เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1212: ไปยังนิกายดาบโลหิต
ตอนที่ 1212: ไปยังนิกายดาบโลหิต
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาเต็มไปด้วยความยินดีในใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่ามาก่อนว่านูบิสคนที่เก็บตัวเองมาตลอดเวลาในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ระดับเซียนมาหลายปีจะออกมาในตอนนี้ในที่สุด และเขาคงจะปรับให้เขาใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนนี้ได้แล้ว เจี้ยนเฉินดีใจในความสำเร็จของนูบิส
แรงกดดันที่กระจายไปรอบ ๆ ทำให้เขาตกใจเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่เคยถูกโจมตีจากทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่ถูกปรับปรุงมาก่อน เขาก็รู้สึกได้เลยจากแรงกดดันว่ามันมีความรุนแรงเทียบเท่ากับการโจมตีของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7
มังกรทองตัวใหญ่เหนือหัวนูบิสได้ม้วนตัวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คลื่นพลังงานกระเพื่อมออกมา ในขณะที่แรงกดดันบริเวณรอบ ๆ ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
เจี้ยนเฉินรู้ว่านูบิสยังร่ายทักษะยังไม่เสร็จในตอนที่เขารู้สึกแบบนี้ นูบิสกำลังจะพุ่งไปที่พื้นอีกครั้ง ถ้าเจี้ยนเฉินอยู่ด้านนอก เขาก็คงจะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับมันแน่ แต่มิติของวัตถุเซียนเป็นอาณาเขตของเขา เขาไม่อยากให้มันถูกทำลายเพราะนูบิส ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกนออกไป “นูบิส หยุดก่อน ! ถ้าเจ้าต้องการที่จะลองทักษะการต่อสู้ระดับเซียน อย่าลองที่นี่ ! ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจี้ยนเฉิน ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ไ ด้ดัดแปลงทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของเผ่าพันธุ์ทะเลให้มาเป็นของข้าโดยเฉพาะได้สำเร็จในที่สุด ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนนี้ถูกปรับให้เข้ากับข้าโดยเฉพาะ ดังนั้นไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรก็ไม่สามารถใช้มันได้นอกจากอสรพิษทองริ้วเงิน เจี้ยนเฉิน ลิ้มรสพลังของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนซะ ! ” นูบิสหัวเราะออกมาดัง เขาตื่นเต้นและภูมิใจมาก หลังจากนั้น มังกรเหนือหัวเขาก็คำรามและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนสายฟ้าสีทอง
เจี้ยนเฉินเคร่งเครียด นูบิสเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงรู้สึกกดดันที่ต้องเผชิญหน้ากับทักษะการต่อสู้จากเขา ไม่เพียงแต่มังกรทองจะล็อคเป้าไปที่พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบได้เท่านั้น แม้แต่มิติรอบ ๆ เขายังดูหนาแน่นขึ้น ไม่เพียงแต่เขาจะรู้สึกว่าเหมือนยืนอยู่ในน้ำเชื่อมเท่านั้น แรงกดดันที่มากมายยังกดดันเขาจากทุกทิศทาง เหมือนว่ามีภูเขาใหญ่ทับเขาอยู่ การเคลื่อนไหวของเขาถูกจำกัดอย่างมาก
สายตาที่เฉยเฉยของเจี้ยนเฉินแหลมคมขึ้นทันที จิตต่อสู้รุนแรงเปล่งรัศมีออกมาจากเขา แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่กลัวทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของนูบิส แต่เขาก็ยังคงระมัดระวัง สายของพลังบรรพกาลพุ่งพวยในร่างของเขา และหลอมรวมกับเนื้อของเขาทุกตารางนิ้วอย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินทุ่มทุกอย่างที่พลังบรรพกาลให้ได้ ดันมิติรอบ ๆ เขาออกไป 3 นิ้ว
ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในมือของเขา พลังบรรพกาลที่รุนแรงและทำลายล้างหมุนวนอยู่รอบ ๆ ดาบ สิ่งที่เหลืออยู่ตรงที่เจี้ยนเฉินยืนอยู่มีเพียงภาพติดตาในตอนนี้ เขาบุกเข้าไปแทนที่จะถอย เขาพุ่งไปที่มังกรทองด้วยพลังที่หยุดไม่ได้
ปัง ! เกิดเสียงดังขึ้น เจี้ยนเฉินปะทะกับมังกรทอง คลื่นพลังงานที่น่ากลัวทำให้เกิดพายุสีทองรอบ ๆ และย้อมให้ทั้งบริเวณเป็นประกายสีทอง
มิติที่กึ่งกลางโลกสีทองสั่นไหวอย่างรุนอรง มันเปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัวที่วุ่นวาย แม้แต่ในมิติวัตถุเซียนที่แข็งแรงมากกว่าโลกด้านนอก ยังเปิดออกจากการโจมตีของพวกเขา
พลังงานสีทองค่อย ๆหายไปจากนั้นสักพัก เจี้ยนเฉินยืนอยู่ตรงที่มังกรทองอยู่ก่อนหน้านี้ เสื้อของเขาสกปรกและขาดเล็กน้อย แต่ท่าทีของเขายังเหมือนก่อนหน้านี้ ดินใต้เขาหายไปและถูกแทนด้วยหลุมกว้างร้อยเมตรแทน เขาลอยอยู่กลางอากาศ
ในขณะเดียวกัน มังกรทองของนูบิสก็หายไป
ห่างออกไปพันเมตรกลางอากาศ นูบิสกระพริบตาสองสามครั้งและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ เขาร้องออกมา “เป็นไปได้อย่างไรกัน ! ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของข้าอยู่ในระดับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 และแม้แต่เซียนราชาที่อยู่ในระดับนั้นยังต้องพยายามอย่างมากถึงจะป้องกันมันได้ ทำไมมันถึงได้ถูกทำลายไปได้ง่ายดายขนาดนี้ ? เจี้ยนเฉิน ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้อยู่ในระดับไหนแล้ว ? เจ้าเป็นชั้นสวรรค์ที่ 8 แล้วอย่างนั้นหรือ ? ”
เจี้ยนเฉินเก็บยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาไม่สนใจเสื้อผ้าของเขาเลย เขาก้าวออกไปแล้วไปถึงข้างนูบิสทันที เขาหัวเราะคิกคักออกมา “ความแข็งแกร่งของข้าเท่ากับเจ้านั้นแหละ อยู่ที่ชั้นสวรรค์ที่ 3 แต่ข้ายืมพลังมาจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและทุ่มสุดตัว ข้าน่าจะแสดงพลังได้เท่ากับชั้นสวรรค์ที่ 7 ในขั้นสูงสุดได้”
“ข้าเข้าใจในทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่ข้าดัดแปลงมาเป็นอย่างดี มันจำเป็นต้องใช้แก่นแท้ของข้าในการร่ายมัน ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงเทียบไม่ได้กับทักษะการต่อสู้ระดับธรรมดา ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลังในการต่อสู้อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 ขั้นสูงสุด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะป้องกันการโจมตีจากทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของข้าได้ง่ายดายขนาดนั้น” นูบิสพูดถึงประเด็นนี้ เขายังปฏิเสธที่จะเชื่อในระดับความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินบอกมา
เจี้ยนเฉินคิดแล้วพูดเพิ่มเติม “บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพลังบรรพกาลของข้าก็ได้”
นูบิสพยักหน้ารับ เขาพูด “พลังงานที่เจ้าใช้นั้นแปลก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ”
“เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลย พวกเราไปกันก่อน ข้ากำลังมีปัญหาที่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วยพอดี” เจี้ยนเฉินพูด
ตาของนูบิสเลิกขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ข้าไม่คิดว่าข้าจะได้ต่อสู้ทันทีที่ข้าฝึกเสร็จ พวกเรารีบออกไปเถอะ ข้ากำลังหาคนที่จะลองทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของข้าพอดี”
เจี้ยนเฉินเงียบและส่ายหน้า นูบิสช่างบ้าการต่อสู้เสียจริงที่คิดว่าปัญหาของเขาคือคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้อธิบายออกไป เขาแค่ออกไปจากมิติของวัตถุเซียนพร้อมกับนูบิส
นูบิสมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ออกมา นอกเหนือไปจากเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ไกลออกไป ก็มีแต่ทะเลที่ไร้ขอบเขต
“เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ได้บอกข้าหรือว่าเจ้ากำลังเผชิญปัญหา ? ทำไมข้าไม่เห็นศัตรูเลย ? ” นูบิสถามอย่างสับสน เขามองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาบางอย่างทันที
เจี้ยนเฉินกรอกตาไปที่นูบิส “ข้าคิดว่าเจ้าสับสนหลังจากที่แยกตัวไปฝึกฝนหลายปีนะ ปัญหาของข้าเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่ง”
“ถ้างั้นปัญหาของเจ้าคืออะไร ? ” นูบิสถามกลับ จากนั้นเขาก็มองไปที่เกาะที่ไกลออกไปและเข้าใจบางอย่างทันที “ข้ารู้แล้ว เจี้ยนเฉิน ให้ข้าเดานะ ปัญหาของเจ้าเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ใช่หรือไม่ ? ”
ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะได้ทันตอบกลับ นูบิสก็พูดต่อเหมือนว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบกลับอีกแล้วล่ะ ข้ารู้แล้วว่ามันเป็นแบบนั้น หืม คิดกลับไปตอนที่ข้ากลัวนางในตอนที่ข้ายังเป็นเซียนผู้คุมกฎ นั่นเป็นความน่าอับอายที่สุดในชีวิตของข้า แต่ใครกันที่ทำให้นางเชี่ยวชาญในการโจมตีวิญญาณ ? และใครกันที่ทำให้สัตว์อสูรที่วิญญาณที่อ่อนแอ ? แย่หน่อยที่ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวด และวิญญาณของข้าก็ถูกกลั่นไปเหมือนกันในตอนที่ข้าปรับปรุงทักษะการต่อสู้ระดับเซียน ทั้งความแข็งแกร่งของข้าและพลังของวิญญาณของข้าเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนแล้ว. ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องกลัวถึงแม้ว่าข้าจะต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่เชี่ยวชาญในการโจมตีวิญญาณ”
นูบิสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกล้าหาญในตอนที่เขาพูดมาถึงจุดนี้ เขาพูดต่อ “พวกเราไปกันเถอะเจี้ยนเฉิน พวกเราไปที่เกาะสามเซียนกัน ให้ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ได้เผชิญกับการโจมตีทางวิญญาณของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และเอาเกียรติที่ข้าสูญเสียไปในตอนนั้นคืนมา” นูบิสกำลังจะบินไปทางเกาะสามเซียนในตอนที่เขาพูดแบบนั้น
หัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นแรง เขารู้ดีว่ามันไม่ต่างอะไรจากการไปรนหาที่ตายถ้านูบิสไปที่เกาะสามเซียนในตอนนี้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในตอนนั้นและยิ่งไม่ใช่เลยในตอนนี้
เจี้ยนเฉินคว้าแขนนูบิสเอาไว้อย่างรวดเร็วและหยุดเขาเอาไว้ เขาพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด “นูบิส อย่าว่าข้าไม่เตือนเจ้าเลย ความแข็งแกร่งของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนแล้ว ข้าคิดว่านางอยู่ในระดับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 แล้วในตอนนี้ และการโจมตีจากพิณของนางยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงตอนที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จัดการจอมยุทธนับไม่ถ้วนของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางไปด้วยการโจมตีเพียงโน้ตเดียว เขายังมั่นใจว่าหญิงเจ้าสาวเสน่ห์แห่งสวรรค์แค่เล่นพิณปกติเท่านั้น ถ้านางทุ่มสุดตัว แม้แต่เซียนราชาก็คงยังไม่สามารถต่อต้านเสน่ห์ที่น่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในโน้ตได้
“What! She’s already reached the Ninth Heavenly Layer!?” Nubis jumped in fright. He stared at Jian Chen in disbelief.
“อะไรนะ! นางอยู่ในชั้นสรรค์ที่ 9 แล้วงั้นหรือ ! ? ” นูบิสตกใจตัวลอย เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ
“หลายวันที่ผ่านมา นางเล่นโน้ตปกติธรรมดาและทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังทลายไป เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้ายังต้องการจะทำอย่างนั้นอยู่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
นูบิสอดไม่ได้ที่จะถอยด้วยความกลัวในขณะที่เขามองไปที่เกาะ เขาไม่กล้าพออีกต่อไปที่จะทำสิ่งที่เขากำลังจะทำ สัตว์อสูรที่ข้าได้เปรียบโดยกำเนิดในด้านร่างกายที่ทรงพลัง เช่นนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงเหนือกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตามไม่ใช่พวกเขาไม่มีจุดอ่อน และหนึ่งในจุดอ่อนนั้นคือวิญญาณ ดังนั้น นูบิสจึงปรารถนาที่จะต่อสู้กับมนุษย์ที่แข็งแกร่งมากกว่าคนที่ใช้การโจมตีทางวิญญาณ
“นูบิส ข้าอาจจะมีพลังในการต่อสู้ของเซียนราชา แต่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของข้ายังอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถเปิดประตูมิติได้ ข้าต้องการที่จะกลับไปที่อาณาจักรเกอซุนทันที ดังนั้นแค่สร้างประตูมิติให้ข้า”
ในตอนนี้นูบิสก็เข้าใจแล้ว ปัญหาของเจี้ยนเฉินไม่ใช่อะไรอย่างที่เขาคิด แทนที่กัน มันเป็นเรื่องที่เขาไม่มีความสามารถในการสร้างประตูมิติเพื่อกลับบ้านได้
นูบิสไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อหลังจากที่ได้รู้ความน่ากลัวของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขาสร้างประตูมิติเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ทันทีและจากไปพร้อมกันเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินและนูบิสกลับมาที่อาณาจักรเกอซุนด้วยกันก่อนที่จะเรียกผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตมา พวกเขาเข้าไปที่นิกายดาบโลหิตภายใต้การนำทางของผู้พิทักษ์ทั้งสี่
รุยจิน เฮยยู่ และหงเหลียนอยู่ในตระกูล พวกเขาไม่ได้ไปกับเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาก็ทิ้งวิธีการสื่อสารให้เจี้ยนเฉินเอาไว้ ทันทีที่เจี้ยนเฉินเจอกับคู่ต่อสู้ที่เขาเอาชนะไม่ได้ ทั้งสามก็จะรีบมาช่วยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
โหยวเยว่ก็ไม่ไปด้วยเช่นกัน แทนที่กัน นางก็อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มเพื่อที่จะฝึกฝนต่ออย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของนาง นางรู้ว่านางจะช่วยเจี้ยนเฉินได้มากกว่านี้เมื่อนางแข็งแกร่งขึ้น