เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1136: ของขวัญ
ตอนที่ 1136: ของขวัญ
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในโถงอันสง่างาม ภายใต้บรรยากาศอันเงียบสงบ
เจี้ยนเฉินนั่งเฉย ๆ เขาพลิกมือ 1 ครั้ง ทันใดนั้นก็มีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดเจนว่ามันมีอายุมานานพอสมควรแล้ว
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีเพียงสมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนทักษะการบ่มเพาะของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ไม่อย่างนั้น ข้าอาจจะเพิ่มวิธีการบ่มเพาะชั้นยอดอีกหนึ่งวิธีไว้สะสมให้กับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี” เจี้ยนเฉินพูดพึมพำเมื่อเขามองทักษะการบ่มเพาะ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย
“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ข้าได้รับโถงศักดิ์สิทธิ์ของท่านและข้าได้พบผู้สืบทอดสำหรับท่าน ดังนั้นทักษะการบ่มเพาะของท่านจะไม่สาปสูญ สิ่งนี้ถือเป็นการชดเชยรูปแบบหนึ่ง” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ปล่อยให้ซี่หวังนำทักษะการบ่มเพาะไป แต่เขาเชื่อว่าซี่หวังได้จดจำเนื้อหาทั้งหมดแล้ว
ทักษะการบ่มเพาะจากอาณาจักรทะเลนั้นไม่เหมาะสมสำหรับมนุษย์และสัตว์อสูร แต่เดิมเขาได้รับทักษะเซียนระดับเทียนที่เทียบเท่ากับทักษะการต่อสู้ระดับเซียนในทวีปเทียนหยวนและวิธีการบ่มเพาะ จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดจากโถงศักดิ์สิทธิ์ นูบิสได้นำทักษะเซียนระดับเทียนมาใช้และต้องการที่จะดัดแปลงมันเป็นทักษะการต่อสู้ของเขาเอง วันนี้เขายังคงหมกหมุ่นอยู่กับมัน
เจี้ยนเฉินมอบทักษะการบ่มเพาะให้กับซี่หวังเท่านั้น มีเพียงสมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ และเขารู้จักคนเพียงไม่กี่คนจากอาณาจักรทะเล ซี่หวังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สมาชิกของเผ่าเต่าถูกจำกัดด้วยรูปแบบดั้งเดิม วิธีการบ่มเพาะที่เหมาะสมกับพวกเขามากที่สุดคือวิธีที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ทักษะการบ่มเพาะของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดไม่เหมาะสำหรับพวกเขาเพราะพวกเขามีวิธีการอื่นที่ดีกว่า” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาไม่ต้องการให้ทักษะการบ่มเพาะที่เซียนจักรพรรดิทิ้งไว้ถูกลืมเลือนเช่นนี้ เขาต้องการค้นหาผู้สืบทอดที่โดดเด่นสำหรับทักษะการบ่มเพาะ ซึ่งซี่หวังเพียงตนเดียวก็ยังไม่เพียงพอ
ทันใดนั้นดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เปล่งประกาย เขายืนขึ้นจากบัลลังก์และพูดว่า” ข้าอาจสามารถหาคนที่เหมาะสมได้ มีคนมา ! ” เจี้ยนเฉินเรียกผู้อาวุโสของเผ่าเต่าทันที หลังจากถามคำถามบางอย่าง เขาก็ออกจากเผ่าเต่า
มีเผ่าใหญ่หลายแสนกิโลเมตรห่างจากเผ่าเต่า มีคนหลายแสนคนอาศัยอยู่ที่นั่นและมีข่าวลือว่ามีจอมยุทธ์ 15 ดาว มันมีชื่อเสียงไปทั่วรัศมีโดยรอบหลายหมื่นกิโลเมตรและพวกเขาก็มีพลังสูงสุดในภูมิภาคเล็ก ๆ นั้น
เผ่านี้มีชื่อว่าคาเลอร์ มีข่าวลือว่าจอมยุทธ์ผู้ก่อตั้งใช้ชื่อเดียวกันและคนที่แซ่ไค นั้นเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้นำของชนเผ่า
เซียนปฐพีหลายคนยืนหยัดหนุนหลังภายใต้การนำของเซียนสวรรค์ภายนอก พวกเขาปิดกั้นทางเข้าหลักของเผ่าอย่างเงียบ ๆ
ณ ตอนนี้เองที่มีแสงไฟกระพริบ ชายคนหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง เขามาถึงที่นั่นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เขาเร็วมากจนยามไม่มีเวลาตอบโต้
คนผู้นั้นกลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัย 20 ปีและสวมเสื้อคลุมสีฟ้า เขาปกปิดพลังของตัวเองอย่างมิดชิด ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนเป็นคนธรรมดา
ยามที่อยู่ด้านนอกทางเข้าก็แปลกใจมาก ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้แสดงตนใด ๆ แต่วามเร็วของเขานั้นเหนือชั้นมาก จอมยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถเทียบได้เลย
“ท่านนักรบ,ข้าคือชาค ,หัวหน้าของหน่วยที่สองของเผ่าคาเลอร์ ข้าขอต้อนรับท่านอย่างจริงใจ มีอะไรที่ข้าสามารถช่วยท่านได้บ้าง ? ” เซียนสวรรค์คนหนึ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉิน เขาพูดจาอย่างสุภาพ
“ไคยะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าของเจ้าหรือเปล่า ? ” ชายหนุ่มถามช้า ๆ
“ท่านนักรบ ไคยะเป็นคุณหนูของชนเผ่าของเรา” ชาคตอบ
“ข้าต้องการพบคุณหนูของเจ้า โปรดบอกนางด้วย เจี้ยนเฉินกล่าว
ด้วยเหตุนี้ชาคจึงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย เขาถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านจะให้ข้าแจ้งว่าท่านชื่อว่าอะไรหรือ ? ข้าจะได้บอกนางถูก
“ผู้คุมกฎเผ่าเต่า” เจี้ยนเฉินตอบ
อะไรนะ ! ท่านเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือ ! ? ” ชาคหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาจ้องเจี้ยนเฉินอย่างไม่เชื่อสายตา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เผ่าเต่าได้กลายเป็นที่รู้จักกันดีในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล มีข่าวลือว่ามีผู้คุมกฎที่น่าประทับใจปรากฏตัวขึ้น เขาปราบกองทัพเผ่าไทฮงก่อน แล้วจึงทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามคนของศาลาวิญญาณสวรรค์ยอมจำนนต่อเขา เขาทำให้เผ่าเต่าพุ่งสูงขึ้น ทำให้พวกเขาฟื้นความรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่เหมือนในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าเต่ายังได้เข้าร่วมการต่อสู้ทุกที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเขาเข้ายึดเหมืองผลึกจำนวนมากโดยใช้อำนาจเด็ดขาดบังคับให้เผ่าใหญ่จำนวนมากทำงานร่วมกับเผ่าเต๋า เพื่อที่พวกเขาจะได้ต่อสู้กับเผ่าเต่า ข่าวนี้เป็นที่เลืองลือไปทั่ว
มีคนน้อยมากที่ได้เห็นผู้คุมกฎลึกลับของเผ่าเต่า เขาได้กลายเป็นจอมยุทธ์อันไร้เทียมทานในอาณาจักรทะเล
ชาคไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มธรรมดา ๆ ข้างหน้าเขาจะเป็นผู้คุมกฎในตำนานของเผ่าเต่า
“ท่านผู้คุมกฎ – โปรดรอสักครู่ ข้าจะส่งต่อข้อความไปหานางทันที” ชาคเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาและตอบสียงสั่น หลังจากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปข้างในโดยเร็วเท่าที่จะทำได้
เจี้ยนเฉินไม่ได้ตามเขาเข้าไปและรออย่างเงียบ ๆ อยู่ที่นั่น ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะก่อความวุ่นวายในเผ่าคาเลอร์
ไคยะกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พวกเขากำลังพูดคุยกัน
ชายวัยกลางคนเป็นพ่อของไคยะ นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งบรรพชนเผ่าคาเลอร์ เขามีสถานะสูงส่ง
ในขณะนี้ชายอาวุโสก็รีบเข้าไปในห้อง เขารีบพูดว่า “ท่านบรรพชน มีคนรายงานว่าผู้คุมกฎของเผ่าเต่ามาถึงเผ่าของเรา ตอนนี้เขารออยู่ด้านนอก”
อะไรนะ ? ผู้คุมกฎของเผ่าเต่ารึ ? ผู้อาวุโสซู เจ้าแน่ใจหรือว่าได้ยินมาไม่ผิด ? ” บรรพชนลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ การกล่าวถึงผู้คุมกฎลึกลับของเผ่าเต่าที่เพิ่งปรากฏเมื่อไม่นานมานี้เป็นเหมือนฟ้าร้องที่เข้ามาในหูของเขา
“มีคนรายงานเข้ามา เราควรไปตรวจสอบว่ามันจริงหรือไม่ เผื่อว่าบางทีมันอาจเป็นเรื่องจริง..” ผู้อาวุโสซู รีบตอบ เขากลัวว่าพวกเขาจะทำให้ผู้คุมกฎขุ่นเคืองด้วยการทำให้เขารอนานเกินไป
“ทำไมผู้คุมกฎของเผ่าเต่าถึงมายังเผ่าคาเลอร์ของเรา” บรรพชนสงสัยมากในขณะที่เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
บรรพชนรีบออกไปที่ทางเข้าหลักพร้อมกับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขา พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่นั่น ไคยะซึ่งอยู่ข้างบรรพชนถึงกับชะงัก สายตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่นางร้องอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านนักรบ ! “
“ไคยะ เจ้ารู้จักชายผู้นี้ด้วยหรือ ? เขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าจริง ๆ หรือ ? ” บรรพชนถามผ่านทักษะการสื่อสาร
ไคยะไม่ตอบสนองเพราะนางไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินเช่นกัน
ในขณะนี้กลุ่มคนจากเผ่าคาเลอร์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดสังเกตอย่างสงสัยและตรวจดูเขา แต่เจี้ยนเฉินยังคงซ่อนพลังการมีอยู่ของเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นพลังของเขา บรรพชนป้องมือของเขาทันที “ข้าเป็นบรรพชนของเผ่าคาเลอร์ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมาเพื่อเหตุอันใด ? “
“ข้าเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ข้าชื่อว่าเจี้ยนเฉิน จริง ๆ แล้วข้ามาที่นี่เพื่อพบแม่นางไคยะ” เจี้ยนเฉินตอบ หลังจากพูดเสร็จ เขาโบกมือก่อนที่จะมีใครพูดอะไรขึ้นมา พลังลึกลับห่อหุ้มไคยะทันที และเขาก็บินออกไปพร้อมกับนางอย่างรวดเร็ว
การกระทำที่ฉับพลันทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่าเจี้ยนเฉินจะพาตัวไคยะไปต่อหน้าต่อตาทุกคน เจี้ยนเฉินออกไปเร็วมากจนไม่มีใครตามทัน
“เขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือไม่ ? ทำไมเขาจึงนำตัว ไคยะไป ? ” บรรพชนสงสัย เขารู้สึกกังวลใจมาก
ชายอาวุโสคนหนึ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินผ่านมาจากด้านหลัง เขากล่าวว่า “บรรพชน ข้ารู้จักชายผู้นี้ ตอนที่ไคยะและคนอื่น ๆ จะได้รับบาดเจ็บจากการถูกซุ่มโจมตีพร้อมกับข้านอกเมืองแจ๊ส เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเรา เขาคงไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อคุณหนู”
…..
เจี้ยนเฉินยืนกอดอกอยู่บนยอดเขาสูงชันหนึ่งพันกิโลเมตรจากเผ่าคาเลอร์ เขาจ้องมองพื้นที่กว้างใหญ่เบื้องหน้าเขา
ไคยะยืนอยู่ข้างหลังเขาขณะที่ชุดและผมของนางถูกลมพัดปลิว นางจ้องมองด้านหลังของเจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่สดใสและชาญฉลาด นางมีความรู้สึกที่หลากหลาย
“ท่าน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านคือผู้คุมกฎที่มีชื่อเสียงของเผ่าเต่า” ไคยะพูดอย่างขมขื่น นางเข้าใจว่าตัวตนของเขามีความสำคัญมาก นางไม่เคยคิดเลยว่าภูมิหลังของเจี้ยนเฉินจะน่าประทับใจจริง ๆ
เจี้ยนเฉินไม่ได้มีอะไรจะพูดมากนัก ตอนนี้เขาได้พบกับไคยะอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น เจี้ยนเฉินหันไปรอบ ๆ และมีหนังสือปรากฏอยู่ในมือของเขา เขาพูดกับนางว่า “แม่นางไคยะ นี่คือทักษะการบ่มเพาะของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด มันน่าเสียดายที่มันไม่เหมาะกับเผ่าของข้า และข้าก็ไม่ได้รู้จักคนมากมายในอาณาจักรทะเลเช่นกัน เจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ข้ารู้จัก ข้าจึงต้องการมอบทักษะการบ่มเพาะให้กับเจ้า เจ้าเต็มใจฝึกมันหรือไม่ ? “
“ท่านมาหาข้าในเวลานี้เพียงเพื่อมอบทักษะการบ่มเพาะนี้กับข้าหรือ ? ” ไคยะยังคงสงบอย่างผิดปกติ นางไม่ได้ตกใจเพราะทักษะการบ่มเพาะ
เจี้ยนเฉินพยักหน้าและไม่ได้พูดอย่างอื่น
ไคยะยื่นมือออกไปช้า ๆ และรับทักษะการบ่มเพาะมาจากเจี้ยนเฉิน นางพูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณ ท่านผู้คุมกฎ ! “
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เพราะวิธีการบ่มเพาะนี้ไร้ประโยชน์สำหรับข้า มันจึงเป็นสาเหตุให้ข้าอาจมอบมันให้กับคนที่ต้องการ ไคยะ ข้าหวังว่าข้าจะได้เห็นจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดคนที่ 2 ในอนาคต” เจี้ยนเฉินกล่าวก่อนที่จะหายตัวไปไกลเหมือนแสง
ไคยะถือทักษะการบ่มเพาะในมือขวา นางจ้องมองในทิศทางที่เจี้ยนเฉินหายไปและจากไปหลังจากนั้นไม่นานนัก นางกลับไปที่เผ่า
หลังจากกลับไปไม่นาน ไคยะก็ประกาศว่านางจะเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานาน เรื่องนี้ทำให้มีการพูดคุยกันระหว่างสมาชิกของชนเผ่า