เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1183 - ข่มขู่
ตอนที่ 1183 – ข่มขู่
” ผลไม้เซียน ? มันคืออะไร ? หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ถามอย่างไม่มั่นใจ
” ผลไม้เซียนเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ของทวีป มันเป็นสมบัติที่เป็นของมนุษย์เรา..” ผู้อาวุโสหกมีความเข้าใจรายละเอียดอย่างมากเกี่ยวกับผลไม้ สิ่งที่เขารู้นั้นไม่น้อยไปกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล เขาอธิบายทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับผลไม้ให้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฟัง
“ว้าว มันทรงพลังมาก สมบัติสวรรค์ที่สามารถเปลี่ยนให้เซียนราชากลายมาเป็นเซียนจักรพรรดิได้”
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยร้องออกมาทันทีเมื่อพวกนางได้ยินเกี่ยวกับผลไม้ที่ท้าทายสวรรค์ พวกนางประหลาดใจและฉินฉินก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน นางก็ตกตะลึงเช่นกัน
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์คิดในขณะที่นางเปลี่ยนสายตาของนาง “ไม่น่าแปลกใจที่ข้ารู้สึกถึงการปรากฏตัวที่ดูเหมือนว่าเซียนจักรพรรดิปรากฏในทิศทางที่ไกลออกไป มันครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีป ตอนแรกข้าคิดว่าเซียนจักรพรรดิคนใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ทวีปเทียนหยวน แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงความสับสนวุ่นวายที่เกิดจากผลไม้เซียน”
” มันน่าเสียดายที่ข้าอยู่ในหมู่บ้านแพทย์โบราณเมื่อไม่นานมานี้และมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญในการหลอมบัวจิตสวรรค์ ข้าทำได้แค่เฝ้าดูการหลอมเพื่อรับประกันว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มิฉะนั้นข้าจะไปดูอย่างแน่นอน”
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่ผู้อาวุโสหกและพูดต่อว่า “ผู้อาวุโสหก ท่านพูดว่าผลไม้เซียนสามารถทำให้เสี่ยวเปาเกิดใหม่ได้อย่างแท้จริง ทำให้เขาแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันของเขาได้ใช่หรือไม่?”
“ผลไม้เซียนเป็นสมบัติพิเศษของโลก มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์และผลกระทบอันทรงพลังของมันนั้นไม่มีข้อกังขา ข้าคิดว่ามีเฉพาะผลไม้เซียนเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กชายได้ หากว่าแม้แต่สมบัติสวรรค์อายุหนึ่งหมื่นปีก็ไร้ประโยชน์ มันเป็นแค่..เฮ้อ” ผู้อาวุโสหกหยุดพูดและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
” ผู้อาวุโสหก มันเป็นอะไรกันแน่?” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องไปที่ผู้อาวุโสหกเมื่อนางเริ่มรู้สึกกังวล
” เพียงแค่ตอนนี้มันมีเจ้าของอยู่แล้วและเจ้าของไม่ใช่คนธรรมดา แม้แต่ผู้พิทักษ์ทั้งสิบตระกูลก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ ดังนั้นการได้รับผลไม้เซียนก็เป็นไปไม่ได้” ผู้อาวุโสหกถอนหายใจ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลที่สงสัย
” ข้าต้องบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เท่านั้นเขายังปีนขึ้นไปสู่ระดับที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งในฐานะนักสู้ด้วยเช่นกัน” ผู้อาวุโสหกถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่สับสน
สีหน้าของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังคงเหมือนเดิม แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้สภาพจิตใจของนางสั่นไหวได้ นางถามว่า “ผู้อาวุโสหก คนผู้นี้เป็นใครกัน? เขาเป็นเซียนจักรพรรดิของมนุษย์หรือเป็นเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะหรือ ? ”
“ไม่ใช่พวกเขา” ผู้อาวุโสหกส่ายหัว “คนผู้นี้อายุน้อย เขาเพิ่งมีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น ซางกวนมู่เอ๋อ เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่บนเกาะและไม่ค่อยได้เดินทางบนทวีป เจ้าไม่รู้จักคนผู้นี้แน่นอน ชื่อของเขาคือเจี้ยนเฉิน”
แสงแวววาวส่องประกายผ่านดวงตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และนางก็ตอบโต้ด้วยสีหน้าที่ต่างออกไปทันที
“อะไร? บุคคลนี้เรียกว่าเจี้ยนเฉิน ? แน่นอนว่าเขาต้องไม่ใช่คุณชายเจี้ยนเฉินที่เรารู้จัก ! ” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยรีบลุกขึ้นยืนทันที
ฉินฉินเองก็ตกใจเช่นกัน นางดึงม้วนภาพม้วนหนึ่งออกจากแหวนมิติของนางทันทีและคลี่มันออก นางถามด้วยอารมณ์เล็กน้อย “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่นับถือ โปรดดูว่าเป็นเขาคนนี้หรือไม่”
ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ม้วนภาพเป็นภาพของเจี้ยนเฉิน ภาพถูกวาดออกมาได้ดีมาก ดูเหมือนจริงราวกับว่าเขาอยู่กับพวกเขา
ฉินฉินวาดรูปเมื่อนางอยู่ในตระกูลเทียนฉินและนางเก็บมันไว้ตั้งแต่นั้นมา
” ใช่แล้วมันคือเขา จะ-เจ้ารู้จักเจี้ยนเฉิน ? ” คราวนี้ผู้ที่ตกตะลึงคือผู้อาวุโสหก ความคิดของเขาเกี่ยวกับฉินฉินเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีความแข็งแกร่งจะครอบครองภาพของเจี้ยนเฉิน และจากการวาดภาพที่เหมือนจริง เขามั่นใจว่าผู้วาดได้เคยพบกับเจี้ยนเฉินมาก่อนและใช้เวลาค่อนข้างมากอยู่ด้วยกัน
“อ๋า ! ” มันเป็นคุณชายเจี้ยนเฉินจริง ๆ ! ตั้งแต่เมื่อใดที่คุณชายเจี้ยนเฉินทรงพลัง แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบก็ไม่สามารถแตะต้องเขาได้ ? ” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยว่อ้าปากค้าง ความไม่อยากเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกนาง
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องมองบุคคลที่อยู่ในภาพในขณะที่อารมณ์ของนางเริ่มสับสนเป็นอย่างมาก นางพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ภายใน
ไม่นานนักหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ละสายตาจากภาพวาดและดวงตาของนางก็เย็นชาอีกครั้ง หลังจากคิดไปเล็กน้อยนางก็พูดว่า “ข้าจะไปที่ทวีปเทียนหยวนทันที ผู้อาวุโสหก ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน ท่านต้องการที่จะอยู่บนเกาะต่อไปอีกสักพักหรือท่านอยากกลับไปที่ทวีปด้วยกัน ? ”
“มันจะดีกว่าถ้าข้ากลับไปที่ทวีป ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้มาก่อน ดังนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจำนวนมากจึงถูกพาตัวไปโดยตระกูลใหญ่มากมาย ตอนนี้สมาคมต้องการกำลังคน ดังนั้นข้าควรกลับไป” ผู้อาวุโสหกตอบ
ที่เมืองลอร์ โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มได้ลดขนาดลงเหลือกว้างและยาวประมาณร้อยเมตร แต่มันก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศ บรรยากาศของตระกูลเจียงหยางนั้นค่อนข้างแจ่มใส มียามลาดตระเวนอยู่มากมายและผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนอยู่ในสถานที่นั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับวันอื่น ๆ
เจียงหยางซูหยวนเซียวฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ด้วยพลังงานดั้งเดิมของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง แต่ตอนนี้เขาใช้ชีวิตอย่างเศร้าโศก ทุกวันจิตใจของเขาอยู่ที่อื่นและเขามืดมนมาก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลผู้พิทักษ์แล่นผ่านหัวของเขาเหมือนความทรงจำที่สดใหม่ซึ่งส่งผลกระทบกับเขาอย่างรุนแรง มันทิ้งรอยแผลเป็นที่ไม่สามารถลบออกออกได้ในหัวใจของเขา ตระกูลผู้พิทักษ์คือบ้านของเขา มันเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงมีสิ่งที่ประทับใจมากมาย อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับไปอีกครั้งในตอนนี้
เจียงหยางซูอวี้หยวนอยู่ข้าง ๆ เจียงหยางซูหยวนเซียว แต่นางไม่ได้ปลอบใจเขา ทั้งหมดที่นางทำคือนั่งเงียบ ๆ ข้างเขา นางไม่อยากห่างลูกชายของนางอีกต่อไปนับตั้งแต่การกลับมาของเจียงหยางซูหยุนคง มันได้เติมเต็มช่องว่างในหัวใจของนาง วิญญาณของนางแข็งแกร่งขึ้นทุกวันและนางกำลังจะทะลวงถึงระดับเซียนราชา
เจี้ยนเฉินไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลผู้พิทักษ์ เขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อพ่อแม่ของเขา เขาถึงกับโกหกพวกเขา อย่าลืมว่าเรื่องนี้ได้ทำให้ความสัมพันธ์แตกแยกในช่วงเวลานี้ มันไม่ง่ายเหมือนการรุกรานตระกูลผู้พิทักษ์ มันเป็นการรุกรานที่น่าตกใจต่อกลุ่มบรรพบุรุษที่มีความอาวุโสกว่าเจียงหยางป้าและคนอื่น ๆ เขาไม่ต้องการให้พ่อแม่กังวลเรื่องนี้
เจี้ยนเฉิน, โหยวเยว่ และเถี่ยต้า รวมตัวกันในห้องโถงที่สง่างามที่สุดในตระกูลเจียงหยาง
เจี้ยนเฉินฟื้นตัวจากบาดแผลของเขาแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมที่หรูหราที่มีซับในสีทองเหมือนนายน้อยของตระกูลใหญ่
“เจี้ยนเฉิน ตระกูลเจียงหยางทำเกินไปที่จะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น โชคดีที่อาจารย์ของข้าติดต่อข้าตอนที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย มิฉะนั้น..” โหยวเยว่โมโห นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่รู้ลืมเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของเจี้ยนเฉินและลอบชื่นชมยินดีอย่างลับ ๆ ที่นางช่วยไว้ได้ทันเวลา
” ข้าจะแก้แค้นไม่ช้าก็เร็วนี้” เจี้ยนเฉินกล่าวด้วยอารมณ์และค่อนข้างหงุดหงิด จิตสังหารที่ทรงพลังอย่างยิ่งนั้นซ่อนอยู่ภายในใจเขา คราวนี้เขาเกือบจะถึงที่ตายแล้ว หากโหยวเยว่ไม่ได้มาถึงทันเวลาพร้อมด้วยโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม ผลลัพธ์ก็ไม่อาจจะคำนวณได้ แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถรักษาผลไม้เซียนเอาไว้ได้อย่างแน่นอน เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา
“ตอนนี้มีการเปิดเผยตัวตนของเถี่ยต้า ข้าคิดว่าเจียงหยางชิงหยุนและคนอื่น ๆ จะทำอะไรกับมันอย่างแน่นอน” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างหงุดหงิด แสงในดวงตาของเขาสั่นไหวด้วยความสับสน
“เจี้ยนเฉิน ให้เถี่ยต้าซ่อนตัวในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม ด้วยความแข็งแกร่งของโครงสร้าง โถงศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆไม่สามารถเปรียบได้กับมัน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบก็ยังไม่กล้าพอที่จะก้าวเข้าไปอย่างไร้จุดหมาย” โหยวเยว่แนะนำ นางได้เข้าใจบางอย่างจากเจี้ยนเฉินเกี่ยวกับตัวตนของเถี่ยต้า
” นายน้อย มีจดหมายลับถึงท่าน ! ”
ในขณะนี้เสียงยามดังขึ้นจากด้านนอก
“เข้ามา” เจี้ยนเฉินสั่ง
ประตูถูกเปิดเบา ๆ และมียามเข้ามาพร้อมกับก้มหัวของเขาลง เขาถือจดหมายปิดผนึก เขาส่งตรงถึงมือของเจี้ยนเฉิน
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดครึ้มลงทันทีเมื่อเขาอ่านจดหมาย เขากำมือของเขาแน่น พลังบรรพกาลได้ระเบิดออกมาและด้วยการระเบิดทำให้จดหมายถูกพัดพาจนกลายเป็นฝุ่นไป
“เจี้ยนเฉิน จดหมายพูดถึงเรื่องอะไรถึงทำให้เจ้าโกรธมาก ? ” โหยวเยว่ถามด้วยความกังวล ความกังวลเต็มบนใบหน้าของนางเช่นกัน
เจี้ยนเฉินค่อยๆคลายมือของเขาอย่างช้า ๆ และจิบชาเล็กน้อยในลักษณะที่สงบ เขาตอบช้า ๆ “มันมาจากเจียงหยางชิงหยุน เขาบอกว่าถ้าข้าต้องการเก็บความลับของเถี่ยต้า ข้าต้องส่งผลไม้เซียนให้เขาหรือมิฉะนั้นเขาจะบอกผู้เชี่ยวชาญของทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะเพื่อล่าเถี่ยต้าด้วยกัน”