เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1116: ภูเขามังกรหลับใหล
ตอนที่ 1116: ภูเขามังกรหลับใหล
“ผู้อาวุโส เขาเป็นคนที่ฆ่าตี้เฟ เขาต้องการที่จะเอาถ้ำไปและพยายามที่จะไล่พวกท่านทั้งสี่คนไป เขาช่างเย่อหยิ่งและโอหังนัก ได้โปรดฆ่าคนผู้นี้ด้วย” ชายวัยกลางคนพูดในขณะที่เขาชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน
“ผู้อาวุโส ข้างนอกฝนกำลังกระหน่ำลงมา เจ้าคนเย่อหยิ่งผู้นั้นต้องการที่จะบังคับเอาถ้ำจากพวกเราและไล่พวกเราไป เห็นได้ใช้ว่าเขามีเจตนาไม่เป็นมิตรกับพวกเรา ดังนั้นพวกเราจะให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดเพิ่มเติม เขาบิดเบือนความจริงและโกหก
เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่ชายทั้งสองคน เขาเอ่ยออกมาว่า “การที่คนอย่างพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้มันช่างรกโลกเสียจริง เจ้าจะต้องตายในไม่ช้า ดังนั้นให้ข้าส่งเจ้าไปด้วยตัวเองเถอะ ดีกว่าเจ้าจะไปทำร้ายคนอื่นอีก” เจี้ยนเฉินชี้นิ้วออกไป และปราณกระบี่ม่วงฟ้าสองสายก็ยิงออกไป พวกมันหายทะลุหน้าผากของชายทั้งสองคน และกำจัดวิญญาณของพวกเขาออกไปตรงนั้น พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
โชวชูหยุนและคนอื่น ๆ ก็มาถึงที่ปลายถ้ำ และเพิ่งเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขานิ่งอึ้งไปทันทีที่ได้เห็นเจี้ยนเฉินใช้วิธีการที่รุนแรงอีกครั้ง เจี้ยนเฉินฆ่าพวกนั้นไปอย่างไม่ลังเล
ชายชราทั้งสี่ที่อยู่รอบ ๆ กองไฟทุกคนลืมตาขึ้นและมองไปที่เจี้ยนเฉิน สายตาของพวกเขาเย็นชาและแหลมคม สายตาของพวกเขาแข็งทื่อทันทีเหมือนดาบที่แหลมคม พวกมันดูเหมือนมีพลังที่จะเจาะทะลุหินได้
“ท่านไม่ลงมือรุนแรงไปหน่อยหรือ ? ” หนึ่งในชายชราพูดออกมาเสียงทุ้ม
“คนแบบนั้นสมควรโดนแล้ว พวกเขาอยู่ไปก็รกโลก” เจี้ยนเฉินพูด ก่อนที่จะเดินอย่างมั่นใจไปที่ชายชราทั้งสี่คน
สายตาของชายชราเป็นประกายในขณะที่พวกเขาเกร็งกล้ามเนื้อ พลังงานปริมาณมหาศาลไหลอย่างรุนแรงในร่างของพวกเขา พวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เดินไปที่พวกเขา เขาเดินอย่างสงบไประหว่างชายชราทั้งสี่อย่างใจเย็นและไปถึงที่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคนทั้งสองที่นอนจมกองเลือดของตัวเองอยู่ เขาเตะทั้งสองคนไปที่ที่โชวชูหยุนและคนอื่น ๆ อยู่แล้วพูด “โยนทั้งสองคนนั้นออกไปจากถ้ำ”
“ตกลง ! ” โชวชูหยุนตอบรับทันที เขาไม่ลังเลและคว้าเอาศพของทั้งสองคนนั้นและเอาออกไปข้างนอก
“ท่านช่างหยิ่งยโสยิ่งนัก ท่านต้องเข้าใจนะว่ามีจอมยุทธอยู่นับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ และมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ เจ้าไม่ได้ไร้เทียมทาน” หนึ่งในชายชราพูออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ท่าทีของเขาน่ากลัวมาก ทั้งสี่ไม่ได้ยับยั้งเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดกลัวเจี้ยนเฉิน
“จริงที่ข้าไม่ได้ไร้เทียมทาน แต่แค่ข้าก็พอที่จะจัดการพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว” เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่ชายชราทั้งสี่ และบางทีเขาอาจจะตั้งใจมองด้วยสายตาที่เป็นประกายข่มขู่
“ท่านต้องการที่จะไล่พวกเราทั้งสี่ออกไปด้วยอย่างนั้นหรือ ? ” ท่าทางของชายชราทั้งสี่น่ากลัวมาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงนั่งอยู่รอบกองไฟ
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล ตราบใดที่พวกเจ้าไม่มาหาเรื่องข้า ข้าจะไม่ไปหาเรื่องพวกเจ้าเหมือนกัน” เจี้ยนเฉินตอบกลับก่อนที่จะนั่งลงที่หิน เขาหลับตาเพื่อพักผ่อน
ชายชราทั้งสี่จ้องไปที่เจี้ยนเฉินสักพัก พวกเขาไม่ได้พูดอะไร และจากนั้นพวกเขาก็หลับตาลงเช่นกัน พวกเขาไม่ได้สนใจคนอื่น ๆ ที่อยู่ในถ้ำเลย
หลังจากที่จัดการกับศพทั้งสองแล้ว โชวชูหยุนและลุยจุนก็นำกลุ่มนักผจญภัยฟ้าครามอ้อมรอบชายชราทั้งสี่อย่างระมัดระวัง พวกเขาไปถึงที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินและดึงเอายาฟื้นฟูออกมาจากแหวนมิติของพวกเขา พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเบามาก เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนชายชรา
พวกเขารู้ว่าชายชรานั้นทรงพลังมากและไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถจัดการได้ นี่เป็นเพราะว่าพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังที่เปล่งรัศมีออกมาจากพวกเขาทั้งสี่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลัว ถ้าเจี้ยนเฉินไม่อยู่ตรงนี้ พวกเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในถ้ำ
ฝนตกลงมาต่อเนื่องสามวันก่อนที่จะหยุด ดังนั้นกลุ่มของเจี้ยนเฉินอยู่ในถ้ำสามวัน ในระหว่างเวลานั้น เจี้ยนเฉินก็ทำความเข้าใจในทักษะมายาพริบตาและคำทำนายสุดยอดต่อ เขาได้เข้าใจในทักษะมายาพริบตามากขึ้น แต่เขายังอยู่ในระดับเดิม ส่วนทักษะคำทำนายสุดยอด เขาไม่ได้ก้าวหน้าเลย
สามวันต่อมา เจี้ยนเฉินและนักผจญภัยฟ้าครามก็ออกจากถ้ำ ชายชราทั้งสี่ก็เลือกที่จะออกไปมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกับเจี้ยนเฉินและไปคนละทิศทางแยกจากเจี้ยนเฉิน
หลังจากที่เดินทางไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงสัตว์คำรามดังขึ้นมา สัตว์ดุร้ายยาว 30 เมตรพุ่งมาที่นักผจญภัยฟ้าคราม ตาแดงก่ำของมันเต็มไปด้วยความกระหาย และต้องการให้กลุ่มของเจี้ยนเฉินเป็นเหยื่อของมัน
“มันเป็นสัตว์ดุร้าย 13 ดาว โชวหลินและคนอื่นถอยไป” โชวชูหยุนสั่งเสียงทุ้ม เขาเอาอาวุธเซียนออกมาอย่างเคร่งเครียด และพุ่งเข้าไปสู้กับสัตว์ดุร้าย
ลุยจุนก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาช่วยโชวชูหยุนก่อนที่จะสังหารสัตวุ์ร้ายได้ในที่สุด พวกเขาเจอหินขนาดเท่ากำปั้นในร่างของสัตว์นี้
“หินฟ้าสะเทือน มีหินฟ้าสะเทือนจริง ๆ มันเป็นระดับ 13 ดาว” โชวชูหยุนหยิบหินฟ้าสะเทือนมาอย่างตื่นเต้น ถ้าส่งหินนี้ให้จอมยุทธ 13 ดาวเติมพลังเข้าไป มันจะมีค่าหลายเหรียญผลึกชั้นยอดเลยทีเดียว
เห็นชัดว่าทุกคนในกลุ่มตื่นเต้นจากสิ่งที่ได้มา โชวหลินและคนอื่น ๆ ยินดีในโชคของตัวเอง
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อ และมุ่งหน้าเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าสัตว์ดุร้ายที่ผ่านเข้ามาจะทรงพลังขนาดไหน พวกมันก็ถูกสังหารทั้งหมด แต่พวกเขาก็พบหินฟ้าสะเทือนในปริมาณไม่มาก หินฟ้าสะเทือนนั้นไม่ได้ปรากฎขึ้นในตัวของสัตวุ์ร้ายทุกตัว ต่างจากแกนอสูรในร่างของสัตว์อสูรมาก
เจี้ยนเฉินช่วยพวกเขาในระหว่างช่วงเวลานี้เหมือนกัน เขายิงปราณกระบี่นภาด้วยนิ้วของเขา และฆ่าสัตว์ดุร้าย 14 ดาวซึ่งนักผจญภัยฟ้าครามกลัวมากไปหลายตัว มีสัตว์อสูร 14 ดาวขั้นสูงสุดอยู่หลายตัวเช่นกัน แต่ก็ไม่พบหินฟ้าสะเทือนในพวกมันเลย
เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ มาถึงที่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ้ไพศาล หญ้าที่นี่มีชีวิตอยู่มามากนับไม่ถ้วนปีแล้ว มันจึงสูงเท่ากับต้นไม้ มันอาจไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นทุ่งแต่เป็นป่าโบราณที่เกิดมาจากต้นหญ้ามากกกว่า
อันตรายอยู่ในโพรงหญ้า แมลงและสัตว์มีพิษเคลื่อนไหวรวดเรวอย่างกับปรอทและปรากฎขึ้นได้ทุกเมื่อและสามารถสร้างการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นคนที่เข้ามาที่นี่จึงอยู่ในอันตรายตลอดเวลา สถานที่แห่งนี้เต็มไปหนองบึงเช่นกัน ถ้าตกลงไป แรงจากบึงจะดูดให้คนคนนั้นจมลงไป แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ตายได้ถ้าตกลงไป
เหล่านี้ไม่ใช้สิ่งอันตรายในทะเลหญ้านี้เท่านั้น ภัยที่อันตรายที่สุดก็คือการที่หญ้าบางต้นนั้นมีสติสัมปะชัญญะเป็นของตัวเอง แม้ว่ามันจะไม่สามารถคิดได้ แต่พวกมันก็สามารถสร้างปากใหญ่ขึ้นมาเพื่อโจมตีคนที่ผ่านมันไปได้ ถ้าพวกเขาไม่ระวังตัว
เมื่อติดอยู่ในปากใหญ่ที่เกิดมาจากต้นหญ้าแล้ว พลังงานของเหยื่อจะถูกดูดไปอย่างรวดเร็วและทำให้หญ้าทรงพลังมากขึ้น เลือดและเนื้อจะกลายเป็นอาหารให้กับต้นหญ้าหลังจากที่มันกลืนกินเข้าไป แม้แต่เซียนผู้คุมกฎยังยากที่จะรอดไปได้ถ้าถูกจับเข้า
คนของนักผจญภัยฟ้าครามนั้นมีประสบการณ์มาก ในขณะที่พวกเขาเดินผ่านหญ้าไป พวกเขาก็ไม่ไปเจอเข้ากับอันตรายเลย แต่พวกเขาก็รู้มันล่วงหน้าก่อนเนื่องจากประสบการณ์ที่มีของพวกเขา พวกเขาหลีกเลี่ยงอันตรายไปได้ ดังนั้นการเดินทางจึงน่ากลัวมากกว่าที่จะเป็นอันตราย
ครึ่งวันต่อมา พวกเขาก็ผ่านทุ่งหญ้ามาได้ ภูเขาปรากฏขึ้นอยู่ด้านหน้าแต่ไกล พวกมันดูเหมือนมังกรใหญ่ที่นอนอยู่บนพื้น และขวางทางข้างหน้าไว้อยู่
มีกลุ่มคมที่มีอายุประมาณ 30 ปีกำลังมุ่งหน้ามาที่เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ จากที่ไกลไกล พวกเขาไม่อ่อนแอ พวกเขามีเซียนผู้คุมกฎประมาณ 10 คน ในขณะที่ที่เหลือนั้นเป็นเซียนสวรรค์
“ภูเขาเหล่านี้คือภูเขามังกรหลับใหล เทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มันแบ่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ออกเป็น 2 ส่วน และเลยจากภูเขานี้ไปจะเป็นส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์” โชวชูหยุนอธิบายกับเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวังหลังจากที่เห็นกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้าเข้ามา
Liu Jun and the other members had also discovered the large group. They all secretly made preparations. Killing and looting could happen anywhere in the divine realm. Only Jian Chen remained staring at the mountain range up ahead. His gaze was profound, constantly glancing at various locations of the mountains. He could feel the presences of very powerful beasts in there.
ลุยจุนและคนอื่น ๆ ก็เห็นกลุ่มใหญ่นี้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเตรียมการอยู่ลับ ๆ การฆ่าและชิงสิ่งของเกิดขึ้นได้ทุกที่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังคงจ้องมองไปที่เทือกเขาด้านหน้า สายตาของเขานั้นลึกซึ้งและเขาก็จ้องไปที่หลาย ๆ ที่ของเทือกเขาอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของสัตว์ที่ทรงพลังที่อยู่ในนั้น
“ท่านนักรบ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่า พวกท่านวางแผนที่จะเข้าไปในส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า ? ถ้าพวกท่านกำลังจะเข้าไป ทำไมพวกท่านไม่ไปกับพวกเราล่ะ ? พวกเราจะสามารถจัดการกับอันตรายที่เข้ามาได้ง่ายขึ้นมาก” คนที่ตะโกนออกมานั้นยังรักษาระยะห่างจากกลุ่มของเจี้ยนเฉิน
ในเวลาเดียวกันที่อีกทิศทางหนึ่ง ชายชราทั้งสี่คนก็ออกมาจากทุ่งหญ้า พวกเขายืนอยู่ด้วยกัน ในขณะที่พวกเขาจ้องอย่างเคร่งเครียดไปที่ภูเขา
“พวกนั้นนี่ พวกเขามาถึงที่นี่ได้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ต้องการที่จะเข้าไปที่ส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ด้วย” โชวชูหยุนเห็นชายชราทั้งสี่และพึมพำออกมาเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว
เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายชราทั้งสี่ ตาของเขาเป็นประกายจากนั้นมันก็หม่นหมองลง มันเป็นชายชราทั้งสี่คนกลุ่มเดิมที่เขาเจอมาในถ้ำ
ในเวลาเดียวกัน คนทั้งสี่ก็เห็นเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดจ้องมาและสายตาของพวกเขาก็เป็นประกายก่อนที่จะหายไป สายตาของพวกเขายากหยั่งถึง พวกเขาไม่ได้ปีนภูเขาแต่แทนที่กันพวกเขากลับเดินตามตีนภูเขาไปไกลแทน
“ท่านนักรบ พวกเรากำลังจะเข้าไปที่ส่วนลึกเหมือนกัน ร่วมมือกับพวกเรา ถ้าพวกเราเดินทางด้วยกัน พวกเราจะไปถึงส่วนลึกได้ด้วยกัน” ชายวัยกลางคนจากหลุ่มใหญ่ตะโกนออกมาเพื่อต้องการที่จะชวนชายชราทั้งสี่
ชายชราทั้งสี่ไม่สนใจเขาเลย และเดินต่อโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง แม้ว่าพวกเขาจะเดินเท้า แต่พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปเร็วมาก และหายไปในไม่ช้า
ในตอนนี้ กลุ่มใหญ่นั้นก็มาถึงตรงหน้าของเจี้ยนเฉิน พวกยืนแบ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หลายกลุ่ม ชี้ให้เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นไม่ได้มาจากที่เดียวกัน
“ท่านนักรบ ท่านจะว่าอย่างไร ? ร่วมกับพวกเราและพวกเราจะเข้าไปในส่วนลึกด้วยกัน” ชายวัยกลางคนแนะนำอีกครั้ง เพื่อที่จะชวนพวกเจี้ยนเฉินอย่างจริงใจ