เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 126 : ตระกูลเทียนซ่ง
ตอนที่ 126 – ตระกูลเทียนซ่ง
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วอารมณ์ที่ไม่ดีของเจี้ยนเฉินก็ยิ่งไม่ดียิ่งขึ้น อารมณ์รุนแรงเกิดขึ้นในใจทันที ดวงตาที่ยุ่งเหยิงและไร้อารมณ์ของเขาก่อนหน้านี้เริ่มเย็นชาขณะที่จ้องมองอย่างโกรธแค้นไปที่ชายหนุ่ม ดวงตาของเขาดูเหมือนจะสามารถยิงคมกระบี่ ในขณะที่เขาคำราม สวะ! เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสั่งให้ข้านำทางให้เจ้า ? ” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินแข็งกระด้างและมีกลิ่นอายของการฆ่าฟัน
ในขณะที่เจี้ยนเฉินพูดจบแล้ว ทหารรับจ้างอีก 6 คนก็อ้าปากค้างเมื่อจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเป็นเป้าหมายการจ้องมองอันทรงพลังและดุดันของเจี้ยนเฉิน จิตใจของชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะสั่นด้วยความขลาดกลัวและเขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็ตระหนักว่าเขาสูญเสียการควบคุมตนเองไปชั่วขณะหนึ่งและความโกรธก็ท่วมท้นไปในใจของเขา ในฐานะที่เป็นบุคคลชั้นสูง ไม่มีทหารรับจ้างคนใดที่มีอายุมากกว่าเขาข่มขู่เขาจนทำให้เขารู้สึกอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน
ชายหนุ่มจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความโกรธ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วชี้ไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตะโกนว่า “เจ้าบัดซบโสโครก เจ้าพูดอะไรกับข้า ? ทำไมเจ้าไม่ลองพูดอีกครั้งล่ะ”
ประกายตาเย็นชาของเจี้ยนเฉินกวาดไปยังทหารรับจ้างทั้ง 6 ที่ล้อมรอบชายหนุ่ม จากการชำเลืองเพียงครั้งเดียวก็เห็นได้ชัดว่าระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาคืออะไร; หนึ่งในนั้นคือระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสูง สองคนเป็นระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นต้นและอีกสามคนเป็นระดับเซียนระดับสูงขั้นสูง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นใหญ่มาก
” ก็ลองดู ! ” เจี้ยนเฉินคำรามอย่างกระโชกโฮกฮาก แม้ว่าเขาพอจะสันนิษฐานจากจำนวนผู้คุ้มกันรอบ ๆ ชายหนุ่มว่าเขาต้องเป็นบุตรชายของตระกูลผู้มีอิทธิพล ซึ่งเจี้ยนเฉินก็เป็นอยู่ในขณะนี้และเขาก็ไม่กลัวอำนาจใด ๆ สำหรับเขาแล้ว ชายหนุ่มคนนี้เพียงแค่สร้างความรำคาญใจเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจกับความรำคาญนี้มาก แต่ก็ไม่มีทางที่เจี้ยนเฉินจะขอโทษคน ๆ นี้
ชายหนุ่มมองเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าดำคล้ำขณะที่เขาสั่งทหารรับจ้างทั้ง 6 คน” จับเขามาให้ข้า”
“ได้ขอรับ นายน้อย” ชายคนหนึ่งตอบขณะที่เขาเดินไปหาเจี้ยนเฉินเหมือนลูกธนูที่ยื่นออกมาจากแขน ทหารรับจ้างคนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ที่เซียนระดับสูงขั้นสูงหลังจากการฝึกฝนมา 30 ปี สำหรับทหารรับจ้าง เจียนฉินเป็นเพียงเด็กน้อยที่มีความแข็งแกร่งไม่มาก หากเจี้ยนเฉินเป็นเซียนระดับสูง เขาก็จะถูกระบุว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ด้วยความที่ทหารรับจ้างเป็นเซียนระดับสูงขั้นสูง การจับเจี้ยนเฉินจะไม่เป็นปัญหาเลย
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขาหลบมือของทหารรับจ้างอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ” เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสัมผัสข้า” โดยปกติเจี้ยนเฉินจะไม่พูดด้วยความเหยียดหยามและความโหดร้ายเช่นนี้ แต่เจี้ยนเฉินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการจบสิ้นของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเช่นเดียวกับเมื่อก่อนอีกต่อไป ทัศนคติที่หยิ่งยโสของชายหนุ่มทำให้เจี้ยนเฉินอารมณ์เสียจนถึงจุดระเบิดแล้ว ลึกลงไปในใจของเขาจึงมีแรงกระตุ้นที่จะฆ่าแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าละอายจากเจี้ยนเฉิน สีหน้าของชายวัยกลางคนคนนี้ก็กลับกลายเป็นไม่น่าดู ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในระดับเซียนระดับสูง เขาจะเอาชนะเด็กหนุ่มอายุ 20 ปีได้อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากถูกเด็กต่ำต้อยทำหยาบคายใส่ เขาก็ต้องเสียหน้าต่อหน้าสหายทุกคนของเขารวมถึงชายหนุ่มผู้ร่ำรวยซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสในอนาคตของเขา หากเขาไม่ได้สอนบทเรียนที่ดีให้แก่เด็กคนนี้ เขาจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองหมู่มิตรสหายของเขาอีกเลย
ชายคนนั้นตัดสินใจที่จะไม่หยุดยั้งอีกต่อไป กระบี่ปรากฏขึ้นในมือของเขาและถ่ายพลังภายในให้กับมัน ทำให้มันเปล่งประกายสดใส
“เจ้าเด็กที่หยิ่งยโสทำไมเจ้าไม่ลองด้วยตัวเอง ว่าข้ามีคุณสมบัติหรือไม่ในการที่จะสู้กับเจ้า ! ” ชายคนนั้นร้องขณะที่เขาเหวี่ยงกระบี่ไปที่ไหล่ของเจี้ยนเฉิน
ด้วยเสียงแค่นอันเย็นชา เจี้ยนเฉินหยิบกระบี่วายุโปรยของเขาขึ้นทันทีและแทงไปข้างหน้า แสงสีเงินที่ส่องประกายแวววาวตามคมกระบี่ขณะที่มันเคลื่อนที่
“ฟัฟ!”
ก่อนที่กระบี่ของชายวัยกลางคนจะไปถึงเจี้ยนเฉิน กระบี่วายุโปรยได้แทงเข้าไปในลำคอของชายคนนั้นแล้ว
ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แข็งทื่อเมื่อดวงตาของเขาจ้องมองไปที่บริเวณที่เจี้ยนเฉินแทงด้วยกระบี่เรียว ด้วยสายตาที่ไม่เชื่อครั้งสุดท้าย ดวงตาของชายคนนั้นค่อย ๆ สูญเสียความแวววาวของพวกเขาและมืดครึ้ม ในขณะที่เขาล้มตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก
เมื่อเห็นว่าสหายวัยกลางคนของพวกเขาถูกฆ่าตายโดยเจี้ยนเฉิน ทหารรับจ้างอีก 5 นายที่ปกป้องชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ คิ้วของพวกเขาเลิกขึ้นสูงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่พวกเขาจะชักอาวุธของพวกเขาขึ้นมาดูเหมือนว่า เจี้ยนเฉินจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่
ชายหนุ่มไม่เชื่อสายตาของเขา เมื่อเขามองไปที่ชายคนที่่ล้มลงถัดจากเจี้ยนเฉิน ชี้ด้วยนิ้ว เขาพยายามที่จะแสดงความแข็งแกร่ง ถึงแม้เขาจะอยู่ใต้ด้วยความกลัวด้วยการพูดว่า “เจ้ากล้าที่จะฆ่าองครักษ์ของข้าหรือ ? เจ้าไม่ – รู้หรือว่าข้าเป็นใคร? เจ้าเหนื่อยกับการมีชีวิต ? ” แม้ว่าชายหนุ่มและเจี้ยนเฉินจะไม่แตกต่างกันด้วยอายุ แต่ชายหนุ่มก็เติบโตขึ้นมาภายในการปกป้องคุ้มครอง ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ใด ๆ ดังนั้นทันทีที่เขาเห็นเลือดหยดลงบนพื้น ความขี้ขลาดของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
แม้ว่าเขาจะใช้พลังของตระกูลเพื่อกลั่นแกล้งคนจำนวนมาก แต่คนเหล่านั้นก็เป็นกลุ่มอ่อนแอที่ไม่กล้าต่อต้านเขา ดังนั้นชีวิตของเขาจึงก้าวหน้าไปอย่างราบรื่นเสมอและเขาก็ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นคนอย่างเจี้ยนเฉินผู้ซึ่งเถรตรงและฆ่าผู้คนราวกับว่ามันเกิดขึ้นทุกวัน ชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นภาพนี้ถูกข่มขู่โดยวิธีของเจี้ยนเฉิน
ทันใดนั้นพลันทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งเดินไปข้างหน้าและแสดงท่าทางอย่างสุภาพต่อเขาว่า น้องชายที่รัก พวกเราเป็นสมาชิกของตระกูลเทียนซ่งและนี่คือนายน้อย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นความผิดของพวกเรา ดังนั้นข้าอยากจะขอโทษเจ้าในที่นี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถมองข้ามปัญหานี้ได้” ทหารรับจ้างคนนี้ที่พูดนั้นไม่ได้อ่อนน้อมหรือหยิ่งยโส
ด้วยการจ้องมองด้วยดวงตาอันเย็นชาของเจี้ยนเฉินจ้องที่กลุ่มต่อหน้าเขา ขณะที่ร่างของเขาเปล่งประกายจิตสังหาร เมื่อเดินเข้าไปใกล้พวกเขา เขาก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า” ถ้างั้นมาเถอะ หากพวกเจ้าสามารถหลบหนีจากมือของข้าในวันนี้ เจ้าจะได้รับการไว้ชีวิตเป็นธรรมดา”