เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1378: โจมตี (1)
ตอนที่ 1378: โจมตี (1)
หลังจากกลับมาที่เมืองอัคนี,ข่าวการตัดผ่านก็แผ่กระจายไปทั่วเมืองราวกับไฟป่า มันทำให้ผู้คนในเมืองตกตะลึงอย่างมากโดยเฉพาะคนของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี พวกเขาหยุดทุกงานและรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง พวกเขาโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเพิ่มขึ้น
กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเคยเป็นองค์กรที่ทรงพลังที่แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ยังหวาดกลัว แต่มันก็เป็นเพราะหัวหน้าของพวกเขา เจี้ยนเฉินและสัตว์อสูรทั้งสาม กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีมีเซียนผู้คุมกฏเพียงสองสามคนเท่านั้น
มันแตกต่างกันแล้วตอนนี้ หวงหลวน, โหยวเยว่, ไป๋ไฮ, หมิงตง, และตู่กูเฟิงได้เป็นเซียนราชาและแม้แต่ไป๋เหลียนก็กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ด้วยการผสมผสานที่ทรงพลังพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกลัว ตระกูลผู้พิทักษ์อีกต่อไป บางทีพวกเขาอาจไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลผู้พิทักษ์ในแง่ของมรดก แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็เทียบได้ในแง่ของพลัง
ความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีทำให้สมาชิกทุกคนตื่นเต้นและปลาบปลื้มอย่างยิ่ง
ทุกคนเข้ากลับไปบ่มเพาะอีกครั้งทันทีหลังจากที่ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้น พวกเขาเติบโตเร็วมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องฝึกฝนความสามารถใหม่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่สามารถแสดงพลังในการต่อสู้ได้เลย
ไม่กี่วันต่อมา เสียงร้องดังขึ้นจากนกตัวใหญ่ในท้องฟ้าอันห่างไกล นกมีขนาดลำตัวยาว 5 เมตร มันชนกับม่านพลังสีทองด้านนอก ทำให้เกิดเสียงร้องที่น่าอนาถในขณะที่มันตกลงมาจากท้องฟ้า
มีคนสี่คนนั่งอยู่บนหลังนก เนื่องจากแรงกระแทกพวกเขาทั้งหมดก็เข้าชนม่านพลังสีทองเช่นกัน พวกเขาเวียนหัวและตกลงมาจากหลังนก
อย่างไรก็ตามสองคนในกลุ่มก็เป็นเซียนสวรรค์และสามารถบินได้ พวกเขาควบคุมตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้า พวกเขาช่วยสหายที่เป็นเซียนปฐพี
ในท้ายที่สุด ทั้งสี่คนก็ลงจอดอย่างปลอดภัยด้วยความตกใจ พวกเขาลูบหัวขณะที่จ้องมองม่านพลังรอบเมืองเปลวไฟด้วยความสงสัย
นกตัวใหญ่ข้าง ๆ พวกเขากระพือปีกขณะที่มันยืนขึ้นด้วยความยากลำบาก หัวของมันมีรอยเลือดและลำคอก็หัก
“ม่านพลังนี้มาจากไหน ? ทำไมเราผ่านมันไปไม่ได้ ? พวกเราถูกเตะออกจากกลุ่มหลังจากกลับมาหรือ ? ” ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีจ้องมองม่านพลังเหมือนเหยื่อขณะที่เขาบ่นอย่างไม่พอใจ
“กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีม่านพลังที่แข็งแกร่ง ผู้คนจึงไม่สามารถเข้าเมืองผ่านทางท้องฟ้าได้ วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้คือผ่านประตู” ชายวัยกลางคนกล่าว ใบหน้าของเขาดูภูมิฐานในขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กำแพงเมือง
ในขณะนี้ยามกลุ่มหนึ่งที่ขี่สัตว์อสูรที่คล้ายกันก็พุ่งออกมาจากเมืองด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า พวกเขามุ่งหน้าไปหาสี่คนและล้อมรอบพวกเขาไว้
พวกเจ้าคือใคร ? พวกเจ้าไม่ทราบหรือว่าห้ามบินในเมืองอัคนี ? ระบุตัวตนและความตั้งใจมา” หัวหน้าวัยกลางคนสั่งอย่างเย็นชา เขาเป็นเซียนสวรรค์และสวมชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะผสม ดูเหมือนว่าเขาจะมีท่าทางที่น่าประทับใจ
ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้ทรงอำนาจขึ้น แม้แต่ยามก็ยังดูน่าเกรงขาม
“ใครเป็นผู้ดูแลกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีตอนนี้ ? เจี้ยนเฉินหรือน้องไป๋เหลียน ? ทำไมเจ้าไม่รีบไปรายงานพวกเขาว่าพวกเราทั้งสี่กลับมาแล้ว” คนที่ดูเหมือนอายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขาตอบช้า ๆ เหมือนชายแก่ เขาไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเซียนสวรรค์ด้วยความสำคัญใด ๆ เลย
ใบหน้าของเซียนสวรรค์ถมึงทึง เขาขมวดคิ้วในชั่วขณะ หัวหน้าของพวกเขากลายเป็นตำนานเซียนจักรพรรดิในทวีปนี้ สถานะของเขาช่างยอดเยี่ยมจนแม้แต่เซียนราชาผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพเมื่อพบเขา มันเป็นความผิดที่ไม่อาจยกโทษได้สำหรับกลุ่มเซียนปฐพีและเซียนสวรรค์ที่ไม่มีความสำคัญในการเอ่ยชือหัวหน้าของพวกเขาให้ออกมาเช่นนี้
เมื่อหัวหน้ายามกำลังจะออกคำสั่งให้จับพวกเขา สายตาของเขาก็แข็งทื่อทันที
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เอ่ยชื่อของเจี้ยนเฉินอย่างสนิทสนม ใบหน้าของเขาจึงแสดงออกสีหน้าที่นอบน้อมอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองคนทั้งสามอย่างรวดเร็วและแปลกใจ เขาถามว่า “พวกท่านคือเซียวเทียนหยู, หวังยี่เฟิง, หยุนเจิ้ง, และศิษย์พี่อัน ทั้งสี่คนที่เจี้ยนเฉินกำลังตามหาอยู่ใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่จำเราได้หลังจากที่เราหายไปนาน ใช่ ข้าคือเซียวเทียนหยู ใช่สิ ใครกันที่วางม่านพลังไว้รอบเมืองอัคนี ? ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเรา ? มันช่างน่าเจ็บใจ” คนที่อายุน้อยที่สุดบ่นออกมา
เขาคือเจ้าอ้วนน้อยหลานชายของฮุสตัน หลังจากหลายปีของการเดินทางข้ามทวีป เขาได้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยประสบการณ์ของการเดินทางผ่านร้อนผ่านหนาว เขายืนหยัดและเด็ดเดี่ยว
เซียนสวรรค์รีบลงจากหลังพาหนะและโค้งคำนับอย่างสุภาพต่อทั้งสี่คน เขาพูดว่า “ข้าคือเส้าฟาน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกท่านคือคนสำคัญ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยถ้าข้าทำให้พวกท่านรู้สึกขุ่นเคืองใจ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับม่านพลังนี้เช่นกัน สิ่งเดียวที่ข้ารู้ก็คือเมื่อไม่นานมานี้มันก็ปรากฏตัวขึ้นทันที”
“ช่างเถอะ เข้าไปหาเจี้ยนเฉินในเมืองกัน เราได้ยินข่าวลือว่าเขาได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิและยังสามารถเอาชนะสัต์อสูรระดับ 9 จากทวีปสัตว์เทวะได้อีกด้วย ข้ารู้ว่าข่าวลือเหล่านี้อาจพูดเกินจริง แต่มันต้องมีมูลความจริงอยู่บ้างเพราะทั้งทวีปต่างกล่าวขานเรื่องนี้” เซียวเทียนหยูกล่าวขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็เรียก หวังยี่เฟิง, หยุนเจิ้งและศิษย์พี่อันให้เข้าไปในเมือง
“ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา การตามหาพวกเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย” ในขณะนี้เสียงหัวเราะดังขึ้น เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่ทางเข้าเมือง เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว เขายิ้มกว้างขณะมองดูพวกเขาทั้งสี่คน
“เจี้ยนเฉิน ! ” เซียวเทียนหยูตะโกน เขารีบวิ่งไปและกอดเจี้ยนเฉินทันที พวกเขาสองคนหัวเราะอย่างมีความสุข พวกเขาไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้พบกันอีกครั้ง
” อ้วนน้อย, หวังยี่เฟิง, หยุนเจิ้ง, ศิษย์พี่อัน เราเข้าเมืองกันเถอะ. ข้าได้ให้คนเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้าไว้แล้ว” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่เขานำพวกเขาไปยังจวนเจ้าเมือง
ด้านหลัง ยามซึ่งเป็นเซียนสวรรค์จ้องพวกเขาทั้งสี่ด้วยความอิจฉา พวกเขาเป็นเพียงเซียนสวรรค์หรือเซียนปฐพี แต่พวกเขาก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา อาจเป็นไปได้ว่าเซียนราชาอาจไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
ในงานเลี้ยง เจี้ยนเฉินดื่มและพูดคุยกับทั้งสี่คน พวกเขาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาประสบมาในช่วงเวลานานหลายปี และเจี้ยนเฉินก็ยืนยันข่าวลือที่ผู้คนกล่าวขานกันไปทั่วทวีป พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเมื่อพวกเขารู้ว่าตอนนี้เจี้ยนเฉินแข็งแกร่งมากและสามารถเอาชนะเซียนจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
เช้าวันรุ่งขึ้น เจี้ยนเฉินพาพวกเขาทั้งสี่กลับไปยังภูเขาที่ซึ่งเคยเป็นเหมืองโลหะผสม นอกจากนี้เขายังปล่อยกลุ่มชั้นนำมากมายออกมาจากวัตถุมิติ วางแผนในการเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกเขาพร้อมกัน
ในขณะนี้ พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นจากที่ไกล ๆ มันทำให้โลกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง