เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1340: ทะเลแห่งความสิ้นหวัง
ตอนที่ 1340: ทะเลแห่งความสิ้นหวัง
“ชิ้นส่วนเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ได้กลายเป็นแบบนี้ ข้ายังสามารถใช้มันได้อยู่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขาพบกับสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่าเสียใจเนื่องจากพลังของเกราะมันเห็นได้ชัด แต่มันได้รับความเสียหายมากจนเกินไป
“จากการดูมันแล้ว เกราะศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ข้อความจารึกของมันได้รับความเสียหายและจิตวิญญาณวัตถุก็ได้กระจายออกไปแล้ว นอกจากความจริงที่ว่าวัสดุของมันทนทานมาก มันยังไม่สามารถป้องกันผู้ที่สวมใส่ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เก็บมันไว้ นายท่าน เมื่อครั้งที่ความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มขึ้นในอนาคต ท่านจะสามารถหาวัสดุบางชิ้นเพื่อมาซ่อมแซมมันได้ มันอาจจะไม่สามารถถูกรักษาให้เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ได้แต่มันจะต้องเป็นประโยชน์สำหรับท่านแน่นอน” จือหยิงพูด
“อย่าผิดหวังมากจนเกินไปเจ้านาย ด้วยความแข็งแกร่งของท่านตอนนี้ การได้ชิ้นส่วนเกราะที่เสียหายยังดีกว่าได้รับมันในสภาพที่สมบูรณ์เพราะว่าวัตถุเทพเจ้าทุกอันต้องการคุณสมบัติที่สูงมากอย่างยิ่งก่อนที่จะสามารถใช้มันได้ มีเพียงแค่พวกคนที่กลายเป็นอมตะราชันย์เท่านั้นที่สามารถเริ่มตีมันขึ้นได้และอย่างมาก พวกมันก็ไม่เกินไปกว่าชั้นธรรมดา ทุกอย่างที่เหนือกว่านั้นจะต้องเป็นอมตะราชันย์หรือไม่ก็อมตะเที่ยงแท้” ฉิงโซวกล่าว หลังจากนั้นเขามองไปที่ชิ้นส่วนที่เสียหายในมือของเจี้ยนเฉินและพูดต่อ ” นี่น่าจะเป็นวัตถุพระเจ้าคุณภาพสูงหรือไม่ก็วัตถุพระเจ้าคุณภาพเหนือสุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงไร้ประโยชน์สำหรับท่านถ้ามันไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ การที่มีชิ้นที่ได้รับความเสียหายนั้นเป็นประโยชน์ต่อท่านแล้ว ”
จือหยิงพยักหน้าเห็นด้วย ” ฉิงโซวพูดถูก ถ้าเกราะนี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เจ้านายจะไม่สามารถใช้มันแม้ว่ามันจะเป็นวัตถุเทพเจ้าคุณภาพต่ำก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มันถูกซ่อมแล้ว คุณภาพของมันก็คงจะตกลงมาและอาจจะตกลงไปเป็นระดับของวัตถุอมตะเท่านั้น ทันทีที่เจ้านายก้าวผ่านไปอีกขั้นของร่างบรรพกาล เจ้านายก็จะสามารถใช้มันได้ ”
เจี้ยนเฉินดีใจอย่างมาก เขาพูด ” จือหยิง ฉิงโซว เจ้าไม่มีวิธีที่จะซ่อมแซมวัตถุเทพเจ้านี้เลยเหรอ แม้มันจะทำให้คุณภาพของมันลดลงก็ตาม ? ”
” เราคิดออก แต่เราจำเป็นต้องใช้วัสดุ 2-3 อย่าง โชคที่ที่เราไม่จำเป็นต้องซ่อมมันให้สมบูรณ์ ดังนั้นวัสดุที่ใช้จึงไม่ได้อยู่ในระดับสูงเกินไป เราน่าจะสามารถหามันได้บนทวีปเทียนหยวน” จือหยิงตอบ
เจี้ยนเฉินตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาค่อนข้างกระตือรือร้นในการซ่อมเกราะเพราะว่าเขาจะได้มีไพ่ตายเมื่อเขาเข้าไปที่โลกเซียน
แม้ว่าการป้องกันของร่างกายโกลาหลของเขาจะน่าประทับใจอย่างมาก เขาก็ไม่รังเกียจที่จะใส่เกราะที่ทรงพลังเพิ่มเข้าไปอีก
คลังสมบัติของตระกูลเต๋าได้นำความสุขที่คาดไม่ถึงให้กับเจี้ยนเฉิน ไม่เพียงแต่เขาที่เจอแหล่งฝึกฝนที่มากมายและทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทั้ง2 แล้ว เขายังได้มาเจอกับสมบัติ 2 อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเขาอีกด้วยซึ่งสร้างความแปลกใจต่อเขาเป็นอย่างมาก
เจี้ยนเฉิน จัดเตรียมสมบัติของครอบครัวเต๋า เขาแยกสิ่งของทั้งหมดเป็น 2 ส่วน หนึ่งส่วนให้กับเผ่าเต่า ส่วนอีกหนึ่งส่วนให้กับกองกำลังกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
เมื่อเจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวนออกจากคลังสมบัติ มันก็ผ่านไปครึ่งวันแล้วนับตั้งแต่พวกเขาเข้ามา
ฉิงยี่หยวนมองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับอารมณ์ที่สับสนบางอย่างและพูด “เจี้ยนเฉิน ข้าจะลาเจ้าที่นี่ ข้าจะออกจากอาณาจักรทะเลแล้ว ข้าจะคืนทักษะการต่อสู้ระดับเซียนให้กับท่านหลังจากข้าเข้าใจมันแล้ว ”
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่นางย่างใจเย็นและถาม “เจ้ามีศัตรูที่ทรงพลังในทวีปเทียนหยวนหรือเปล่า ? ข้ารู้สึกว่าเจ้ามาที่นี่ในอาณาจักรทะเลเพื่อหลบภัย”
ฉิงนี่ซวนพยักหน้าและพูด ” เอาจริง ๆ ข้าได้ไปทำให้องค์กรในทวีปเทียนหยวนขุ่นเคืองมากและถูกไล่ตามโดยพวกเขาตั้งแต่ข้าเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎ ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาซ่อนตัวในอาณาจักรทะเลแห่งนี้
“เนื่องจากเจ้ายังไม่กล้าพอที่จะกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนพร้อมกับความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้ องค์กรที่เจ้าไปขัดขวางมาก็เป็นตระกูลโบราณไม่ก็ตระกูลผู้พิทักษ์ ข้าเห็นได้ว่าเจ้าช่วยเหลือเผ่าเต่ามากขนาดไหน ข้าจะช่วยเจ้าแล้วกัน” เจี้ยนเฉินหยิบกล่องหยกออกมาจากแหวนมิติของเขาและพูด “มันมีลูกท้ออมตะในนั้น มันล้ำค่ามากกว่าสมบัติสวรรค์ใด ๆ ที่เจ้ารู้จัก ทันทีที่เจ้ากินมันเข้าไป ความแข็งแกร่งของเจ้าจะไปถึงขั้นสูงสุดในเวลาอันสั้น ไม่งั้นเจ้าก็อาจจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิเลยก็ได้
กล่องบรรจุลูกท้อเมฆม่วงของระดับแรก มันสามารถเพิ่มการพัฒนาของผู้ที่กินมันเข้าไปได้ถึง 500 ปี
500 ปี ถูกคำนวณจากมุมมองของโลกอมตะ ดังนั้นโลกที่ต่ำกว่านี้ มันเพียงพอที่จะถึง 1,000 ปีของการพัฒนา ไม่ก็มากกว่านั้น
เจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวนแยกทางกันไปคนละทาง นางออกจากที่นี่หลังจากรับลูกท้อจากเจี้ยนเฉิน แต่นางยังสงสัยในสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดว่าลูกท้อจะยกระดับนางไปสู่ขั้นสูงสุดในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร นางไม่เชื่อเช่นนั้นเพราะว่ามันฟังดูประหลาดจนเกินไป
เจี้ยนเฉินไม่อยู่กับที่เช่นกัน เขากลับไปที่เผ่าเต่า ยังมีผู้คนที่มากขึ้นและมากขึ้นมาเยี่ยมเผ่าเต่าตอนนี้ พวกเขาทุกคนเป็นคนที่หน่วยงานในตระกูลใหญ่ส่งมาและพวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นเซียนราชา ตระกูลใหญ่เกือบทั้งหมดในทวีปหอเทพเจ้าทะเลถูกส่งมาและบางคนก็มาจากตระกูลใหญ่จากทวีปหอศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ 2 แห่ง
โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อพบผู้คุมกฎแห่งเผ่าเต่า แน่นอนว่ามันไม่เกิดขึ้น พวกเขาเห็นเพียงผู้อาวุโสของตระกูล แม้ว่าพวกเขาบางคนจะรู้สึกผิดหวังกับความจริงที่พวกเขาต้องพูดกับกลุ่มเซียนผู้คุมกฎพร้อมกับสถานะเซียนราชาของเขา ไม่มีใครเลยกล้าแสดงความไม่พอใจเพราะว่าตัวตนที่ยิ่งใหญ่ย้ำเตือนเขาอยู่ตลอดเวลาว่าเซียนจักรพรรดิให้ความสนใจกับทุกการกระทำ
เจี้ยนเฉินไม่ได้แสดงตัว เขาเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ในห้องของเขา นอกจากเถี่ยต้าแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นเขา
3 วันต่อมา เจี้ยนเฉินและยาดริมปรากฏตัวในเขตสันโดษในอาณาจักรทะเล พลังงานของโลกในเขตรอบ ๆพวกเขาเบาบางอย่างมาก บางจนจุดนั้นไม่มีใครมาฝึกฝนเลย ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นที่แห้งแล้งซึ่งมันปกคลุมไปด้วยหมอกหนา หมอกนี้แปลกประหลาดมาก เจี้ยนเฉินไม่สามารถมองผ่านมันไปได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขา และแม้แต่วิญญาณของเขาก็ถูกขัดขวางไว้ ไม่สามารถมองผ่านหมอกไปได้
“ข้างบนนั้นเป็นทะเลแห่งความสิ้นหวัง หนึ่งในเขตที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องของอันตรายในอาณาจักรทะเล ความอันตรายของมันมากกว่าอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เพราะว่าแม้แต่จักรพรรดิก็มีโอกาสในการตายเมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น ในช่วงเวลาโบราณ จักรพรรดิมากมายได้เข้ามาที่นี่ แล้วศพของพวกเขาบางส่วนก็หายไป” ยาดริมพูดด้วยใจที่หนักแน่น นางอาบไปด้วยแสงสีฟ้า ดังนั้นใบหน้าของนางจึงคลุมเครือ แต่มันทำให้รู้ว่านางจริงจังมากขนาดไหน
แม้แต่ความแข็งแกร่งที่มากมายของนาง ซึ่งนางแทบจะไม่มีศัตรูใด ๆ ท่ามกลางเหล่าเซียนจักรพรรดิทั้งหมด นางก็ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่านางจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยเมื่อนางเข้าไปที่นั่น
“มีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิในทะเลแห่งความสิ้นหวังหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉิน ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ มันไม่มีสัตว์อสูรใด ๆ ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ” ก่อนที่ยาดริมจะตอบไป จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังออกมา รูปร่างไม่ชัดของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ลอยมาต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง