เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1228: การเปลี่ยนแปลงของเจียงหยางหู่
ตอนที่ 1228: การเปลี่ยนแปลงของเจียงหยางหู่
“มันได้เวลาที่ข้าต้องทำตามคำสัญญาที่ข้าให้ไว้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้ว แต่ข้าไม่คิดเลยว่าวันที่การถดถอยงของโลกเกิดขึ้นจะเข้ามาถึงเร็วขนาดนี้” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ตกใจเรื่องที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลหาตำแหน่งที่แน่นอนของเขาได้ แม้ว่านางจะเสียร่างเนื้อของนางไปแล้ว แค่วิญญาณของนางนั้นก็ทรงพลังยิ่งกว่าครั้งโบราณกาล นางสามารถหาครอบคลุมทั้งทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะได้อย่างง่ายดาย
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นจากเตียง เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในอาณาจักรทะเลหลังจากที่เขาไป ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการบางอย่างล่วงหน้าไว้ก่อน นี่รวมถึงการจัดการกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีด้วย พวกเขาเสี่ยงที่จะโดนแก้แค้นจากนิกายใต้พิภพที่หนีไปได้
“อาหู่ อาหู่ อย่าไป ! อย่าทิ้งแม่ของเจ้าไป ! เจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของข้า ! ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเจ้า! อาหู่…”
ในตอนที่เจี้ยนเฉินเปิดประตู เสียงโศกเศร้าของป้าใหญ่ของเขาก็ดังขึ้นมาแต่ไกล
เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้งไป แต่เขาก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ในไม่ช้า ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยในขณะที่เขาวิ่งไป
จากที่ไกลออกไป เจี้ยนเฉินก็เห็นพี่ชายคนโตของเขาที่ลอยอยู่ 10 เมตรเหนืออากาศในชุดสีขาวของเขา เขาไม่ได้ให้คลื่นพลังงานใดใดออกมาและไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศเหมือนกับเซียนสวรรค์ ในเลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็สัมผัสไม่ได้ถึงความสามารถของเซียนผู้คุมกฎจากเขา เจียงหยางหู่กำลังลอยอยู่ในอากาศด้วยวิธีการที่เจี้ยนเฉินไม่ทราบและไม่เข้าใจ
มันเป็นเสน่ห์ที่อธิบายไม่ได้จากเจียงหยางหู่ ทำให้เขาเหมือนกับมาจากต่างโลก เหมือนว่าเขาเหมือนอมนุษย์ที่ลงมาจุติ มันเป็นเสน่ห์ที่ศักดิ์สิทธิ์
ข้างล่าง หลิงหลงเงยหน้ามองไปที่เขา น้ำตาไหลออกมาจากตาของนางอย่างต่อเนื่องเพราะนางกำลังเศร้าโศกมาก นางสะอื้นในขณะที่อ้อนวอนเขา
กลุ่มของยามรักษาการณ์ได้พุ่งเข้ามา และแม้แต่หยูเฟิงหยาน ไป๋ยู่ชวง ไป๋หยุนเทียน และเจียงหยางป้า ก็รีบมาที่นี่ พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เจียงหยางหู่อย่างไม่สบายใจ
ใจของเจี้ยนเฉินหดหู่ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้วในที่สุด เขาก้าวออกไปและเคลื่อนที่ออกไปได้ร้อยเมตรทันที และไปถึงที่ด้านหน้าของเจียงหยางหู่
“พี่ใหญ่ ! ” เจี้ยนเฉินกำลังมองไปที่ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเจียงหยางหู่ เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างเป็นกังวล เหมือนว่าเขากำลังพยายามที่จะปลุกเจียงหยางหู่ให้ตื่น
เจียงหยางหู่สงบมาก สายตาของเขาก็สดใสมากในเวลาเดียวกัน และมันก็ใสเหมือนมุขที่ส่องแสง ซึ่งเต็มไปด้วยความปรารถนาและความปราดเปรื่อง แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็มืดมน แต่ก็ลึกซึ้งเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันดูเหมือนจะมีโลกอีกใบด้านในนั้น มันยากที่จะอธิบายมาก
“น้องข้า ข้ากำลังจะไปแล้ว” เจียงหยางหู่พูดกับเจี้ยนเฉินในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสงบ เขายิ้มในตอนที่พูดคำว่า ‘น้องข้า’ มันช่างไร้ความรู้สึกและสูญเสียความจริงใจมานานแล้ว
ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินก็รู้สึกว่าพี่ชายของเขานั้นกลายเป็นคนละคนไป เขาแปลกไปจนเจี้ยนเฉินหาความคุ้นเคยไม่ได้เลย
ช่วงเวลาทั้งหมดที่เขาอยู่ด้วยกันที่สำนักคากัตแว่บเข้ามาในหัวของเจี้ยนเฉินเหมือนละคร ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด เขารู้ดีว่าพี่ชายของเขานั้นได้ตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์ญาติไปแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาไม่ทำตัวคุ้นเคย พี่ชายในความทรงจำของเขาได้ตายไปแล้ว
จากวันนั้นเป็นต้นมา พี่ชายที่สนิทของเขาอยู่แต่ในความทรงจำของเขาเท่านั้น
“พี่ใหญ่ ท่านจะตัดขาดญาติพี่น้องไปอย่างนั้นหรือ ? ท่านอยากจะเห็นท่านป้าใหญ่เจ็บปวดงั้นหรือ ? ” เสียงของเจี้ยนเฉินสั่นไหวเล็กน้อย เขายังต้องการที่จะลองเปลี่ยนใจเจียงหยางหู่
เจียงหยางหู่ยังคงยิ้มอยู่ระหว่างที่พูดคุยกัน ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เจี้ยนเฉินพูด เขามองไกลออกไปด้วยสายตาที่ลึกซึ้งของเขาแล้วพูดออกมาว่า “โลกนั้นไร้อารมณ์ พวกเราเกิดมาจากโลก และพวกเราเดินตามเส้นทางที่โลกกำหนดไว้เพื่อที่จะเข้าใจมัน ความไม่บริสุทธิ์ของเรื่องราวในโลกก็เหมือนสายพลังของปีศาจที่เอาความปราดเปรื่องคนไปและนำหัวใจของพวกเขาไปในทางที่ไม่ถูก มีเพียงการก้าวผ่านเรื่องราวทางโลกไปเท่านั้น คนถึงจะสามารถตระหนักถึงต้นกำเนิดได้ และจะเข้าใจแจ่มแจ้งในความลึกลับของธรรมชาติ”
“ชีวิตของมนุษย์นั้นเหมือนความฝัน ในตอนที่มนุษย์เกิดขึ้นมา ความฝันก็ได้เริ่มขึ้น ในตอนที่พวกเขาตาย ความฝันก็จบลง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในความฝันเหมือนความจริงและหลอกลวง แต่มันก็จะกลายเป็นความว่างเปล่าในท้ายที่สุด ความฝันที่ดูหลอกลวงไม่สามารถเป็นจริงได้ และมันก็ดูเหมือนจริงแต่มันก็ไม่จริง สิ่งเหล่านี้เรียกว่าอารมณ์และราคะ พวกมันคือภาพลวง และมีเพียงการละเรื่องทางโลกไปเท่านั้น เจ้าถึงจะกลับไปมีสติดั้งเดิมได้ มีเพียงการเข้าใจความจริงและทิ้งความหลอกลวงไปเท่านั้นเจ้าถึงจะสงบได้ ยืนหยัดในชะตา มองผ่านความลึกลับของธรรมชาติ และจะเห็นความเป็นที่สุด…”
หลังจากนั้น เจียงหยางหู่ก็ลอยไป เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระมากอย่างไม่ติดขัดอะไรเลย
เจี้ยนเฉินเงียบไป เขาลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่เขามองเจียงหยางหู่ค่อย ๆ ไกลออกไป จิตใจของเขาเจ็บปวด เขารู้ว่าเจียงหยางหู่นั้นได้ตัดขาดจากทุกสิ่งแล้ว เขาในตอนนี้อาจจะไม่สนใจความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว เขาเป็นเพียงแต่จิตวิญญาณที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่เข้าใจโลก เขาออกไปสู่เส้นทางที่แตกต่างแล้ว
เจี้ยนเฉินค่อนข้างห่ดหู่ในตอนนี้ เขาอยู่ในอารมณ์ที่แย่ เขาเพิ่งเสียรุยจิน หงเหลียนและเฮยยู่ไป และตอนนี้เขายังเสียพี่ชายที่เขาเคารพที่สุดไป แม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่จะบังคับให้พี่ชายของเขาอยู่ได้ แต่เขาก็ไม่ทำแบบนั้น เขารู้ว่าผลลัพธ์มันคงไม่ต่าง เส้นทางของเจียงหยางหู่นั้นได้ถูกตัดสินไปนานแล้วและมันก็เปลี่ยนอีกไม่ได้
“อาหู่…” จิตใจของหลิงหลงแตกสลายเหมือนแก้วหลังจากที่เจียงหยางหู่จากไป นางร้องไห้อย่างเศร้าโศกก่อนที่จะเป็นลมไป
“ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่…” สาวใช้หลายคนหน้าซีดไปด้วยความกลัว ในขณะที่รีบเข้ามาประคองนางเอาไว้
“พานางกลับไปที่ห้องเพื่อพักก่อน” เจียงหยางป้าพูดอย่างเศร้าโศกเช่นกัน อารมณ์ของเขาหนักหน่วงในตอนนี้
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ทิศทางที่เจียงหยางหู่จากไปสักพักก่อนที่จะถอนหายใจยาวออกมา เขากลับลงไปที่พื้นด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
“เซียงเอ๋อ มานี่” ไป๋หยุนเทียนมาที่ข้างข้างเจี้ยนเฉินและคว้าแขนของเขาเอาไว้ หลังจากที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงหยางหู่ ไป่หยุนเทียนก็ค่อนข้างหวาดกลัวในใจ นางกลัวว่านางจะเสียลูกของนางไปเหมือนหลิงหลง
“เซียงเอ๋อ เจ้าบอกพ่อได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเจ้า ? ” เจียงหยางป้าถามอย่างเจ็บปวด เขาสามารถสัมผัสได้ว่าลูกชายคนโตของเขานั้นเป็นอคีตไปแล้ว
เจี้ยนเฉินคิดเงียบ ๆ ก่อนที่จะตอบกลับ “เส้นทางที่ท่านพี่เลือกนั้นเหมาะสมกับเขาแล้ว เขาเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนที่แตกต่างออกไป ข้าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต”
คนชุดขาวยืนอยู่บนกิ่งไม้ในขณะที่เขามองเจียงหยางหู่ออกไปจากเมืองลอร์ เขาพึมพำ “ดูเหมือนเจียงหยางหู่จะเข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว สวัสติกะอันยิ่งใหญ่ของเขาสมบูรณ์แล้ว เขามาถึงขั้นนี้แล้วในที่สุด”
..
เจี้ยนเฉินประวิงเวลาที่จะไปที่อาณาจักรทะเลเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงหยางหู่ วันถัดมา เขาก็ไปที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเพื่อจัดการเรื่องต่างต่างก่อนที่จะไปปลอบไป๋หยุนเทียน เขาสัญญาว่าเขาจะกลับมาหลังจากที่จัดการเรื่องต่าง ๆ แล้ว จากนั้นเขาก็ไปที่อาณาจักรทะเลพร้อมกับนูบิส
เจี้ยนเฉินและนูบิสออกมาจากประตูมิติและลอยอยู่เหนือทะเล พวกเขารู้สึกถึงความสงบของทะเลเช่นเดียวกันกับลมทะเลที่อ่อนโยน ความรู้สึกสบายใจเกิดขึ้นทันทีภายในเจี้ยนเฉิน ทำให้เขาลืมความโศกเศร้าจากการจากไปของพี่ชายของเขาในวันก่อนหน้านี้
ด้วยความช่วยเหลือของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจี้ยนเฉินและนูบิสก็ผ่านม่านพลังไปได้โดยไม่ติดขัด ในเวลาเดียวกัน เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ดังขึ้นในหัวของพวกเขา “การถดถอยของโลกกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ข้าจะติดตามสถานการณ์อย่างใก้ลชิด ดังนั้นอยู่ที่อาณาจักรทะเลต่ออีกสองสามวันและรอข่าวจากข้า”
“ขอรับ ฝ่าบาท” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างสุภาพ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกไปที่พื้นที่ที่ว่างเปล่า “ฝ่าบาท ข้ามีบางอย่างที่อยากจะถาม ข้าขอถามเกี่ยวกับเรื่องผู้พิทักษ์ซุยของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งได้หรือไม่ ? ” เจียนเฉินรู้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั้นอยู่ในทุกทุกที่ ดังนั้นนางคงได้ยินที่เขาพูดแน่
ร่างมายาลางลางของผู้หญิงก็ปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ตรงหน้าเขาทันทีที่เขาพูดจบ นางถามออกมาอย่างเคร่งเครียด “ทำไมเจ้าถึงถามเกี่ยวกับศาลาเทพธิดาน้ำแข็งล่ะ ? เจ้าต้องการจะไปที่นั่นอย่างนั้นหรือ ? ”
ก่อนที่จะเจี้ยนเฉินจะทันได้ตอบกลับ นางก็พูดต่อ “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อผู้พิทักษ์ซุยของศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง แต่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งนั้นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก จากครั้งโบราณกาลจนถึงตอนนี้ เซียนจักรพรรดินับไม่ถ้วนเข้าไปที่ผืนน้ำแข็งนั้น แต่มีน้อยกว่าหนึ่งในสิบคนเท่านั้นที่กลับมาอย่างมีชีวิตอยู่ ข้าเคยพยายามที่จะเข้าไปสำรวจในส่วนลึกของผืนน้ำแข็งนั้นด้วยวิญญาณของข้า แต่ทันทีที่วิญญาณของข้าเข้าไปใกล้สถานที่นั้น มันก็ถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเย็นที่น่ากลัว มันยังใช้แม้แต่วิญญาณของข้าในการนำทางและรีบมาที่อาณาจักรทะเล ถ้าข้าไม่ดึงวิญญาณของข้ากลับมาเร็วพอ ผลลัพธ์ก็คงคิดไม่ถึงเลย” เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเต็มไปด้วยความสั่นกลัว มันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่นั้นน่ากลัวเพียงใดกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่เป็นคนที่อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม
“หลังจากนั้น พยัคฆ์ปีกเทวะก็ให้หินปีศาจชั้นฟ้ากับข้ามา และก็เตือนไม่ให้ข้าไปสำรวจสถานที่นั้นไม่ว่าจะอย่างไรตาม เว้นเสียแต่ว่าผืนน้ำแข็งนั้นจะหายไปจากขั้วโลก นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่เคยไปสำรวจที่บริเวณนั้นอีกเลย” เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั้นมีหลากอารมณ์ วิญญาณของนางนั้นทรงพลังมาก ไม่เพียงแต่มันจะครอบคลุมได้ทั้งอาณาจักรทะเล แต่นางยังสามารถขยายไปถึงทวีปเทียนหยวน ทวีปสัตว์เทวะ หรือแม้แต่ทวีปแห่งความสูญเปล่าได้ตามปรารถนา
ถ้าไม่กล่าวเกินจริงไป วิญญาณของนางนั้นสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระไปได้ทั่วโลก ไม่มีอะไรที่ทำให้นางกลัวได้ รวมถึงสถานที่ที่อันตรายที่สุดบนทวีปเทียนหยวนอย่างรังมรณะ เว้นเสียแต่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งที่เป็นเขตที่หวงห้ามไม่ให้นางเข้าไป
“ฝ่าบาท ถ้างั้นข้าขอถามได้ไหมว่าศาลาเทพธิดาน้ำแข็งนั้นปรากฏขึ้นมาตอนไหน ? ” เจี้ยนเฉินถามอีกครั้ง เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นเหมือนราชันย์ที่อยู่ในยุคเดียวกันกับโมเทียนหยุน นางรู้ความลับหลายเรื่องมากกว่าเซียนจักรพรรดิเป็นแน่
“ศาลาเทพน้ำแข็งดูเหมือนจะคงอยู่มาตลอดแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามามันปรากฏขึ้นมาครั้งแรกตอนไหน แต่คนขององค์กรนั้นก็มาที่ทวีปเทียนหยวนน้อยครั้งมาก และทุก ๆ ครั้งที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาก็มาเพื่อหาลูกศิษย์ในทวีป และพวกเขาจะจัดการทุกอย่างอย่างไม่โจ่งแจ้งเลย” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูด นางไม่รู้คำตอบที่เจี้ยนเฉินถามก่อนหน้านี้
ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินก็คิดเกี่ยวกับเรื่องที่จิตวิญญาณกระบี่ได้อธิบายว่าผู้พิทักษ์ซุยนั้นเป็นคนที่มาจากจุดสูงสุด ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าองค์กรนั้นถูกก่อตั้งโดยผู้พิทักษ์ซุยอย่างนั้นหรือ ?
เจี้ยนเฉินถามออกไปอีกครั้งหลังจากที่คิดถึงจุดนี้ “ฝ่าบาท ถ้าท่านเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะมีชีวิตอยู่มากกว่าหนึ่งล้านปี ? ”
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่ายหน้า “เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิคือขอบเขตดั้งเดิม มีขั้นย่อย 3 ขั้นนั่นคือ ยอมรับ ย้อนกลับ แลกเปลี่ยน ในความเข้าใจของข้า คนที่อยู่ในขอบเขตดั้งเดิมนั้นสามารถอยู่ได้แสนปี และแม้แต่คนที่อยู่ในขั้นแลกเปลี่ยนก็ไม่สามารถอยู่ได้เกินสองแสนปีหลังจากที่ได้กินสมบัติสวรรค์ที่ช่วยยืดอายุไปแล้ว บางทีมีเพียงการฝึกฝนให้เหนือกว่าขอบเขตนั้นเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าอยู่ได้นานขึ้น”
“แน่นอนว่า มีสมบัติที่เหนือกว่าสมบัติสวรรค์ ที่อาจจะทำให้เจ้าอยู่เป็นล้านปีหรือนานกว่านั้นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็จะเป็นเหมือนกับข้าที่สามารถรักษาไว้ได้แค่วิญญาณในขณะที่ร่างกายก็หายไปแล้ว ในเวลาเดียวกัน วิญญาณก็ไม่สามารถที่จะแยกจากสมบัติที่ปกป้องมันอยู่ได้”
เจี้ยนเฉินหดหู่มาก เขาเดาแล้วว่าผู้พิทักษ์ซุยนั้นอาจจเหนือกว่าขอบเขตดั้งเดิม และอยู่ในระดับที่สูงกว่านั้น เขาไม่สามารถยินดีได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ยิ่งผู้พิทักษ์ซุยแข็งแกร่งมากเท่าไร โอกาสที่เขาจะช่วยรุยจินและคนอื่น ๆ ได้ก็ยิ่งน้อยลงไปเท่านั้น