เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1073: ความเปลี่ยนแปลงที่เมืองเฮลไฟร์
ตอนที่ 1073: ความเปลี่ยนแปลงที่เมืองเฮลไฟร์
ชายวัยกลางคนยืนขึ้นทันทีและพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็เริ่มเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาทันที มันสั่นไหวไปรอบ ๆ ด้วยพลังงานดิบ ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นไหวอย่างเล็กน้อย
“ดาบพิษที่เคารพ อย่าห่วงไปเลย ข้าเป็นคนที่รักษาคำพูด ข้าจะทำตามเมื่อข้าได้ตกลงกับท่านเอาไว้แล้ว เมื่อข้าแก้แค้นที่พวกมันทำลายล้างตระกูลไป๋ได้สำเร็จ ร่างกายของข้าจะเป็นของเจ้า ข้าจะไม่ต่อต้าน” ความมุ่งมั่นฉายแววอยู่ที่ตาของชายคนนั้น เขาไม่กลัวความตาย
“คาคาคาคา เอาล่ะ เอาล่ะ ดี ข้าเชื่อเจ้า แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเคลื่อนไหวเร็วกว่านี้หน่อย เพื่อที่ข้าจะไม่ได้รอนานกว่านี้” เสียงแหบแห้งที่ดูชั่วร้ายดังออกมาในหัวของไป๋เต๋าอีกครั้ง เสียงนั้นดูรีบร้อน
ไป๋เต๋าไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่เขาโบกมือ ดาบที่อยู่บนพื้นก็ปล่อยพลังยิ่งใหญ่มหาศาลออกมาทันทีซึ่งทำให้ภูเขาสั่นไหว เสียงระเบิดดังขึ้นและถ้ำทั้งมหดก็พังทลายลงมา หินกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยพลังที่สุดยอดซึ่งถูกปล่อยออกมาจากดาบที่ดูธรรมดา
“ที่อยู่ของข้า ที่อยู่ของข้า ! ไป๋เต๋า เจ้าหนู เจ้ารู้ไหมว่าข้าสร้างที่อยู่นี้มาหลายปีอย่างยากลำบาก ? จะ เจ้าทำลายที่อยู่ของข้า ! เจ้าทำให้ข้าโมโห ! ” ดาบพิษที่น่าเคารพที่ซ่อนอยู่ในหัวของไป๋เต๋าคำรามออกมาด้วยความโกรธทันทีที่ถ้ำถูกทำลาย
“ดาบพิษที่เคารพ ท่านจะได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งแล้วในไม่ช้านี้ ท่านจะสนใจที่อยู่แบบนั้นไปอีกทำไม ? ” ไป๋เต๋าพูดออกมาอย่างเย็นชาและไร้อารมณ์ เขาจับดาบเอาไว้แน่นในมือของเขา
ดาบนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา แต่เป็นยุทธภัณฑ์ราชาที่ถูกทิ้งไว้โดยเซียนราชาในขั้นสูงสุด มันคือดาบสะเทือนสวรรค์ อาวุธเซียนของดาบพิษที่น่าเคารพ คนที่สั่นคลอนทวีปเมื่อสองหมื่นปีก่อน
ดาบพิษที่น่าเคารพเงียบลงทันทีเพราะสิ่งที่ไป๋เต๋าพูด
ไป๋เต๋าก็เงียบไปด้วยเหมือนกัน เขาถือดาบสะเทือนสวรรค์ไว้ในมือและพุ่งออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ ไต่ระดับขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที เขาพุ่งออกไปไกลหลังจากที่เลือกททิศทางไปจะไปได้แล้ว และเขาหายไปในหมอกหนาทันที
เมืองเฮลไฟร์เป็นเหมือนของพระราชาในอาณาจักรคาร์ล ถ้านับตามขนาด พื้นที่ และความมั่งคั่งแล้ว มันจะใหญ่เป็นที่สองจากเมืองหลวงทั้งเจ็ดในทวีป
เมืองเฮลไฟร์มีอยู่ในประวัติศาสตร์มากมากกว่าหมื่นปีแล้วในอาณาจักรคาร์ล กำแพงของเมืองทั้งหมดสร้างมากจากโลหะมีค่า มันแข็งแรงมากและสามารถต้านทานการโจมตีจากสัตว์อสูรระดับ 5 ได้สบายสบาย ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา กำแพงได้ป้องกันฝูงสัตว์อสูรที่เข้ามารุกรานเมือง ทำให้เมืองไม่ได้รับความเสียหายเลย
คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในเมือง เมื่อรวมกับผู้คนที่เข้าออกเมือง จำนวนคนในเมืองเฮลไฟร์ก็ใกล้เคียงกับจำนวนร้อยล้านคนทีเดียว จอมยุทธหลายคนถือกำเนิดขึ้นจากเมืองเฮลไฟร์เพราะจำนวนประชากรที่มากมายของที่นี่ พร้อมทั้งมีตระกูลขนาดต่าง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
ตระกูลเมฆโลหิตเป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมือง มันเคยเป็นตระกูลที่ทรงพลังเป็นอันดับที่สองที่นั่น แต่ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋โดยกวาดล้างไปในคืนเดียวเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว พวกเขาก็กลายเป็นที่หนึ่งแทน พวกเขาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่เป็นเพราะตระกูลเมฆโลหิตมีเซียนผู้คุมกฎคนใหม่ เขาไม่ใช่หัวหน้าตระกูล แต่เขาเป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น และเขายังได้เป็นลูกศิษย์ของผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิด้วย เขามีค่ามาและเติบโตขึ้นโดยเป็นเสาหลักที่จะค้ำจุนอนาคตของจักรวรรดิ ทั้งหมดนี้ทำให้สถานะของตระกูลในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเป็นที่ชื่นชมของทุกคน
พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกเมืองอย่างกะทันหัน ร่างรางรางกำลังผ่านมาทางกำแพงที่ยิ่งใหญ่ของเมือง ร่างบินตรงเข้ามาที่กึ่งกลางของเมืองอย่างไม่ลดความเร็วลงเลยด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่คุกคาม และทำให้คนตามทางนับไม่ถ้วนรู้ตัว
ร่างบินผ่านเมืองไปอย่างโจ่งแจ้งและไปลดระดับลงที่เขตใหญ่ที่ใจกลางของเมือง มันเป็นที่ซึ่งตระกูลเมฆโลหิตตั้งอยู่
ร่างนั้นใส่ชุดดำและเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลจนทำให้คนอื่น ๆ หายใจอย่างยากลำบาก ผมยาวของเขาสยายในอากาศที่ไร้ลม ในขณะที่ชุดของเขาก็โบกสะบัดไปด้วยเหมือนกัน เขาจ้องไปในคฤหาสน์ด้วยความมึนงงในขณะที่ความทรงจำปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา ความเศร้าโศกปรากฎขึ้นในตอนนี้
ยามร่างกำยำสี่คนที่ทางเข้าของตระกูลจ้องไปที่ชายคนนี้ด้วยความตกใจ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรและวิ่งเข้าไปในตระกูลเพื่อที่จะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนี้นานไปกว่านี้
พลังแห่งการมีอยู่จากชายคนนี้นั้นทำให้พวกเขากลัวอย่างมาก ทำให้ขาของพวกเขาสั่น พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาได้เห็นจอมยุทธมาบ้างหลายคนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลซึ่งทำให้พวกยามรู้สึกว่าวิญญาณกำลังจะแตกสลาย
ก่อนที่ยามจะไปรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น จอมยุทธของตระกูลก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัวเช่นกัน ทันใดนั้นเอง เสียงที่สุภาพและมีชีวิตชีวาก็ดังขึ้นมาจากในตระกูล “ข้าขอถามได้ไหมว่า ใครกันหรือที่มาเป็นแขกของตระกูลของพวกเราในวันนี้ ? ข้าคือ ยู่ซีฉิง หัวหน้าตระกูลเมฆโลหิต ข้าขอเป็นตัวแทนคนในตระกูลในการต้อนรับเจ้าสู่ตระกูลเมฆโลหิต”
ชายวัยกลางคนในชุดทองที่ดูเตะตาเดินออกมาจากเขตช้าช้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้เร่งรีบ แต่แต่ละก้าวของเขาก็กินระยะทางไปหลายสิบเมตร เขามาถึงที่ทางเข้าหลักด้วยการก้าวเท้าที่น้อยกว่าสิบก้าวก่อนที่จะโค้งอย่างเคารพไปที่ชายชุดดำ
ยู่ซีฉิงก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎในเวลาน้อยกว่าหนึ่งพันปี เขาได้กลายเป็นศิษย์ที่มีค่าของผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิ ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นหัวหน้าตระกูลเมฆโลหิตด้วย
หลังจากนั้น ทั้งตระกูลก็เต็มไปด้วยผู้คน เซียนสวรรค์หลายคนและกลุ่มเซียนปฐพีรีบเข้ามาจากทุกทิศทางและมารวมกันอยู่ด้านหลังยู่ซีฉิง พวกเขาจ้องไปที่ชายชุดดำอย่างเคร่งเครียด และไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ของชายชุดดำที่มาในครั้งนี้
ชายชุดดำยืนตรงเหมือนท่อนไม้อยู่ที่ด้านนอกประตูตระกูลเมฆโลหิต เขาจ้องอย่างมึนงงไปที่คำตัวใหญ่สองคำ ‘ตระกูลเมฆโลหิต’ ซึ่งถูกเขียนอยู่บนกระดานพลอยสีม่วงเหนือทางเข้าหลัก ท่าทางของเต็มไปด้วย ความทรงจำ ความเศร้าโศก และความโกรธ
“ข้าไม่คิดว่าเมืองเฮลไฟร์จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หลังจากที่ข้าจากไปเมื่อห้าสิบปีก่อน ตระกูลหนึ่งที่เคยมั่งคั่งได้กลายเป็นความทรงจำในอดีตไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้วในตอนนี้” ชายชุดดำพึมพำ ความเศร้าโศกของเขามากขึ้น มากขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นจิตสังหารที่เย็นชา ในตอนนั้นเอง ความเจ็บปวดและความทรงจำทั้งหมดในดวงตาของเขาก็ได้หายไป มันกลายเป็นความเย็นชาอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้นเอง ชายคนนั้นก็ทิ่มดาบลงไปที่พื้น พายุพลังงานที่น่ากลัวพุ่งพวยขึ้นมา และพุ่งไปหาตระกูลเมฆโลหิตด้วยพลังที่หยุดไม่ได้ เหมือนว่ามันอยู่ภายใต้การควบคุมของใครบางคน
“ผู้อาวุโส ท่านตั้งใจจะทำอะไรกัน ? ” ยู่ซีฉิงหน้าซีดด้วยความตกใจและถอยกลับไปทันที ในเวลาเดียวกัน พลังเซียนก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา มันเปลี่ยนไปเป็นม่านพลังที่ปกป้องเขาและจอมยุทธของตระกูลของเขาอยู่
ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจาดพายุพลังงานที่น่ากลัวนี้ แต่ไม่รวมถึงทางเข้าหลักและกำแพงของตระกูล พวกมันพังทลายลงมาและกลายเป็นฝุ่นผงในอากาศ แม้แต่กระดานที่แขวนอยู่ที่ทางเข้าก็ร่วงหล่นลงมา
ชายชุดดำเดินออกไปหนึ่งก้าว เขาเหวี่ยงหมัดไปที่กระดานที่กำลังหล่นลงมาและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นฝุ่นผง
คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ออกมารวมตัวกันจากในตระกูล ยามทั้งหมดเช่นเดียวกับคนในตระกูลก็ออกมาและมาหลบอยู่ที่ด้านหลังยู่ซีฉิง ในขณะที่พวกเขาจ้องไปที่ผนังและทางเข้าที่ถล่มลงมาอย่างตกตะลึง
ความวุ่นวายในตระกูลทำให้คนใกล้ ๆ ตระกูลรู้ตัวด้วยเช่นกัน ในไม่ช้า ผู้คนจำนวนมากก็มารวมกันจากทุกทิศทางเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีแม้แต่เซียนสวรรค์บางคนที่ลอยอยู่ร้อยเมตรกลางอากาศในขณะที่พวกเขามองดูอยู่แต่ไกล
ท่าทีของยู่ซีฉิงน่ากลัวมากในตอนนี้ เขาคำรามออกมา “ข้าคือยู่ซีฉิง อาจารย์ของข้าคือผู้พิทักษ์จักรพรรดิโม่เจียน ผู้อาวุโส ข้าขอถามว่าตระกูลของพวกเราได้ไปทำอะไรให้ท่านหรือไม่ ? กรุณาบอกข้าด้วย”
ชายคนนั้นก็มองไปที่ยู่ซีฉิงในที่สุดด้วยสายตาที่เยือกเย็นและไร้อารมณ์ เขาพูดออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ? “
ยู่ซีฉิงสำรวจดูชายคนนี้อย่างถี่ถ้วน และความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาพูด “ผู้เยาว์ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก ดังนั้นหวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัยข้า” ญุ่ซี่ฉิงไม่กล้าที่จะหยาบคาย เขาบอกได้เลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นคนที่มีระดับเท่ากับกับอาจารย์ของเขา จากพลังแห่งการมีอยู่ของชายคนนี้เพียงอย่างเดียว มันคงจะยากมากที่จะรักษาชีวิตเอาไว้แม้จะร่วมมือกับอาจารย์ของเขา ถ้าเขาไปทำให้คนในระดับนี้โกรธเข้า
“ชื่อของข้าคือไป๋เต๋า” ชายชุดดำพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
ยู่ซีฉิงกระตุกเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาตกใจและร้องออกมา “อะไรนะ เจ้ามีแซ่ว่าไป๋ ! เจ้าเป็นคนของตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ ? ” หัวใจของยู่ซีฉิงเริ่มปั่นป่วนเนื่องด้วยความกลัวที่แผ่ซ่านอยู่ด้านใน เขตของตระกูลเมฆโลหิตสร้างอยู่ตรงที่ที่ตระกูลไป๋เคยตั้งอยู่
ห้าสิบปีที่แล้ว ข่าวเรื่องที่ตระกูลไป๋ถูกกวาดล้างในคืนเดียวได้ทำให้ทั้งเมืองตะลึง ไม่เพียงแต่ตระกูลเมฆโลหิตจะมาแทนที่ตระกูลไป๋ในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งเท่านั้น พวกเขายังเอาอาณาเขตของตระกูลไปด้วย ถ้าคนของตระกูลไป๋ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดนี้ไปบังเอิญเชื่อมโยงตระกูลเมฆโลหิตกับการล่มสลายของตระกูลของเขาเข้าละก็ ยู่ซีฉิงก็ไม่ยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นได้ที่ตระกูลของเขาต้องเผชิญ