เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1088: กุยไฮ่ ยี่เต่า (1)
ตอนที่ 1088: กุยไฮ่ ยี่เต่า (1)
“เซียงเทียน เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลของพวกเราแล้วในตอนนี้ เจ้าต้องคิดถึงตระกูลในทุกสิ่งที่เจ้าทำ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดถึงอนาคตของตระกูลนะ ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะถูกเลี้ยงในฐานะสัตว์ผู้พิทักษ์ของตระกูลของพวกเรา ความแข็งแกร่งของพวกเราจะเหนือกว่าตระกูลอื่นอีกเก้าตระกูลทันที แน่นอนว่า ถ้าเจ้าปล่อยให้พยัคฆ์ปีกเทวะเติมโตอย่างสมบูรณ์ภายใต้การดูแลของจอมยุทธสัตว์อสูรที่สุดยอดทั้งสอง มันก็เป็นไปได้อย่างมากที่มันจะนำหายนะมาให้กับทวีป เจ้าต้องการที่จะถูกตราหน้าจากทั่วทั้งทวีปไปตลอดอย่างนั้นหรือ ? ” เจียงหยาง ชิง หยุนรบเร้าอย่างเคร่งเครียด
“ผู้อาวุโสชิงหยุน ข้าซาบซึ้งมากที่ท่านเอาผนึกในตัวหวงหลวนออก แต่มันไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะอีก” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างเรียบเรียบ
“ตระกูลต้องมาก่อนเหนือทุกอย่าง เจียงหยาง เซียงเทียน ถ้าเจ้าไม่อยากจะทิ้งพยัคฆ์ปีกเทวะเอาไว้ พวกเราก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ อย่างไรก็ตาม พวกเราหวังว่า คู่หมั้นของเจ้าจะสามารถย้ายโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มจากอวกาศมาที่ตระกูลของพวกเราได้ แบบนั้นลูกหลานที่เป็นผู้หญิงของพวกเราก็จะสามารถเข้าไปในโถงและฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลของพวกเราได้” เจียงหยาง ชิง จูริและเจียงหยาง ชิง หยุนเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก คนพูดคือเจียงหยาง ชิง จูริ เขายังจับจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มอยู่
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู เซียวมองหน้ากันและกันแล้วพวกเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขารู้สึกได้ถึงปัญหา
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเย็นชา “เยว่เอ๋อจำเป็นที่จะต้องดูดซับพลังแสงจันทร์เพื่อที่จะฝึกฝน โถงศักดิ์สิทธิ์สามารถรวบรวมพลังแสงจันทร์ได้ในอัตราที่เร็วกว่าเมื่ออยู่ที่อวกาศ ดังนั้นถ้าย้ายมันเข้ามาในมิติที่แยกออกมานี้ มันจะมีผลกระทบต่อการฝึกฝนของเยว่เอ๋ออย่างมาก และถ้าท่านต้องการที่จะฝึกฝนโดยการดูดซับพลังแสงจันทร์ ท่านจำเป็นต้องใช้วิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่และร่างกายที่พิเศษ แม้ว่าท่านจะส่งคนในตระกูลที่เป็นผู้หญิงไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกนางก็จะไม่สามารถดูดซับพลังแสงจันทร์ได้อยู่ดี”
“ทักษะการต่อสู้ระดับสูงและวิธีการฝึกฝนที่ได้มาจากบรรพบุรุษทั้งหมดถูกเก็บอยู่ในห้องสมุดของตระกูล ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหา เจี้ยนเฉิน เจ้าก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล เจ้าไม่คิดถึงอนาคตของตระกูลเลยหรือ ? ” เจียงหยาง ชิง จูริพูดกับเจี้ยนเฉินด้วยน้ำเสียงธรรมดา เขาดูเหมือนกำลังหารือเรื่องธรรมดากับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงออกไปและตาของเขาก็หรี่เล็กลง สายตาของเขาเป็นประกายเย็นชาก่อนที่เขาจะพูดออกไป “เจียงหยาง ชิง จูริ เจ้าจะบังคับให้ข้าทำแบบนั้นอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินเรียกชื่อเจียงหยาง ชิง จูริตรงตรง เขาโกรธจัด ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเคารพเลย
เจียงหยาง ชิง จูริจ้องตาไม่กระพริบกับพฤติกรรมของเจี้ยนเฉิน เหมือนเขาต้องการที่จะต่อสู้ทันทีที่เกิดความขัดแย้ง สายตาของเขาเป็นประกายเย็นชาอยู่ลึกลึก และเขาก็พูดเสียงทุ้มออกมา “เจียงหยาง เซียงเทียน นี่เป็นกฎของตระกูล ลูกหลานทั้งหมดทำตามมันมาตลอด เจ้าคิดจะแหกกฎอย่างนั้นหรือ ? “
“จูริ พอแล้ว เซียงเทียนเพิ่งกลับมาที่ตระกูล เขายังปรับตัวไม่ได้กับกฎ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปพูดเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะกับโถงจันทร์แจ่มตอนนี้เลย” เจียงหยาง ชิง หยุนเข้ามาปราม เขารู้ว่าการบังคับให้เจี้ยนเฉินซึ่งเป็นคนที่มีนิสัยดื้อดึงทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการนั้นเป็นความผิดพลาด
“เจียงหยาง ชิง จูริ เจ้าคิดหรือว่าข้า เจี้ยนเฉินสนใจในตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุด ? ถ้าไม่ใช่เพราะท่านทวดของข้า ข้าก็คงไม่รับตำแหน่งนี้หรอก ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ขออะไรที่มันมากไปอีกในอนาคต ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เคารพผู้อาวุโสล่ะ” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะอยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์ตอนนี้ แต่เขาก็ไม่กลัว
“หลวนเอ๋อ ไปกันเถอะ ! ” หลังจากพูดจบ เจี้ยนเฉินก็มุ่งไปยังทางออกของตระกูลพร้อมกับหวงหลวน เขาไม่สนใจเจียงหยาง ชิง หยุนและคนอื่น ๆ ที่หน้าซีดอยู่
“ทุกคนอย่าเพิ่งไปวู่วามกับเซียงเทียน เขาไม่ใช่คนธรรมดาในตระกูล พวกเราทำให้เขาเข้ามาร่วมตระกูลได้อย่างยากลำบาก ดังนั้นถ้าพวกเราเสียเขาไป พวกเราก็จะมีแต่เสียหายเท่านั้น” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวบ่น เขาดูไม่พอใจมาก
“คิดถึงเรื่องที่เกิดที่เมืองอัคนีซิ ในตอนนั้นที่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบปรากฏตัวออกมาพร้อมกันเพื่อที่จะหยุดเจี้ยนเฉิน สุดท้ายทุกคนก็แย่” เจียงหยาง ซู เซียวเพิ่มเติม ก่อนที่จะออกไปกับเจียงหยาง ซู หยวนเซียว
เจี้ยนเฉินและหวงหลวนออกไปจาตระกูลผู้พิทักษ์โดยมีเจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู เซียวตามไปด้วย ในขณะที่พวกเขาไปที่ทางออก ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองก็คอยปลอบเจี้ยนเฉินอยู่ตลอดและพูดเรื่องดีดีของตระกูลผู้พิทักษ์
“เหลนข้า อย่าให้ผู้อาวุโสชิงหยุนและจูริปั่นหัวเจ้าได้ กฎของตระกูลเป็นแบนั้นจริงจริง ดังนั้นพวกเขาก็แค่คิดถึงอนาคตของตระกูล” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวอธิบาย
เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะสนทนาเรื่องนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดกับเจียงหยาง ซู หยวนเซียว “ข้าต้องการที่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งและที่อยู่ของหอยามะ”
“หอยามะ ! ” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวขมวคิ้วเล็กน้อย หลังจากที่คิดสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “นั่นเป็นองกรค์ที่มีอยู่ในทวีปมามากกว่าแสนปีแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นค่อนข้างเยี่ยม และแข็งแกร่งกว่าตระกูลโบราณธรรมดามาก ผู้นำขององกรค์เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ตั้งแต่พันปีที่แล้ว แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหัวหน้านิกายดาบโลหิต ฮุสตัน เขาเกือบตาย แต่ในตอนนี้มันก็ผ่านมาพันปีเต็มเต็มแล้ว ข้าสงสัยว่าเขาฟื้นตัวเต็มที่หรือยัง”
“นอกเหนือจากหัวหน้ายามะคนก่อนที่ทรงพลังที่สุดแล้ว ยังมีเซียนราชาอีก 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้ายามะคนปัจจุบันและอีกคนคือผู้อาวุโสเงา ไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งของพวกเขาและองค์กรนั้นตั้งอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ มันจึงเคลื่อนที่เรื่อย ๆ ดังนั้นถึงเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะหามัน มันก็ยากมากที่จะหามันพบได้ในเวลาอันสั้น”
เจี้ยนเฉินฟังเรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรลอบสังหารนี้จากเจียงหยาง ซู หยวนเซียวก่อนที่จะอำลาพวกเขา เขาตรงไปที่อาณาจักรทะเลผ่านประตูมิติที่เจียงหยาง ซู หยุนเซียวสร้างขึ้นมา
เจี้ยนเฉินและหวงหลวนปรากฏตัวขึ้นที่มหาสมุทรไร้ขอบเขต และมุ่งหน้าไปยังที่เผ่าพันธุ์ทะเลซึ่งอยู่ลึกเข้าไป
ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงแดดก็มืดลงทันที ชั้นเมฆหนามารวมตัวกันไวจนน่าตกใจ และบดบังท้องฟ้าไปจนหมด เมฆเปล่งรัศมีออกมาเป็นแสงเจ็ดสี
“มีบางคนกำลังกลายเป็นเซียนราชา” ทั้งเจี้ยนเฉินและหวงหลวนอึ้งไป เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เมฆเจ็ดสีในท้องฟ้าขณะที่เขาพึมพำออกมา
จากวันนี้ไป มีเซียนราชาเพิ่มมาอีกคนแล้ว
ที่เกาะเล็ก ๆ โด่ดเดี่ยวที่ห่างไปหลายหมื่นกิโลเมตรจากเจี้ยนเฉิน มีชายวัยกลางคนถอดเสื้อและใส่กางเกงขาสั้นนั่งอยู่บนพื้น พลังแห่งการมีอยู่ที่ลึกซึ้งของความลึกลับธรรมชาติเปล่งรัศมีออกมาจากเขาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มิติรอบ ๆ นั้นสั่นไหวอย่างรุนแรงจนม้วนตัว มันทำให้เห็นร่างของชายคนนี้ได้รางราง
ในมิติที่แยกตัวออกมาที่เป็นที่ตั้งของสำนักดาบทรราช มีมีดพร้ายาวร้อยเมตรที่เป็นประกายตั้งอยู่ที่หุบเขาและได้รับการป้องกันจากอาคมที่ทรงพลังจำนวนมาก มันมีอำนาจทำลายล้างยิ่งใหญ่ในขณะที่มันเปล่งประกายสว่างออกมา
ทันใดนั้นเอง มีดพร้าก็สั่นไหวเล็กน้อยแม้ว่ามันจะอยู่แบบนั้นไม่ขยับเขยื้อนเลยมานานก่อนหน้านี้ บางอย่างในมีดูเหมือนจะตื่นขึ้นทำให้มันเปล่งรัศมีแรงกดดันมหาศาลออกมา มันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างเหลือเชื่อในพริบตา
พลังงานที่ทรงพลังมากกระเพื่อมอยู่ในมีดพร้า มันไม่เคยปั่นป่วนมาก่อน แต่มันก็เริ่มไหลออกมาในตอนนี้
ปัง! ปัง! ปัง!
อาคมอันทรงพลังที่ล้อมรอบและขังมีดพร้าเอาไว้ทั้งหมดระเบิดออก เสียงสะท้อนของมีดดังไปทั่วทั้งมิติ และจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นก้อนสีเงิน มันฉีกมิติและหายไปจากมิติที่แยกตัว
“บ้าเอ้ย ! ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิหนีไปแล้ว ! “
เสียงร้องตื่นตระหนกและกลัวดังขึ้นมาทันทีเกือบจะพร้อม ๆ กันกับเวลาที่มีดพร้าหายไป คนหกคนที่อายุต่างกันหลอมรวมเข้ากับมิติและไปถึงที่ที่มีดพร้าเคยอยู่ในก้าวเดียว
คนทั้งหกทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดาบทรราช ความกลัวและความเหลือเชื่อเต็มอยู่ที่ใบหน้าของพวกเขาในตอนนี้
“เกิดอะไรขึ้น? มันก็ปกติ แล้วทำไมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถึงได้หนีออกมาอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้ล่ะ…”
“นี่ไม่เคยมีบันทึกมาก่อน ดังนั้น พูดอีกอย่างได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่บางอย่างแบบนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์…”
“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเป็นสมบัติของสำนักดาบทรราชของพวกเรา พวกเราจะยอมเสียมันไปไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องเอามันกลับมา…”
“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเป็นมรดกของสำนักดาบทรราช ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม พวกเราต้องเอามันกลับมาให้ได้…”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดเคร่งเครียดมากในขณะที่หวั่นวิตกในใจ พวกเขาเปิดประตูมิติทันทีและออกไปยังโลกภายนอก พวกเขาใช้ทักษะลับเพื่อที่จะสัมผัสถึงที่อยู่ของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเขาไล่ตามมันไป
ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ เมฆรุ้งเจ็ดสีเกลื่อนไปทั่วท้องฟ้า ชายวัยกลางคนร่างกำยำยังคงหลับตาอยู่ในขณะที่เขานั่งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยว
ในตอนนี้เอง พลังงานที่น่ากลัวมากก็ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าขึ้นมาทันที ลำแสงสีขาวจ้าตัดผ่านท้องฟ้าและพุ่งตรงไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ทรงพลังมากที่กระเพื่อมอยู่หลายหมื่นกิโลเมตรห่างออกไปทันที เขาทึ่งและพูดเสียงแหบออกมา “ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ นี่เป็นพลังแห่งการมีอยู่ของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ช่างเป็นคลื่นพลังที่น่ากลัวอะไรแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนข้ากำลังเผชิญหน้ากับเซียนจักรพรรดิอยู่เลย มันเป็นอาวุธธรรมดาธรรมดา แต่มันก็มีความยิ่งใหญ่มากนัก นี่เป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์หรือเปล่านะ ? ” เจี้ยนเฉินลังเลสักพักก่อนที่จะรีบไปที่นั่นพร้อมกับหวงหลวน
แสงสีขาวจ้าลดตัวลงที่เกาะนั้น และหยุดเหนือหัวของชายวัยกลางคน มันเปลี่ยนเป็นมีดพร้ายาวหนึ่งเมตรครึ่ง มีดร่อนมาอย่างนุ่มนวลและปกคลุมเป็นแสงจ้าไปที่ชายคนนั้น
ชายคนนั้นเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรในขณะที่เขานั่งอยู่ตรงนั้น
มิติใกล้ใกล้เกาะฉีกเปิดออกและเกิดประตูมิติห้าสีขึ้นมา ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดาบทรราชพุ่งออกมาจากประตูมาที่เกาะ ในขณะที่พวกเขาออกมาและล้อมชายวัยกลางคนที่เพิ่งตัดผ่านไปนั้น พวกเขาทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ