เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1227: ข่าวจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ตอนที่ 1227: ข่าวจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
แสงสีฟ้าและสีม่วงห่อหุ้มสติสัมปชัญญะของเจี้ยนเฉินเอาไว้และปกป้องมันเอาไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ความหนาวเย็นที่น่ากลัวสัมผัสกับแสง มันก็หยุดและย่างกรายเข้าไปไม่ได้
“ความหนาวเย็นนี้มันอะไรกัน นายท่าน ท่านไปที่ไหนมา ? ทำไมมันหนาวจนกระกระทั่งเม็ดพลังบรรพกาลของท่านยังแข็งตัว ? ” เสียงของจือหยิงดังขึ้นมาในหัวของเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจ
ไม่เพียงแต่เจี้ยนเฉินจะสูญเสียการควบคุมร่างกายไป เขายังหมดสติไปด้วย ในตอนที่จิตวิญญาณกระบี่เริ่มปกป้องวิญญาณของเขา สติของเขาก็เข้าไปสู่ห้วงสติสัมชัญญะอย่างไม่มีทางเลือก
ผลึกห้าสีลอยอยู่ในสติสัมปะชัญญะของเขา มันเป็นหินหลากสีที่เจี้ยนเฉินไปพบเข้าโดยบังเอิญและซื้อมาจากเมืองหว่าลู่เหรินเมื่อหลายปีก่อน จิตวิญญาณกระบี่ก็ดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ข้างในมัน ดังนั้นหินจึงเล็กลงกว่าแต่ก่อน
แสงสีม่วงและฟ้าหมุนวนรอบ ๆ หิน แสงสองแสงดูเหมือนจะเชื่อมต่อกัน แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็รักษาระยะห่างระหว่างกันไว้ด้วย
แสงพวกนั้นเป็นร่างดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่ แต่สีของมันก็เข้มมากกว่าเมื่อก่อน เจี้ยนเฉินรู้ว่าพวกเขานั้นทรงพลังมากกว่าเดิม หลังจากที่ดูซับพลังงานและฟื้นฟู
แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่จะกำลังฟื้นฟูอยู่ในสติสัมปะชัญญะของเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเหตุการณ์ด้านนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่า เจี้ยนเฉินนั้นมาที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง
เจี้ยนเฉินอธิบายทุกอย่างที่เขาพบมาที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอย่างละเอียดทันที ทำให้จิตวิญญาณกระบี่เงียบไปสักพัก สักครู่จือหยิงก็พูดออกมาอย่างเคร่งเครียด “ฉิงโซวและข้าเคยรู้สึกมามีบางคนแอบสังเกตพวกเราอยู่ผ่านพลังแห่งการมีอยู่ของเขา แต่พวกเราอ่อนแอมากในตอนนั้น ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถหาได้ว่าคนนั้นกำลังซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้พิทักษ์ซุย นายท่าน ผู้พิทักษ์ซุยนั้นแข็งแกร่งมาก นางน่าจะไม่ใช่คนของโลกนี้ และท่านสู้นางไม่ได้อย่างสิ้นเชิงด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ ท่านต้องไม่ทำตามใจโดยการไปยั่วยุนาง”
“เจ้ากำลังจะบอกว่า นางเหมือนกับข้าที่มาจากต่างโลกอย่างงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างประหลาดใจ
“ถูกต้อง เป็นอย่างนั้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม ข้อแต่ต่างมีเพียงนายท่านนั้นเริ่มมาจากศูนย์ แต่นางมาจากจุดสูงสุดเลย นางทรงพลังมากแต่ความแข็งแกร่งของนางก็มีข้อจำกัดในโลกนี้อยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจและไม่สามารถทำลายสมดุลที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นนางจะถูกโลกนี้ลงโทษ ตราบใดที่ท่านไม่ไปยั่วยุนาง ท่านก็จะไม่เป็นอะไร” จือหยิงกล่าว
จิตใจของเจี้ยนเฉินห่อเหี่ยว เขาไม่คิดเลยว่าผู้พิทักษ์ซุยจะมีต้นกำเนิดที่ยอดเยี่ยมที่เป็นถึงจอมยุทธที่มาจากโลกที่สูงส่งกว่า ในอีกคำพูดหนึ่ง เขาไม่สามารถช่วยรุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่ได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ มันคงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเจอพี่สาวของเขา ถ้าผู้พิทักษ์ซุยตั้งใจที่จะขัดขวางเขา
แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่จะบอกว่าผู้พิทักษ์ไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านางจะทำอะไรอย่างไร้เหตุผล สมบัติพลังงานดั้งเดิมของรุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่ถูกอธิบายว่าเป็นวัตถุเซียนที่ไม่ควรจะปรากฎขึ้นมาบนโลกนี้ นี่มันก็เป็นเหตุผลที่มากพอแล้วที่นางจะต่อต้านทั้งสามคน
“นายท่าน จือหยิงและข้ายังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ใช่คู่มือของผู้พิทักษ์ซุยในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเราสามารถล้างความเย็นในร่างของท่านได้ ท่านสามารถเป็นอิสระได้ในอีกไม่ช้าตราบใดที่ท่านร่วมมือ และท่านต้องออกไปจากผืนน้ำแข็งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้น ความเย็นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าในครั้งหน้าที่ผู้พิทักษ์ซุยเคลื่อนไหว และพวกเราจะทำอะไรไม่ได้ในตอนนั้น” จือหยิงอธิบายอย่างเคร่งเครียด
“ข้าเข้าใจแล้ว จือหยิง ฉิงโซว พวกเรามาเริ่มกันเลย” เจี้ยนเฉินพูด
บอลแสงสองลูกในสติสัมปะชัญญะของเจี้ยนเฉินเริ่มสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกมันพุ่งออกไปจากสติสัมปะชัญญะของเขาเหมือนกระบี่ ในขณะที่บอลแสงสองลูกก็หมุนวนรอบกัน อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้แตะต้องกัน ในขณะที่มันพุ่งไปที่ตันเถียนของเจี้ยนเฉินเหมือนสายฟ้า
บอลแสงสองลูกเหมือนดวงอาทิตย์เล็ก ๆ ความหนาวเย็นทั้งหมดที่สัมผัสกับมันตลอดทางก็ละลายหายไป
แสงมาถึงที่ตันเถียนของเจี้ยนเฉินและน้ำแข็งที่อยู่ในเม็ดพลังบรรพกาลของเขาก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เจี้ยนเฉินควบคุมเม็ดพลังบรรพกาลของเขาได้อีกครั้ง
เจี้ยนเฉินเอาสายพลังบรรพกาลออกมาจากเม็ดพลังบรรพกาลของเขาทันทีโดยไม่ต้องรอคำบอกจากวิญญาณกระบี่ พลังบรรพกาลทำงานบวกกับพลังของจิตวิญญาณกระบี่ ในขณะที่มันไหลไปทั่วร่างของเขา และกำจัดความหนาวเย็นออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นไปทั่วผืนน้ำแข็ง เจี้ยนเฉินเป็นอิสระจากชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ที่อยู่บนร่างของเขา และเขาก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันทีและบินออกไปเหมือนภาพพร่ามัว เขาออกไปจากผืนน้ำแข็งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“นายท่าน พวกเราใช้พลังงานไปมาก พวกเราจะต้องหลับใหลไปสักพัก พวกเราจะตื่นถ้านายท่านเจออันตรายขั้นวิกฤติหรือถ้ามีสมบัติสวรรค์ที่น่าสนใจปรากฎขึ้นมา” เสียงของจือหยิงค่อนข้างอ่อนแอ และเขาก็ไม่ส่งเสียงออกมาเลยหลังจากนั้น
เจี้ยนเฉินเข้าไปในสติสัมปะชัญญะของเขาอีกครั้ง และพบว่าจิตวิญญาณกระบี่นั้นมืดลง เห็นได้ชัดว่า พวกเขาได้ใช้พลังงานไปมากเพื่อสกัดความหนาวเย็น
กลับไปที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผู้พิทักษ์ซุยก็กำลังยืนอยู่ตรงที่ที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้ นางไม่เคลื่อนไหวเลยเหมือนรูปปั้นน้ำแข็งในขณะที่นางกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา นางมองไปที่ทิศทางที่เจี้ยนเฉินอยู่ก่อนที่จะเลิกสนใจ สายตาเย็นชาของนางมองผ่านไปที่สมบัติพลังงานดั้งเดิมของรุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่เหมือนว่านางกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเอง สายตาที่เย็นชาของนางก็เปล่งประกายออกมา อุณหภูมิรอบ ๆ ก็ลดลงทันทีและมันยิ่งเย็นกว่าถ้ำน้ำแข็งโบราณเสียอีก
นางกำหมัดของนางช้าชาในขณะที่พลังงานทำลายล้างก็รวมอยู่รอบมือของนาง นางพูดออกมาอย่างเย็นชา “ข้าเข้าใจแล้ว ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมข้าถึงรู้สึกผิดปรกติเสมอในตอนที่ข้าสำรวจเจ้าด้วยพลังแห่งการมีอยู่ของข้า เจ้าพบข้ามานานแล้ว และเจ้าก็ตั้งใจที่จะหลอกข้า น่าประทับใจมาก ! น่าประทับใจจริง ๆ ! ช่างน่าประทับใจนัก โมเทียนหยุน ! ช่างน่าประทับใจนัก พยัคฆ์ปีกเทวะ…” เสียงของนางเย็นชาและเย็นเฉียบขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ความโกรธของนางก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางมองไปที่ทิศทางของทวีปเทียนหยวนทันที รูปปั้นหินใหญ่สะท้อนอยู่ในม่านตาของนาง มันเป็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่กลางเมืองทหารรับจ้าง ต่อมา รูปปั้นก็หายไปจากตาของนา และถูกแทนที่ด้วยหอคอยที่สูง 99 ชั้น มันเป็นหอคอยของทวีปสัตว์เทวะ หอคอยสัตว์เทวะ !
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าเป็นใครกัน พยัคฆ์ปีกเทวะกับโมเทียนหยุน ? พวกเจ้าคิดหลอกแม้แต่ราชาผู้นี้…” ผู้พิทักษ์ซุยกัดฟัน นางรู้สึกเหมือนถูกพยัคฆ์ปีกเทวะและโม่เทียนหยุนหลอก นี่เป็นความอับอายอย่างถึงที่สุดของนาง ความอายที่จะไม่มีวันเลือนหายไปได้
ผู้พิทักษ์ซุยเหวี่ยงมือออกไป และลูกธนูที่ควบแน่นมาจากน้ำแข็งที่เหมือนนิ้วมือสามเส้นก็ปรากฏขึ้นมา พวกมันพุ่งไปที่อาวุธพลังงานดั้งเดิมทั้งสามทันที และเสียงแตกสามเสียงก็ดังขึ้น ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ ปิ่นเทพเพลิง และมีดพร้าของเฮยยู่ก็แยกออกเป็นสองส่วนและตกลงไปบนพื้นน้ำแข็งเสียงดัง
เจี้ยนเฉินเจอวัตถุเซียนและกลับไปที่ตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์ด้วยท่าทางที่หดหู่ เขาขังตัวเองอยู่ในห้องและไม่ก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว
หลังจากที่กลับมาจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง อารมณ์ของหยูเฟิงหยานก็ดีขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยชีวิตชีวาภายในสองสามวันต่อมา ในขณะที่ความกังวลบนใบหน้าของนางก็หายไป ใบหน้าที่อ่อนล้าของนางดีขึ้นทุก ๆ วัน
เจี้ยนเฉินอยู่ในห้องต่ออีกสองสามวันถัดมา และไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเขา เขากำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมแกนอสูรขั้นสูงสีหม่นที่อยู่ในมือของเขา ในขณะที่เขาทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะดูดซับพลังงานด้านในนั้น
แกนอสูรได้มาจากในวัตถุเซียน มันมีอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว หลังจากที่ผ่านกาลเวลาไป มันก็ไม่สามารถเรียกว่าแกนสัตว์อสูรได้อีกแล้ว แต่มันเป็นอะไรที่อยู่ระหว่างหินและแกนสัตว์อสูร ไม่เพียงแต่พลังงานส่วนใหญ่ของมันจะรั่วไหลไปเท่านั้น พลังงานที่เหลืออยู่ยังคงตัวมาก ทำให้มันยากที่จะดูดซับเข้าไป
หลังจากที่รู้สึกถึงความไร้ค่าของเขาในตอนที่คิดถึงรุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ที่ติดอยู่ มันก็กระตุ้นให้เขาอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น เขาขังตัวเองและฝึกฝนทันทีที่เขากลับมาที่ตระกูล
เจี้ยนเฉินไม่ได้แตะต้องแกนอสูรในแหวนมิติของเขาเลย พวกมันทั้งหมดมาจากสำนักธูปสวรรค์ หลังจากที่ให้ส่วนมากกับไป๋เหลียนและเสี่ยวเป่าไปแล้ว เขาก็เหลืออยู่อีกไม่มาก และแม้ว่าเขาจะดูดซับพลังงานจากพวกมันทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถพัฒนาเป็นร่างบรรพกาลขั้นที่สี่ได้
เขาสามารถดูดซับพลังงานจากแกนอสูรกองใหญ่ที่อยู่ในวัตถุเซียนได้เพราะวิธีการฝึกฝนที่พิเศษของเขาและเขาครอบครองร่างบรรพกาลอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นหรือแม้แต่เซียนราชา พวกเขาก็คงไม่สามารถดูดซับพลังงานที่เกือบจะคงตัวนี้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะสกัดแกนอสูรเหล่านี้ก่อน
เขาก็เข้าใจอีกด้วยว่าแม้ว่าเขาจะสกัดแกนอสูรที่อยู่ในวัตถุเซียนและในแหวนมิติของเขาทั้งหมด มันก็ไม่พอที่จะทำให้เขาพัฒนาไปยังขั้นที่สี่ อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยมันก็ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเม็ดพลังบรรพกาลของเขาได้
แต่ละขั้นของร่างบรรพกาลนั้น พลังงานที่ใช้ในการเลื่อนขั้นนั้นมากกว่าอย่างน้อยหลายเท่าจากขั้นที่แล้ว อาจจะมากกว่าถึงสิบเท่า ทรัพยากรที่ใช้ในการเลื่อนจากขั้นที่สามไปสี่นั้นเหนือจินตนาการ
ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็เก็บตัวฝึกฝนไปหลายวัน เขาได้สกัดแกนอสูรไปมากมายในช่วงเวลานั้น แต่มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เม็ดพลังบรรพกาลของเขายังมีขนาดเท่าเดิม มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เจี้ยนเฉินไม่รู้สึกด้วยซ้ำมามันโตขึ้น
“เจี้ยนเฉิน การถดถอยของโลกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว มันจะเกิดขึ้นมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นเตรียมตัวและมาที่อาณาจักรทะเลทันทีที่เป็นไปได้” ตอนนี้ เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา มันอ่อนโยนและน่าฟังมาก
เจี้ยนเฉินหยุดฝึกฝนทันที เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ แค่การทำงานอย่างหนักไม่พอที่จะทำให้ร่างบรรพกาลของเขาไปถึงอีกขั้นได้ มันต้องใช้โชคช่วยด้วย