เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1476 : ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง
ตอนที่ 1476 : ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง
อาณาจักรแห่งท้องทะเลนั้นอยู่ที่ใต้มหาสมุทร มันคือโลกที่ห่อหุ้มโดยม่านพลังอันกว้างใหญ่ ม่านพลังแยกน้ำทะเลออกจากอาณาจักรแห่งท้องทะเล ม่านพลังนี้คือท้องฟ้าของอาณาจักรแห่งท้องทะเลและสร้างมิติในน้ำขึ้นมา
มิตินี้คือโลกของอาณาจักรแห่งท้องทะเลรวมถึงอาณาเขตของเผ่าพันธุ์ทะเลด้วย
เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นแบ่งเป็นทะเลนอกและทะเลใน ทะเลในคือโลกที่อยู่ภายในกำแพง ส่วนทะเลนอกนั้นคือเขตด้นานอกที่เต็มไปด้วยน้ำทะเล
แต่เผ่าพันธุ์ทะเลส่วนมากด้านนอกไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์แต่เป็นเผ่าที่มีร่างกายขนาดใหญ่ มันใช่แค่พวกเขาสามารถเข้ามาในทะเลในได้แต่พวกเขาไม่สามารถจำกัดร่างกายขนาดใหญ่และใช้ชีวิตอยู่ในทะเลในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะดวกได้ ทะเลนอกนั้นสะดวกสำหรับพวกเขามากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่กันด้านนอกและยากที่จะเข้ามาด้านใน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเผ่าพันธุ์ทะเลน้อยคนนักจึงได้ปรากฏตัวในร่างเดิมที่ทะเลใน
ตอนนั้นลำแสงสีม่วงได้ฉีกอากาศภายในกำแพง มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและหายไปในเส้นขอบฟ้าในพริบตา
ลำแสงนี้คือเจี้ยนเฉิน เขายืนอยู่บนกระบี่จือหยิงโดยมีกระบี่ฉิงโซวอยู่ที่หลัง เขามองไปยังดินแดนอันคุ้นเคยด้านล่างพร้อมกับใบหน้าที่นึกถึงความหลัง
เขาขยายวิญญาณของเขาออก ด้วยวิญญาณขั้นย้อนกลับนี้ เขาจึงสามารถห่อหุ้มอาณาจักรแห่งท้องทะเลทั้งหมดโดยไม่ยาก แม้ว่าอาณาจักรแห่งท้องทะเลจะไม่ได้เล็กกว่าทวีปเทียนหยวน แต่เจี้ยนเฉินก็สามารถเห็นทุกอย่างได้นอกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์และทะเลแห่งความสิ้นหวังเมื่อยืนอยู่บนกระบี่จือหยิง
จากการรับรู้ทางวิญญาณ เจี้ยนเฉินเห็นศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล, ศาลาเทพเจ้าอสรพิษ, ศาลาวิญญาณสวรรค์รวมถึงเจ้าของศาลาทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นเผ่าเต่าที่รุ่งเรือง เผ่าในตอนนี้ได้กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ของมัน คนในเผ่ามีมากกว่าแสนคนและนอกจากพวกเขาแล้วก็ยังมีนักรบหลายหมื่นคนที่เข้าร่วมหรือถูกรับเข้ามาโดยเผ่าเต่า แม้ว่าจะไม่มี เจี้ยนเฉิน แต่เผ่าเต่าตอนนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งท้องทะเล เป็นรองเพียงแค่ศาลาทั้งสาม
ใจกลางเผ่า เจี้ยนเฉินได้เห็นรูปปั้นสูงกว่า 300 เมตร แกะสลักเป็นรูปร่างเขาราวกับว่ามีชีวิต
คนในเผ่าและคนที่เข้าร่วมหลายคนได้คุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นนี้ สายตาของทุกคนต่างก็สะท้อนความเชื่อออกมาราวกับว่ารูปปั้นนี้คือเทพเจ้าของพวกเขา
ด้านหลังมีหอคอยสูงหลายร้อยเมตร หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นจากผลึกคุณภาพสูง ดังนั้นหอคอยจึงแผ่พลังงานธาตุน้ำอันบริสุทธิ์ออกมา
หอคอยนี้เตี้ยกว่ารูปปั้นไม่กี่เมตร ตอนที่วิญญาณของเจี้ยนเฉินแทรกซึมเข้าไปในหอคอย เขาก็เห็นปราณแผ่พลังเผ่าเต่าครอบคลุมชั้นสูงสุดเอาไว้
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซับซ้อนเมื่อเห็นปราณน้ำนี้ ทำให้เขาคิดถึงอดีตนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาได้มายังอาณาจักรแห่งท้องทะเลครั้งแรกและได้รับมันมาจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลรวมถึงช่วงหลังจากนั้นด้วย จากการพบกับผู้อาวุโสสูงสูงของเผ่าเต่าจนกลายเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า
เจี้ยนเฉินไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกับเผ่าเต่าแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะปราณที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ให้กับเขา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น สุดท้ายยุคใหม่ก็เกิดขึ้นมากับเผ่าเต่า แม้แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
“ข้าสงสัยว่าไคยะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ รึว่าภัยพิบัตินี้ของสมาคมนางเป็นเพราะวิธีบ่มเพาะของจักรพรรดิแห่งแผ่นดินทั้งแปดที่ข้าได้ให้กับนาง ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็นำภัยมาสู่นาง” เจี้ยนเฉินคิดเรื่องสมาชิกคนแรกของเผ่าพันธุ์ทะเลที่เขาได้พบหลังจากที่มายังอาณาจักรแห่งท้องทะเล เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ตอนที่เขามอบวิธีบ่มเพาะให้กับไคยะ เขาต้องการหาผู้สืบทอดของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ดังนั้นการสืบทอดของเขาจะไม่มีทางสิ้นสุดลงรวมถึงเป็นการช่วยไคยะด้วย เจี้ยนเฉินรู้จักคนเพียงไม่กี่คนในอาณาจักรแห่งท้องทะเล นอกจากซี่หวังแล้วก็มีแค่ไคยะ
เจี้ยนเฉินมาถึงที่ด้านนอกทะเลแห่งความสิ้นหวังด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขามองออกไปและเห็นแค่ทะเลแห่งความสิ้นหวังที่ถูกบัดบังโดยกำแพงหมอกที่เชื่อมต่อจากพื้นไปถึงท้องฟ้า
ทะเลแห่งความสิ้นหวังนี้คือที่ที่พิเศษ มันเต็มไปด้วยพลังอันลึกลับที่หยุดการรับรู้ทางวิญญาณเอาไว้ แม้แต่วิญญาณของเจี้ยนเฉินที่อยู่ขั้นย้อนกลับก็ไม่อาจจะทะลุผ่านหมอกไปได้
เจี้ยนเฉินมองเข้าไปในหมอก เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเนื้อของจักรพรรดิอมตะที่กระจายไปทั่วเขตรวมถึงหมู่ตึกอนัตตาของอัครสูงสุดอนัตตาจากโลกเซียน สายตาของเขาเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่นและคาดหวัง
นื่คือการตัดสินใจเข้าไปยังหมู่ตึกอนัตตาและคาดหวังว่าจะได้รับมันมา
เจี้ยนเฉินก้าวออกไป เขาก้าวข้ามหลายร้อยเมตรในก้าวเดียวและ 3 ก้าวจากนั้น เขาก็หายเข้าไปในหมอก เขาได้เข้าไปในทะเลแห่งความสิ้นหวัง
เจี้ยนเฉินก้าวเข้าไปอย่างมั่นคงและมั่นใจโดยไม่เกรงกลัว เขาไม่ได้ระวังตัวเหมือนที่มาครั้งแรกกับยาดริม เขากลับพุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
หมอกตรงหน้าเจี้ยนเฉินไม่ใช่สิ่งธรรมดา ไม่ใช่แค่มันบดบังสายตาของเจี้ยนเฉินไว้ แม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังไม่อาจรับรู้อะไรได้
ตอนที่เขาก้าวผ่านหมอก จุดแสงบางจัดที่คล้ายกับตาของผีได้ปรากฏขึ้นมาด้านหลังเจี้ยนเฉิน พวกมันซ่อนอยู่ในหมอกแล้วตามเจี้ยนเฉินไป เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่มีตากว่า 30 คู่ สุดท้ายพวกมันก็พุ่งออกมา พวกมันแห่กันเข้าหาเจี้ยนเฉินและโจมตีเขา
เจี้ยนเฉินเหมือนไม่รู้สึกถึงดวงตาที่จับจ้องอยู่ด้านหลัง เขาก้าวออกไปแต่ละก้าวด้วยความมั่นใจ ตาเหล่านั้นเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วมาถึงด้านหลังเจี้ยนเฉินได้ในพริบตา พวกมันต้องการจะพุ่งทะลุผ่านร่างกายของเจี้ยนเฉิน มีหมอกลอยออกมารอบตัวพวกมัน
แต่ตอนที่ตาเหล่านั้นห่างจากตัวเจี้ยนเฉินไป 3 นิ้ว อยู่ ๆ พวกมันก็กรีดร้องออกมาก่อนที่จะสลายกลายเป็นหมอก
ไม่นานหลังจากนั้นตาคู่อื่น ๆ ได้ปะทะกับเจี้ยนเฉิน มันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ตาทุกคู่ที่โจมตีเจี้ยนเฉินได้กลายเป็นหมอกในพริบตา
เจี้ยนเฉินไม่ได้หันกลับไปมองราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงกรีดร้อง เขาแค่เดินต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่ใส่ใจ หากมองใกล้ ๆ จะพบกับชั้นแสงบาง ๆ ที่สร้างขึ้นมาจากเส้นทางแห่งกระบี่อยู่รอบตัวเขา