เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1451: การทำลายผนึก (1)
ตอนที่ 1451: การทำลายผนึก (1)
สัตว์อสูรจากวัตถุวัตถุมิติคุ้นเคยกับสัตว์อสูรระดับ 8 เพราะว่าพวกมันเป็นพี่น้องกัน สัตว์อสูรระดับ 8 ครั้งหนึ่งเคยได้รับความเคารพและเกรงกลัวและสัตว์อสูรระดับ 7 ก็ยังเคยปกป้องจากพวกมันอีกด้วยในครั้งอดีต
อย่างไรก็ตาม มีสัตว์อสูรระดับ 8 ราว 12 ตัวในวัตถุมิติ มีการแข่งขันและเป็นปรปักษ์กันในพวกมัน
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรชั้นสูงที่เพิ่งออกมายังโลกภายนอกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อสัตว์อสูรระดับ 8 ได้เข้าร่วมด้วย จากการสนทนา พวกมันได้เข้าร่วมกับตระกูลเปิง พวกมันเรียนรู้ชีวิตที่โหดร้ายบนทวีปสัตว์เทวะ ขนาดสัตว์อสูรระดับ 7 บางตัวก็ไม่สามารถหาสถานที่ซึ่งพวกมันสามารถตั้งรกรากได้อย่างถาวร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แตกต่างกันอย่างมากถ้าพวกมันได้รับการปกป้องจากสัตว์อสูรระดับ 8 ที่ทรงพลังทั้ง 3 ตัว
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สัตว์อสูรทั้งหมดจากวัตถุมิติก็ลืมเรื่องความบาดหมางในอดีตก่อนของพวกมัน ตราบใดที่ความบาดหมางยังไม่ถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้และผูกเข้าด้วยกันต่อต้านโลกภายนอก พวกมันก็จะรวมตัวเป็นเผ่าพันธุ์ของพวกมัน สัตว์อสูรระดับ 8 ทั้งสามตัวได้ปกครองเผ่าพันธุ์ ทำให้สัตว์อสูรจากวัตถุมิติได้รับจุดยืนที่มั่นคงในทวีปสัตว์เทวะ
พวกมันยังได้รับการดูแลอย่างลับ ๆ และห่วงใยจากตระกูลเปิง ตราบใดที่ซ่างเฉียงยังอยู่รอบ ๆ ไม่มีตระกูลเก่งกาจใดจะโผล่ออกเมื่อเพื่อท้าทายกับตระกูลเปิงบนทวีปสัตว์เทวะนี้
อย่างไรก็ตาม ทวีปสัตว์เทวะไม่สมดุลอีกต่อไประหว่างทั้งสามคน ซ่างเฉียงได้กลายเป็นเพียงผู้คุมกฎบนทวีปสัตว์เทวะหลังจากไคเซอร์และแลงคีรอสหลบหนีไป ตระกูลเปิงโดยพื้นฐานแล้วเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของทวีป
สามวันต่อมา เจี้ยนเฉินได้จากไปอย่างเงียบ ๆ เขาไปจากทวีปสัตว์เทวะโดยใช้กระบี่จือหยิงบินไปอย่างรวดเร็วข้ามมหาสมุทร ครั้งนี้ เขาไม่ได้เดินทางไปที่ทวีปเทียนหยวน ทวีปแห่งความสูญเปล่า หรืออาณาจักรทะเล เขามุ่งหน้าไปที่ขั้วโลกเหนือแทน
ทันทีที่เขาเข้าไปที่มหาสมุทรทางฝั่งเหนือ อุณหภูมิก็ดิ่งฮวบลงทันที เขาอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือและศาลาเทพธิดาน้ำแข็งมาก ทะเลข้างใต้ถูกคลุมด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ในระยะไกล ที่ราบน้ำแข็งของฝั่งเหนือสามารถมองเห็นได้ลาง ๆ
เจี้ยนเฉินบินขึ้นไปบนทะเลอันหนาวเหน็บ กระบี่จือหยิงลอยไปบนอากาศ สูงจากพื้นเพียง 30 เมตร ขณะที่ส่องประกายแสงสีม่วงที่น่ามอง เจี้ยนเฉินนั่งลงบนมันและพักด้วยการหลับตา วัตถุเซียนได้ปล่อยแสงทองจาง ๆ ขณะที่มันบินต่ออยู่ต่อหน้าเขา
ผนึกส่วนใหญ่ในวัตถุมิติได้พังทลายลงและวันที่มันจะถูกกินกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พลังงานดั้งเดิมธาตุแสงที่สะสมมาหลายปีจนนับไม่ถ้วนกำลังจะสลายไปเรื่อย ๆ ผนึกได้รับความเสียหายอย่างมากจนมันไม่สามารถเก็บพลังงานดั้งเดิมที่มันถูกผนึกไว้ภายในได้
เจี้ยนเฉินรออย่างเงียบ ๆ บนกระบี่จือหยิง แม้ว่าเขาจะหลับตาและดูเหมือนกับกำลังฝึกฝน แต่ที่จริงแล้วเขากำลังเพ่งความสนใจไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในวัตถุมิติ
1 ชั่วยามผ่านไป มิติที่อยู่ห่างจากเจี้ยนเฉิน 100 เมตรเกิดการบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ด้วยการระเบิดเบา ๆ มันดูเหมือนกับเป็นบางสิ่งชนเข้ากับมิติในวิธีที่โหดร้ายอย่างมาก สร้างประตูที่มองไม่ค่อยชัดเจนขึ้น ไม่นาน แสงสีทองได้ไหลออกมาและในขณะที่แสงปรากฏออกมา ก็ปรากฏรูปร่างบางคนขึ้น
เถี่ยต้ามาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งกำลังนั่งบนกระบี่ของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงลึกและสุภาพ “เจี้ยนเฉิน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
เจี้ยนเฉินลืมตาและยืนขึ้นบนกระบี่ของเขา กระบี่จือหยิงเปลี่ยนกลายเป็นชั้นแสงสีม่วงทันทีและหดตัวเท่ากับขนาดเดิมเหมือนก่อนหน้านี้และติดเข้ากับหลังของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินบินขึ้นสูงไปบนอากาศและมองไปที่เถี่ยต้า เขาดูเหมือนจะกังวลแต่เมื่อเขาต้องการที่จะพูดบางอย่าง มิติที่อยู่ห่าง 100 เมตร ก็เกิดการบิดเบี้ยวอีกครั้ง ประตูมิติทั้ง 3 ก่อตัวเกือบจะเวลาเดียวกันและ หยางลี่ กุยไฮ่ยี่เต่า และเฟิงเซียวเทียน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
เฟิงเซียวเทียนไม่ได้เป็นเซียนราชาอีกต่อไป แต่เขาเป็นเซียนจักรพรรดิ เขายังไม่ถึงขั้นสูงสุดแต่แต่นั่นมันเป็นเรื่องของเวลา
ครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งสามเคยไปถึงขอบเขตดั้งเดิม แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะลดลงและพวกเขาไม่สามารถกลับไปยังขอบเขตดั้งเดิมได้ แต่พวกเขาก็ยังคงครอบครองวัตถุเซียนไว้อยู่ ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับเซียนจักรพรรดิเลย
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็มาเช่นเดียวกัน นางเป็นจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมที่แท้จริง เช่นเดียวกับเป็นผู้ชนะจากอดีตกาลที่รอดชีวิตมาได้ พยัคฆ์ปีกเทวะและโมเทียนหยุนได้หายสาบสูญไปเป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาถูกตัดสินว่าตายไปแล้ว
ทันทีที่ เถี่ยต้า หยางลี่ กุยไฮ่ยี่เต่า เฟิงเซียวเทียน และเทพเจ้าแห่งท้องทะเลปรากฏตัว พวกเขาทั้งหมดก็กังวลเมื่อพวกเขาเห็นผู้คนที่ทรงพลังมากมายในโลกที่พวกเขามาถึงข้าง ๆ กับ เจี้ยนเฉิน
พวกเขาทั้งหมดถูกเชิญโดยเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะเชิญคนที่แข็งแกร่งที่สุดมาเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสนใจเป็นอย่างมาก
“หลานรัก ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่ามีเรื่องสำคัญอะไรที่เจ้าจำเป็นต้องจัดการจึงทำให้เจ้าต้องเรียกพวกเราทั้งหมดมาที่นี่” หยางลี่ถามเจี้ยนเฉิน เขามองไปยังที่ราบหิมะซึ่งมันแทบจะมองไม่เห็นจากระยะไกลเลย
เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่พวกเขาและเอ่ยว่า “โปรดอย่าเพิ่งต่อต้านนะ ข้าจะพาพวกท่านเข้าไปที่วัตถุมิติ”
เมื่อพูดเช่นนั้น เจี้ยนเฉินหยิบวัตถุเซียนและดูดพวกเขาทุกคนเข้าไปในวัตถุมิติ
เถี่ยต้า หยางลี่ กุยไฮ่ยี่เต่า เฟิงเซียวเทียน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล และเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวข้างนอกโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งผนึกถูกเก็บเอาไว้ ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว หยางลี่ กุยไฮ่ยี่เต่า เฟิงเซียวเทียน และเทพเจ้าแห่งท้องทะเล พบว่าวัตถุมิตินั้นเปราะบางอย่างมาก ไม่สามารถทนกับพลังของพวกเขาซึ่งได้ก้าวเกินกว่าเซียนจักรพรรดิไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาทันที
เจี้ยนเฉินพาพวกเขาเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้พูดอะไรและพาพวกเขาไปตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับผนึกด้วยตัวเอง
เถี่ยต้า หยางลี่ กุยไฮ่ยี่เต่า เฟิงเซียวเทียน และเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ทั้งหมดไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาพบสิ่งที่ผิดปกติของผนึกอย่างรวดเร็วและจริงจังขึ้นมาทันที
“มันมีพลังที่ทรงอำนาจอย่างมากในผลึกนี้ มิตินี้ควรพังทลายในช่วงที่แรงกำลังนี้ปรากฏขึ้น แต่แรงกำลังไม่ได้ทำลายมิติ แต่มันกำลังใช้วิธีในการกลืนกินผนึกแทน นี่มันแปลกมาก ๆ ” กุยไฮ่ยี่เต่าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พลังที่ทรงอำนาจสูงสุดนี้สามารถฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดายเมื่อพวกเราอยู่ในสภาพสูงสุดของเรา ดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมครอบครองแน่นอน มันเป็นพลังงานจากจอมยุทธขอบเขตเทพและมันได้ไปถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตเทพ เจ้าเคยเห็นคนผู้นั้นในศาลาเทพธิดาน้ำแข็งหรือไม่ ? ” เฟิงเซียวเทียน ขมวดคิ้ว
ข้าง ๆ เถี่ยต้า และ เจี้ยนเฉิน ทุก ๆ คนหรี่ตาของพวกเขาและมองไปที่เจี้ยนเฉิน เมื่อคนผู้นั้นจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็งถูกเอ่ยถึง
เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ข้าเคยเจอนางก็จริง แต่พลังที่อยู่ในผนึกไม่ได้ถูกทิ้งโดยนาง แม้แต่จิตวิญญาณวัตถุก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ราวกับว่ามันปรากฏออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ความกังวลในตอนนี้ของข้าคือพลังจะทำลายวัตถุเซียนและจะส่งผลถึงโลกภายนอกหรือไม่ ทันทีที่ผนึกพังทลายลง”
“ถูกต้อง พลังที่ทรงอำนาจนี้ยังทำให้ข้ากลัวอีกด้วย ถ้ามันปะทุเข้าไปในโลกภายใน ผลลัพธ์คงคาดไม่ถึงแน่นอน” เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพูด ร่างของนางพร่ามัว แต่สามารถบอกได้เลยว่านางกังวลมากขนาดไหนผ่านน้ำเสียงของนาง