เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1093: ช่วยไป๋เต๋า
ตอนที่ 1093: ช่วยไป๋เต๋า
ดาบพิษที่เคารพที่อยู่ร่างของไป๋เต๋าอยู่รวมในกลุ่มพวกนักฆ่า รวมทั้งเรื่องที่ไป๋เต๋านั้นอยู่ในชุดยาวสีดำ จึงทำให้เขาไม่เป็นที่สะดุดตาของเจี้ยนเฉิน จนกระทั่งเขาพูดขึ้นมา
เจี้ยนเฉินและรุยจินหันไปหาดาบพิษที่เคารพพร้อม ๆ กัน ท่าทางของรุยจินยังเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลงทันที เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่ดาบพิษที่เคารพ ในขณะที่ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
แม้จะผ่านมาหลายปี เจี้ยนเฉินก็ยังจำไป๋เต๋าได้ ไป๋เต๋าเป็นพี่ชายของแม่ของเขาซึ่งก็คือลุงของเขาทางสายเลือด เขาคงจะไม่มีทางลืมญาติที่มีอยู่อันน้อยนิดของเขา
“ท่านลุง ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกไปอย่างประหลาดใจ และบินไปทางเขา
ใบหน้าของรุยจินและหงเหลียนแสดงความประหลาดใจออกมาในตอนที่พวกเขาได้ยินเจี้ยนเฉินพูด พวกเขาตามเจี้ยนเฉินไป
ดาบพิษที่เคารพได้ยินที่เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาชัดเจนเหมือนกัน ซึ่งทำให้เขาอึ้งไป เขาค่อนข้างงุนงง
“เซียงเทียน เซียงเทียนจริง ๆ ด้วย…” วิญญาณของไป๋เต๋าเริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง และไม่สงบเหมือนก่อนหน้านี้
“เซียงเทียน ? เซียงเทียนอะไร ? เจ้าหนู เจ้ารู้จักคนพวกนี้อย่างนั้นหรือ ? ” ดาบพิษที่เคารพกระวนกระวายเพราะเขารู้สึกได้ถึงลางร้าย
ในตอนนี้ ดาบพิษก็รู้สึกได้ว่าพลังลึกลับที่พันนธาการเขาเอาไว้นั้นได้หายไปแล้ว เขาเป็นอิสระ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหนี ความพยายามที่จะต่อต้านหรือหนีต่อหน้าจอมยุทธแบบนี้นั้นคงไม่ได้ผลอะไร
“เขาเป็นหลานของข้า ดาบพิษที่เคารพ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้ยังไงทีนี้” ไป๋เต๋าขบฟัน เขาเริ่มขัดขืนอย่างรุนแรงเพื่อพยายามที่จะกลับมาควบคุมร่างกายของเขาให้ได้
“อะไรนะ ! หลานของเจ้า ! ? ” ดาบพิษหน้าซีดไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามอย่างมากที่จะกดวิญญาณของไป๋เต๋าเอาไว้ ในขณะที่ใจของเขานั้นปั่นป่วน
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าหนู หลานของเจ้าจะแก่ไปกว่าเจ้าได้ไง และเจ้ายังอายุไม่ถึงร้อยปีเลย เจ้าจะไปมีหลานที่ทรงพลังแบบนี้ได้ยังไง ? ไป๋เต๋า เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กที่เจ้าจะหลอกได้อย่างนั้นหรือ ? ” ดาบพิษคิดออกมาเสียงดัง แต่เขาไม่มั่นใจในสิ่งที่เขาคิดเลย การที่เจี้ยนเฉินเรียกเขาว่าท่านลุงนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี
เจี้ยนเฉินมาถึงที่ข้าง ๆ ดาบพิษ เขาจ้องไปที่ดาบพิษที่เคารพด้วยความตกใจ และในตอนที่เขากำลังจะพูด เขาก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป ในขณะที่ตาของเขานั้นหรี่เล็กลงทันที เขาตะโกนออกมา “เจ้าไม่ใช่ท่านลุงของข้า ! เจ้าเป็นใครกัน ? “
ร่างของดาบพิษที่เคารพกระตุกและเขาก็ไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม มันก็สายไปแล้วที่เขาจะชดเชยอะไรได้กับสิ่งที่เขาทำลงไป ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย “หลาน ข้าเป็นลุงของเจ้าไง เจ้าจำลุงไป๋เต๋าไม่ได้แล้วอย่างนั้นหรือ ? “
เจี้ยนเฉินจ้องเขม็งไปที่เขา ก่อนที่จะชี้ไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในมือของดาบพิษที่เคารพที่เปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เขาคะโกนออกมา “เจ้ายังจะโกหกอีกงั้นหรือ ? บอกมา ว่าเจ้าเป็นใคร ? ” จิตสังหารหนาแน่นหลั่งไหลออกมาจากเจี้ยนเฉิน
หัวใจของดาบพิษที่เคารพสั่นไหวในตอนที่เขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่หลงกลของเขา
รุยจินและหงเหลียนมาถึงที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน สายตาของพวกเขาเป็นประกายในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่ดาบพิษที่เคารพ
“เจี้ยนเฉิน ร่างนี้มีวิญญาณ 2 ดวง มีบางคนตั้งใจกดวิญญาณของเจ้าของร่างดั้งเดิมเอาไว้และควบคุมร่างกายของเขา” รุยจินอธิบาย
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป และเขาก็ตะโกนไปที่ดาบพิษที่เคารพ “ปลดปล่อยร่างกายของลุงของข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะกำจัดเจ้าซะ”
ท่าทางของดาบพิษที่เคารพก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาพูดออกมา “ลุงของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าหลอมรวมกับวิญญาณของลุงของเจ้าในตอนนี้ ดังนั้นถ้าเจ้าฆ่าข้า ลุงของเจ้าต้องตายเหมือนกัน”
หัวใจของเจี้ยนเฉินตกไปถึงตาตุ่ม ถ้าไป๋เต๋าได้รีบความเสียหายทางกายภาพ มันก็มีวิธีที่จะรักษาได้อยู่ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน อย่างไรก็ตาม เรื่องมันจะยากมากขึ้นถ้าเกี่ยวข้องกับวิญญาณ
“เขายังควบคุมร่างกายได้ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ใช่เจ้าของร่าง ข้ามีวิธีที่จะจัดการได้” หงเหลียนบอกพวกเขาออกมาทันที นางชี้นิ้วไปที่หน้าอกของไป๋เต๋าและแทงเข้าไปที่หัวใจของเขาแล้วเอาเลือดบริสุทธิ์หยดหนึ่งออกมา ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ บอลเพลิงสีขาวก็ปรากฏขึ้นมาที่มือซ้ายของหงเหลียน นางสะบัดมือขวาแล้วเลือดบริสุทธิ์ของไป๋เต๋าก็พุ่งเข้าไปในเพลิงสีขาว
เปลวเพลิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีที่เลือดบริสุทธิ์เข้าไป และนางก็โบกมือแล้วเพลิงก็เข้าไปที่ร่างของไป๋เต๋าทันที
“ฉึบ ! ” แม้ว่ามันจะเป็นแค่บอลเพลิงเล็ก ๆ แต่ไปก็กระจายออกไปอย่างรวเร็วในตอนที่สัมผัสกับไป๋เต๋า มันขังเขาไว้ด้วยเปลวเพลิงที่สว่างจ้า
“อ้าก ! ” ดาบพิษที่เคารพสั่นทันทีอย่างเจ็บปวดจากเปลวเพลิงที่เผาไหม้ เปลวเพลิงนี้ไม่ใช่ไฟธรรมดา มันเป็นอันตรายต่อวิญญาณมากซึ่งเป็นอะไรที่แม้แต่คนที่ระดับดาบพิษที่เคารพยังไม่สามารถต่อต้านได้
หงเหลียนพูดออกมาอย่างปกติในตอนที่นางเห็นท่าทางกังวลของเจี้ยนเฉิน “อย่ากังวลไปเลย เลือดบริสุทธิ์ของลุงของเจ้าได้ถูกข้าหลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิง มันไม่สามารถทำร้ายลุงของเจ้าได้ และจะทำร้ายเพียงวัตถุที่ไม่เกี่ยวข้องกับลุงของเจ้า การใช้มันเพื่อจัดการกับวิญญาณแปลกปลอมที่อยู่ในร่างของลุงของเจ้าจึงเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่สุด”
เจี้ยนเฉินคลายกังวลทันทีในตอนที่ได้ยินนางอธิบาย
ไฟม้วนอยู่รอบ ๆ ร่างของไป๋เต๋า แม้ว่ามันจะไม่ได้ให้ความร้อนออกมา แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยถึงความแข็งแกร่งของมัน ร่องรอยที่ดาบพิษที่เคารพทิ้งไว้ในร่างของไป๋เต๋าค่อย ๆ ถูกเผาหายไป
ดาบพิษที่เคารพสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความเจ็บปวด เมื่อต้องทนกับการเผาไหม้ เขาจึงไม่มีกำลังเหลือพอที่จะข่มวิญญาณของไป๋เต๋าเอาไว้ได้ และทำให้ไป๋เต๋าควบคุมร่างกายของเขาคืนได้อีกครั้ง เสียงกรีดร้องของดาบพิษที่เคารพยังดังอยู่ในหัวของไป๋เต๋า
“เจ้าชั่ว เจ้าไม่ต้องต้องการจะกลืนกินวิญญาณของข้าอย่างนั้นหรือ ? มาดูว่าใครจะกลืนกินวิญญาณของใครในตอนนี้กัน” ไป๋เต๋าไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาเริ่มที่จะกลืนกินวิญญาณของดาบพิษที่เคารพทันทีโดยที่ไม่ทันได้พูดหลานของเขาด้วยซ้ำ
ในตอนแรกนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เต๋าจะกลืนกินวิญญาณของเซียนราชาในขั้นสูงสุดด้วยพลังของเขาเอง แต่ในตอนนี้วิญญาณของดาบพิษที่เคารพนั้นอ่อนแอมากจากการถูกเปลวเพลิงเผา และในเมื่อวิญญาณของเขาอยู่ในหัวของไป๋เต๋าด้วยแล้ว นี่จึงเป็นโอกาสที่หายากที่จะกลืนกินวิญญาณของดาบพิษได้
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของไป๋เต๋าในตอนนี้นั้นต่ำมาก ความสามารถกลืนกินของเขานั้นไม่ดีเยี่ยม ดังนั้นไป๋เต๋าจึงถึงขีดจำกัดทันทีที่เขากลืนกินไปได้เล็กน้อย ยังไงดาบพิษที่เคารพก็ยังเป็นเซียนราชาในขั้นสูงสุดอยู่ดี แม้ว่าวิญญาณของเขาจะอ่อนแอมาก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เต๋าจะกลืนกินวิญญาณของเขาได้ในเวลาอันสั้น
ไฟที่เผาวิญญาณของดาบพิษที่เคารพค่อย ๆ เบาบางลงไปแล้ว และวิญญาณของเขาก็หยุดกรีดร้อง สิ่งที่เหลือทิ้งไว้มีเพียงไข่มุกสีเทาที่ลอยอยู่ในหัวของไป๋เต๋า มันเต็มไปด้วยกลังแห่งการมีอยู่ของความลึกลับในธรรมชาติ และพลังของวิญญาณที่หนาแน่น
“วิญญาณแปลกปลอมที่ยึดร่างเขาไปนั้นถูกกำจัดแล้ว ตราบใดที่ยังมีวิญญาณส่วนน้อยอยู่ในร่างของลุงของเจ้า ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติที่อยู่ในวิญญาณแปลกปลอมนั้นก็ยังจะคงอยู่เพราะความมหัศจรรย์ของไฟของข้า ดังนั้นถ้าลุงของเจ้าสามารถดูดซับมันได้จนหมด ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา” หงเหลียนพูดออกมาอย่างเฉยเมย หลังจากนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นและบอลเพลิงก็พุ่งออกมาจากไป๋เต๋าและกลับไปที่มือของหงเหลียนก่อนที่จะหายไป
เจี้ยนเฉินมีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าไป๋เต๋าได้รับโอกาสที่จะได้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขา เขาไปที่ข้าง ๆ ไป๋เต๋าและถามอย่างห่วงใย “ท่านลุง ท่านสบายดีหรือไม่ ? ท่านรู้สึกยังไงบ้าง ? “
ไป๋เต๋าลืมตาขึ้นช้า ๆ ตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนแอและเหนื่อยล้า เขายังไม่แปลงวิญญาณของดาบพิษที่เคารพที่เขากลืนกินมาเป็นของตัวเอง ในขณะที่ยังมีชิ้นส่วนของวิญญาณและความลึกลับของธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่อีกในหัวของเขา ที่วิญญาณของเขานั้นอ่อนแอเป็นเพราะเขาถูกข่มวิญญาณเอาไว้และการที่เขาถูกยึดเอาร่างไป
ไป๋เต๋ามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีที่ตื้นตัน ในขณะที่ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความดีใจ หลังจากที่ผ่านมาหลายปี หลานของเขานั้นก็สุดยอดขึ้นเรื่อย ๆ
“เซียงเทียน เจ้าสบายดีแล้วตอนนี้ หอยามะเป็นกลุ่มคนลึกลับที่ทำลายล้างตระกูลไป๋เมื่อนานมาแล้ว เจ้าล้างแค้นได้แล้วในตอนนี้” ไป๋เต๋าพูด
จิตสังหารพุ่งพวยอยู่ในตาของเจี้ยนเฉินเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาขบฟัน “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่ากลุ่มคนลึกลับที่ทำลายล้างตระกูลไป๋ในตอนนั้นจะเป็นหอยามะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นให้ตระกูลไป๋ได้แล้วในตอนนี้”
“ท่านลุง ไปพักก่อนเถอะ ปล่อยทุกอย่างให้ข้าจัดการเอง” เจี้ยนเฉินพูดกับไป๋เต๋า เขามองไปรอบ ๆ และเห็นกลุ่มนักฆ่ากลุ่มใหญ่พันกว่าคนของศาลายะกำลังถูกเซียนผู้คุมกฎ 5 คนสังหาร มีเพียงเซียนผู้คุมกฎสิบกว่าคนนั้นที่เหลืออยู่
แม้ว่าจะมีการลงทัณฑ์จากสวรรค์ถ้าเซียนผู้คุมกฎหรือคนที่ระดับสูงกว่านั้นฆ่าคนที่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎ แต่นั้นก็เป็นเฉพาะการฆ่าล้างบางเป็นหลายล้านคนเท่านั้นเท่านั้น แค่การฆ่าคนพันคนไม่ทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์
เสียงระเบิดรุนแรงดังสนั่นไปรอบ ๆ การต่อสู้ที่ไกลไกลรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้ เซียนผู้คุมกฎทั้งห้าคนกำลังร่วมมือกันเพื่อที่จะล้อมนักฆ่าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเพื่อที่จะฆ่าพวกเขาทีละคน
นักฆ่าเซียนผู้คุมกฎนั้นถูกจำกัดการเคลื่อนไหวเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถโจมตีตอบโต้ได้ แต่มันก็ยากที่พวกเขาจะขยับได้ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะทรงพลังกว่า พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านการร่วมกันโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎห้าคนได้ ในพริบตา เซียนผู้คุมกฎที่อ่อนแอกว่าสองคนก็ถูกเซียนผู้คุมกฎห้าคนสังหาร
ในอีกมุมหนึ่งนั้น การสังหารคนที่เหนือกว่าระดับเซียนผู้คุมกฎนั้นไม่ได้เป็นการเพิ่มบาปและนำไปสู่ทัณฑ์สวรรค์ ไม่ว่ามันจะเป็นการสังหารที่โหดร้ายแค่ไหนก็ตาม
เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่นักฆ่าเซียนผู้คุมกฎที่เหลือ เขาถือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและใช้ทักษะมายาพริบตาพุ่งเข้าไปเป็นภาพพร่ามัวไปยังนักฆ่าที่เหลือ ทุกครั้งที่เขาผ่านคนหนึ่งไป ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำและหัวของพวกเขาก็กระเด็นขึ้นไปบนฟ้า
แม้แต่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉิน ในไม่ช้า พวกเขาทั้งหมดก็ตายด้วยน้ำมือของเจี้ยนเฉิน วิญญาณของพวกเขาถูกกำจัดไปในขณะที่เลือดก็ย้อมไปทั่วท้องฟ้าเหมือนฝนที่กำลังตกลงมา
เสื้อขาวของเจี้ยนเฉินปลิวในขณะที่ผมยาวของเขาพริ้วไสวไปในอากาศ เขายืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่มีเลือดหยดอยู่ เขาดูเหมือนเทพเจ้าแห่งการฆ่าฟัน เขาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายและร้องออกมาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าจะซ่อนอยู่อีกนานแค่ไหน จอมยุทธที่แท้จริงของหอยามะ ? พวกเจ้าไม่อยากจะออกมาอย่างนั้นหรือ “
เขารู้มาจากเจียงยาง ซู หยวนเซียวว่า หอยามะนั้นมีเซียนราชาอยู่ไม่มาก แต่มันก็มากกว่าหนึ่งคน
ทันใดนั้นเอง หอกที่แหลมมากก็ปรากฏขึ้นมาด้านหลังเจี้ยนเฉิน มันแทงไปที่ด้านหลังหัวของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูงและเงียบกริบมาก มันต้องการที่จะกำจัดวิญญาณของเขาไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว