่ที่ถูกขุดเอาไว้โดยคนอยู่ มุกส่องแสงขนาดเท่ากำปั้นติอยู่บนเพดาน พวกมันเปล่งประกายไปด้วยแสงจ้าและส่องสว่างให้ถ้ำที่มืดมิด
ชายวัยกลางคน ที่ดูเหมือนจะมีอายุสี่สิบกว่ากว่านั่งอยู่เหมือนรูปปั้น เขาไส่ชุดสีดำ
รูปร่างของชายคนนี้ดูธรรมดา แต่ใบหน้าของเขานั้นเด็ดเดี่ยว กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขานั้นแข็งกร้านเหมือนว่าเขานั้นไม่เคยยิ้มเลย มันทำให้เขาดูเหมือนคนตรงไปตรงมาในเวลาเดียวกัน มีแผลเป็นทู่เตะตาอยู่ที่หน้าผากของเขา มันดูน่ากลัวแม้แต่จะแค่มองมัน
ข้างข้างเขามีดาบยาวหนึ่งเมตรสามสิบเซนติเมตรอยู่ ดาบดูเหมือนธรรมดา แต่มันก็มีความกดดันที่เย็นและยิ่งใหญ่ที่ไหลออกมาจากมัน
ทันใดนั้นเอง ชายคนนี้ก็ลืมตาขึ้น และตาของเขาก็เริ่มส่องสว่างออกมาด้วยแสงประหลาดที่ไม่เหมือนกันจากตาทั้งสองข้าง ตาหนึ่งนั้นแหลมคมเต็มไปด้วยความมั่นใจและกล้าหาญ ในขณะที่อีกข้างมีแสงที่ชั่วร้ายออกมา
“คาคาคาคาคา ไป๋เด๋า วิญญาณของของข้าได้หลอมรวมกับวิญญาณของเจ้า เจ้าสามารถใช้พลังส่วนหนึ่งของข้าได้ และเจ้าสามารถใช้พลังทั้งหมดในอาวุธเซียนของข้าได้ ดาบสะเทือนสวรรค์ เจ้าในตอนนี้มีความแข็งแกร่งที่จะไปมาในทวีปเทียนหยวนได้แล้ว ไปจัดการกับเรื่องของเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าลืมสัญญาหลังจากที่เจ้าจัดการพวกมันแล้ว” เสียงหัวเราะแปลกและแหบแห้งดังอยู่ในหัวของชายวัยกลางคนผู้นี้ เสียงนั้นไม่น่าฟังเลย มันเหมือนเสียงครวญครางของภูตผี