เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1230: ตระกูลเต๋าที่หยิ่งผยอง
ตอนที่ 1230: ตระกูลเต๋าที่หยิ่งผยอง
ในศูนย์กลางของตระกูล หอประชุมขนาดใหญ่สูงกว่า 20 เมตรตั้งตระหง่านอย่างเงียบ ๆ หอประชุมทั้งหมดเป็นสีดิน มันถูกสร้างโดยเซียนผู้คุมกฎที่ใช้ความสามารถการควบคุมดินสร้างมันขึ้นมาจากดินในเวลาอันสั้นโดยมีพลังงานที่ทรงพลังซ่อนอยู่ข้างในนั้น
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสเซียนผู้คุมกฎมากมายของเผ่าเต่าได้รวมตัวกันในห้องที่กว้างขวางของหอประชุม พวกเขาทุกคนมีสิ่งที่หนักใจ ทำให้บรรยากาศของห้องเต็มไปด้วยความกดดัน
” เจ้าคิดว่าตระกูลของเราควรทำอย่างไรดีตอนนี้ ? เราควรยอมแพ้เรื่องเหมืองผลึกทั้งหมดที่เคยเป็นของเราหรือไม่ หรือเราควรพัฒนาที่นี่และเผชิญหน้าต่อภัยคุกคามของตระกูลเต๋าที่มุ่งหน้ามาที่เรา” ผู้อาวุโสสี่ได้ถามอย่างจริงจัง
“ไม่ เราไม่สามารถละทิ้งเหมืองผลึกที่เคยเป็นของเราได้อย่างแน่นอน เหมืองทั้งหมดพวกนั้นเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ของเผ่าเรา มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยค้ำจุนความเจริญรุ่งเรืองของเรา ถ้าเรายอมแพ้ปล่อยมันไปตอนนี้ มันจะยากมากขึ้นในการเอาพวกมันกลับมาในอนาคต เนื่องจากผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ก้าวเข้ามาเพื่อยุติสงครามของเรากับตระกูลเต๋า ข้าเชื่อว่าตระกูลเต๋าจะไม่โจมตีเราง่าย ๆ หรอกในอนาคต” ผู้อาวุโสหกไม่เห็นด้วยหลังจากที่ผู้อาวุโสสี่พูดจบ
“ฮึ่มม เจ้าเชื่อว่าผู้อาวุโสประจำศาลาจะยืนอยู่ข้างเจ้าเสมอไปเหรอ ผู้อาวุโสหก ? ในอีกไม่นานบรรพบุรุษของตระกูลเต๋า เต๋าเจิ้งเทียน จะก้าวไปสู่ขั้นสูงสุดของจอมยุทธ 16 ดาว และเมื่อเขาได้กลายเป็นผู้อาวุโสประจำศาลา ทันทีที่เขาได้รับตำแหน่งนั้นมา เขาจะต่อต้านเผ่าของพวกเราโดยไม่ลังเลใด ๆ เลย วันนั้นจะกลายเป็นจุดจบที่แท้จริงของเผ่าเรา ” ผู้อาวุโสห้าตะคอกอย่างเยือกเย็น เขาไม่เห็นด้วยกับผู้อาวุโสหกเอามาก ๆ
ผู้อาวุโสสี่ถอนหายใจกับสิ่งที่ผู้อาวุโสห้าพูด เขาพูดเพิ่ม ” น่าเสียดายที่ผู้คุมกฎไม่อยู่ ถ้าเขาอยู่ เราทั้งหมดก็คงจะไม่เป็นอะไร มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจการลุกขึ้นสู้หรือปฏิเสธสงครามของเผ่าเรา”
“บรรพบุรุษของตระกูลเต๋าทรงพลังอย่างมาก ๆ และเขาก็เข้าร่วมกับตระกูลม่อซินผ่านการแต่งงานซึ่งทำให้เขายิ่งมีอิทธิพลมากกว่าเก่าในอาณาจักรทะเล บวกกับความจริงที่ว่าเขาได้ก่อตั้งพันธมิตรกับตระกูลขนาดใหญ่กว่า 10 ตระกูล จำนวนของจอมยุทธ 15 ดาวและ 16 ดาวที่พวกเขามี ไม่ใช่สิ่งที่เราจะรับมือได้เลย เราอาจจะยังคงไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับตระกูลเต๋าถึงแม้ผู้คุมกฎจะกลับมาก็ตาม..” ผู้อาวุโสเจ็ดกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหนักใจ
ท่าทางของผู้อาวุโสสี่เปลี่ยนไปและเขาก็มองไปที่ผู้อาวุโสเจ็ดอย่างจริงจัง เขาตำหนิออกมา “ผู้อาวุโสเจ็ด เจ้าพูดถึงผู้คุมกฎเยี่ยงนั้นได้อย่างไร ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเต่า เจ้าสามารถสูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปได้ แต่เจ้าไม่ควรเสียความมั่นใจในตัวผู้คุมกฎเพราะว่าเขาเป็นความหวังสูงสุดของเผ่าเต่า คนผู้นั้นคือความหวังทั้งหมดของเผ่าเต่า เราเรืองอำนาจอย่างแท้จริงเมื่อตอนที่เรามีเขาคอยดูแล เราจำเป็นต้องยืนอย่างมั่นใจ เมื่อใดที่ผู้คุมกฎกลับมา เราจะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์นี้ได้”
ผู้อาวุโสเจ็ดเงียบไปทันที เขาก้มหัวลงต่ำ ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าไม่เคยอยู่ในเผ่านี้เป็นเวลานาน ๆ แต่เขาก็สร้างความประทับใจที่มากมายต่อเหล่าผู้อาวุโส
” ระ รายงาน..” ในตอนนี้ ยามตะโกนออกมาจากไกล ๆ ขณะที่เขาวิ่งมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นว่ายามวิ่งกระหืดกระหอบมา เหล่าผู้อาวุโสก็หยุดการสนทนาทันที หนึ่งในนั้นจ้องเขม็งไปที่ยามและถาม ” เกิดอะไรขึ้น ? จอมยุทธตระกูลเต๋าบุกมาอย่างงั้นเหรอ ? ”
“มะ ไม่ใช่ครับผู้อาวุโส ผะ ผู้คุมกฎกลับมาแล้ว ผู้คุมกฎได้กลับมาแล้วขอรับ” น้ำเสียงของยามยังคงหอบขณะตอบ เขาตื่นเต้นอย่างมาก
” อะไรนะ ผู้คุมกฎกลับมาแล้วงั้นเหรอ ? ” เหล่าผู้อาวุโสต่างดีใจ หนึ่งในนั้นหัวเราะออกมาดังและพูดด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใส “ทุกคน ไปต้อนรับผู้คุมกฎกันเถอะ”
“ไม่จำเป็น ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ” เสียงของเจี้ยนเฉินดังออกมาผ่านห้องประชุมหลังจากที่ผู้อาวุโสผู้นั้นพูด ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดจบ เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุก ๆ คนพร้อมกับนูบิสและเถี่ยต้า พร้อมกับคนในเผ่า คนในเผ่าหยุดอยู่ข้างนอกห้องประชุม ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความปิติและความตื่นเต้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เราขอคารวะผู้คุมกฎ ! ” ผู้อาวุโสของเผ่าเต่าโค้งคำนับให้กับเจี้ยนเฉินทันที พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นมากจนเสียงพวกเขาสั่นเล็กน้อย
เจี้ยนเฉินเดินขึ้นบัลลังก์และนั่งลง ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสยืนเป็นแถวที่อยู่ข้างล่างในกริยาท่าทางที่นอบน้อม
นูบิสและเถี่ยต้ายืนอย่างสบาย ๆ มากเมื่อเทียบกับคนอื่น พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวนเขา แต่ไปเดินเล่นรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้แทน
“บอกข้ามาตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ตระกูลเต๋าถึงโจมตีเผ่าเต่าของเราโดยปราศจากเหตุผล ? ” เจี้ยนเฉิน ถามอย่างเยือกเย็นด้วยท่าทางมืดมน
ผู้อาวุโสสี่ก้าวออกมาข้างหน้าทันที เขาอธิบายสถานการณ์ต่อเจี้ยนเฉินอย่างสุภาพ “ผู้คุมกฎ ข้าเชื่อว่าท่านรู้ว่าเผ่าเต่าของเราได้ทำการชิงเหมืองผลึกที่เคยถูกยึดไปกลับคืนมาหลังจากที่ความแข็งแกร่งของเราเพิ่มขึ้น แต่เดิมแล้ว ส่วนใหญ่เราได้ยึดเหมืองที่ใหญ่กว่าและดีกว่าซึ่งมันอยู่ในการครอบครองของตระกูลขนาดใหญ่อยู่ พวกเขายืนกรานว่าจะไม่คืนมันให้กับเรา ดังนั้นเพื่อที่จะต่อต้านเผ่าเต่าของพวกเรา พวกเขาจึงไปรวมตัวเป็นพันธมิตรกับตระกูลเต๋า”
“เหมืองที่ยังหลงเหลืออยู่สำคัญต่อเราอย่างมาก ๆ และเดิมทีพวกมันก็เป็นของเราอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่ยอมแพ้ต่อพวกมัน จากนั้นความขัดแย้งมากมายก็ได้เกิดขึ้นระหว่างจอมยุทธของเผ่าเต่ากับบรรดาพันธมิตร ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรามีจอมยุทธ 16 ดาวถึง 5 คนที่คอยปกป้องเราอยู่ เราจึงไม่ได้อ่อนแอกว่าบรรดาพันธมิตรเลย จึงทำให้ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ดูเชิงกันอยู่”
“แต่สมดุลในอำนาจนี้เปลี่ยนไปเมื่อ 1 เดือนก่อน ตระกูลเต๋าได้เข้าร่วมกับองค์กรระดับสูงสุดอื่นของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ตระกูลม่อซิน ผ่านการแต่งงาน พวกเขามีจอมยุทธที่เก่งกาจ 2 คน คนหนึ่งอยู่ที่ระดับ 16 ดาว และอีกคนอยู่ที่ระดับ 15 ดาว บรรพบุรุษ 16 ดาวของตระกูลม่อซินเกือบจะทรงพลังเท่ากับเต๋าเจิ้งเทียน ทำให้เหล่าพันธมิตรได้มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเราโดยสิ้นเชิง พร้อมกับการเข้ามามีส่วนร่วมของตระกูลม่อซิน”
“ไม่นานหลังจากนั้น ตระกูลเต๋าได้ส่งทูตมาที่ตระกูลของเราและประกาศอย่างเปิดเผยว่าพวกเราได้ยึดครองเหมืองผลึกมากมายโดยไม่ยำเกรงใด ๆ และได้ทำลายความสงบสุขภายในแผ่นดินของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโดยได้รับความช่วยเหลือจากจอมยุทธ 16 ดาวเพียงน้อยนิด เขายังสั่งให้เราส่งเหมืองผลึกทั้งหมดของพวกเรามา พร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายให้กับพวกเขาที่บาดเจ็บ ไม่งั้นแล้วตระกูลเต๋าจะรวมกับตระกูลทั้งหมดและองค์กรที่ต่อต้านพวกเราเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้กับเรา”
เมื่อถึงตอนนี้ น้ำเสียงของผู้อาวุโสสี่ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งปกปิดไม่มิด ดวงตาของเขาเกือบจะระเบิดออกมาเป็นเปลวเพลิง แม้กระทั่งผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในหอประชุมนี้ก็โกรธจนหน้าซีดเช่นกัน
สีหน้าของเจี้ยนเฉินนั้นดูเจ็บใจยิ่งนักขณะที่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ ความอาฆาตที่รุนแรงของเขาปรากฏออกมาจากดวงตาของเขา เขาโกรธการกระทำของตระกูลเต๋ามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
เมื่อเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเหมืองผลึกทั้งหมดเคยเป็นของเผ่าเต่า แค่เพียงความต้องการจากตระกูลเต๋าที่ระบุว่าเผ่าเต่าต้องส่งมอบเหมืองผลึกทั้งหมดซึ่งมันเลยขอบเขตที่เจี้ยนเฉินสามารถรับได้ไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงค่าเสียหายที่พวกเขาต้องชดใช้ให้กับบรรดาผู้บาดเจ็บเลย ตระกูลเต๋าไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่หยิ่งผยองและดุร้ายได้อีกต่อไป พวกเขาได้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว ล้ำเส้นไปแล้วจริง ๆ
ผู้อาวุโสสี่ได้สติและพูดต่อ “เราจะเห็นด้วยกับข้อเสนอที่เกินเลยของพวกนั้นได้ยังไง ? ตามผลลัพธ์แล้ว พันธมิตรได้เริ่มส่งการโจมตีขนาดใหญ่มาที่ตระกูลของเราใน 3 วันก่อน แต่พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากความแข็งแกร่งของพันธมิตรได้เหนือกว่าพวกเรา แม้แต่ ฉินตั๋ว ฉิงยี่หยวน หลานจิง ซินเปียน และ โมชาส บรรดาจอมยุทธ 16 ดาวทั้งหมด พวกเราก็ยังไม่สามารถหยุดการโจมตีจากตระกูลเต๋าได้ การต่อสู้ดำเนินไปกว่าครึ่งวันและบรรดาจอมยุทธ 16 ดาวทั้งห้าคนของพวกเราก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของผู้คนจากกลุ่มพันธมิตร ในท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้ก็ยุติลงเพราะว่าผู้อาวุโสประจำศาลาได้ห้ามไว้”
“ที่จริงแล้ว ตระกูลเต๋าต้องการใช้อำนาจของกลุ่มพันธมิตรเพื่อกำจัดพวกเราออกไปภายใน 3 วันก่อน ถ้าผู้อาวุโสประจำศาลาไม่มาขัดจังหวะและปกป้องเราไว้ เราคงอาจจะถูกกำจัดออกไปโดยพวกตระกูลเต๋าเรียบร้อยแล้ว ผู้คุมกฎ เราจำเป็นต้องแก้แค้นเรื่องนี้ขอรับ” ผู้อาวุโสห้าพูดอย่างเที่ยงธรรม
“ผู้คุมกฎ เผ่าของพวกเราได้บาดเจ็บสาหัสในสนามรบ พรรคพวกของเรากว่าครึ่งหนึ่งได้ตายไป ซึ่งมากกว่า 3 หมื่นคนและเรายังเสียผู้อาวุโสไปอีก 4 คน เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย”
” ผู้คุมกฎ ได้โปรดนำทางพวกเราด้วย..”
” ผู้คุมกฎ ท่านต้องให้พวกเราแก้แค้นให้พวกเขา ”
ผู้อาวุโสแต่ละคนในหอประชุมแห่งนี้พูดอย่างโกรธเคืองผ่านฟันที่กัดแน่นของเขา สายตาของพวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความอาฆาต
“มีจอมยุทธ 15 ดาวและ 16 ดาวทั้งหมดอยู่กี่คนในกลุ่มพันธมิตร ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเขาจะแก้แค้นให้กับเผ่าเต่าแน่นอน แต่เขาจำเป็นต้องเข้าใจความแข็งแกร่งของตระกูลเต๋าก่อนเป็นอย่างแรก
เจี้ยนเฉินสามารถเพิกเฉยต่อเซียนผู้คุมกฎไปได้เลย เขาสนใจเรื่องจำนวนของเซียนราชาที่ตระกูลเต๋ามีมากกว่า
ผู้อาวุโสทั้งหมดลังเลเล็กน้อย หลังจากนั้นผู้อาวุโสสี่ก็ตอบไป “ผู้คุมกฎ ตระกูลเต๋า ตอนนี้มีจอมยุทธ 15 ดาวอยู่ 4 คน และมีจอมยุทธ 16 ดาวอย่างน้อย 2 คน พวกเขาเป็นบรรพบุรุษทั้งสองของตระกูลเต๋าและตระกูลม่อซิน”
“ไม่ ยังมีผู้ชำนาญอีกคนหนึ่งที่มีฝีมือพอ ๆ กับไทโตว นอกเหนือจากบรรพบุรุษของตระกูลเต๋าและตระกูลม่อซิน มันน่าจะมีจอมยุทธ 16 ดาวอีกคนหนึ่ง”
“ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งหมดเห็นมัน แต่เมื่อสงครามปะทุขึ้น มีคนผู้หนึ่งในพันธมิตรได้เฝ้ามองดู ข้าไม่สามารถเข้าใจความแข็งแกร่งของพวกเขาได้เลย เขาไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ ข้าจึงกำลังเดาว่าเขาเป็นจอมยุทธ 16 ดาวเช่นกัน” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวเสริม
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เขาพบว่ามันค่อนข้างยากจริง ๆ สำหรับเหล่าผู้อาวุโสเซียนผู้คุมกฎในการอธิบายระดับของเซียนราชา
“หยุดพูดกันได้แล้ว เอาตัว ฉิงยี่หยวน ไท่โตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส มาให้ข้า ข้ารู้ว่าพวกเขากำลังรักษาตัวอยู่ เรียกพวกเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้” เจี้ยนเฉินสั่ง
” รับทราบ ผู้คุมกฎ” ผู้อาวุโสทำตามคำสั่งเขาและวิ่งออกไปทันที