เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1477 : ผ่านหมอก
ตอนที่ 1477 : ผ่านหมอก
มีวิญญาณชั่วร้ายมากมายในหมอก เจี้ยนเฉินผ่านพวกมันไปหลายพันตัวในระหว่างการเดินทางของเขา วิญญาณพวกนี้มีตั้งแต่อ่อนแอจนถึงเซียนราชา แม้แต่เซียนราชาที่อยู่ขั้นสูงสุดก็มี
แต่วิญญาณเหล่านี้ไม่อาจจะทำอันตรายเจี้ยนเฉินได้ พวกมันไม่อาจจะทำให้เขาช้าลงได้ด้วยซ้ำ มีแสงแผ่ออกมารอบตัวเขา เขาใช้เส้นทางแห่งกระบี่ในการปกป้องตัวเองจนวิญญาณเซียนราชาขั้นสูงสุดก็ยังไม่อาจจะแตะต้องเขาได้ ทันทีที่พวกมันสัมผัสกับแสง พวกมันจะกลายเป็นหมอกขาวรวมกับหมอกรอบ ๆ
ตอนนั้นจู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุด ต่อมาเขาก็หายตัวไป ตอนที่เขาปราฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็อยู่ห่างจากเดิมไปกว่าร้อยเมตร
มิติที่เขายืนอยู่สั่นไหวก่อนจะฟื้นฟูในอึดใจเดียว มันสงบดั่งเคย มันยังห่อหุ้มไปด้วยหมอกแต่หากมองใกล้ ๆ หมอกนั้นต่างจากเดิมเล็กน้อย
มิติในทะเลแห่งความสิ้นหวังนั้นไม่มั่นคงและจะมีการโยกย้ายอยู่ตลอดเวลา ทุกเขตสามารถส่งคงไปยังตำแหน่งอื่นได้ในอาณาจักรแห่งท้องทะเล
เจี้ยนเฉินได้เดินหน้าโดยไม่สนใจผ่านทะเลแห่งความสิ้นหวัง ตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรกเพื่อหาโถงศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาสามารถที่จะเดินทางเป็นเส้นตรงต่อได้เพราะการนำของผลึกอเวจี แต่เขาไม่ได้มาค้นหาโถงศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้แต่เป็นหมู่ตึกอนัตตา เขาไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและในทะเลแห่งความสิ้นหวังนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาสิ่งที่เขาหวัง เขาคงได้แต่พึ่งโชค
หมู่ตึกอนัตตามีอาวุธวิญญาณ ถ้าหมู่ตึกยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เจี้ยนเฉินก็คงไม่มีทางคิดแบบนี้ แต่หมู่ตึกไม่ใช่แค่ได้รับความเสียหายหนักโดยจอมปราชย์อมตะสวรรค์ แต่มันยังครอบคลุมโดยผนึกของเขาด้วยเพื่อกันไม่ให้หมู่ตึกฟื้นฟูตลอดหลายปีมานี้และทำให้มันอ่อนแอลง
“จิตวิญญาณกระบี่ได้บอกไว้ในอดีตว่าข้าสามารถเข้าไปในหมู่ตึกอนัตตาได้หลังจากที่ข้าขึ้นถึงขั้น 7 ของร่างบรรพกาล ขั้น 5 ของร่างบรรพกาลอยู่ที่ชั้นสวรรค์ที่ 3 ของเซียนจักรพรรดิ ข้าเดาว่าขั้น 6 น่าจะอยู่ประมาณชั้นสวรรค์ที่ 6 หรือ 7 ส่วนขั้น 7 คือขั้นรับมอบ ร่างบรรพกาลของข้ายังอยู่ที่ขั้น 5 แต่พลังที่แท้จริงของข้านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าขั้นรับมอบด้วยความเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่และกระบี่ม่วงฟ้า ข้ามีพลังที่เทียบเท่ากับพลังของขั้น 7 ดังนั้นข้าก็น่าจะเข้าไปในหมู่ตึกอนัตตาได้” เจี้ยนเฉินคิด เขาคาดหวังอย่างมาก
ข้อกำหนดในการเข้าไปในหมู่ตึกอนัตตาและดูดซับศิลาเซียนหยินหยางนั้นต่างกัน หมู่ตึกอนัตตาต้องการพลังในการต่อสู้ซึ่งเจี้ยนเฉินก็ผ่านเกณฑ์ ส่วนศิลาเซียนหยินหยางไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพลังต่อสู้เนื่องจากมันดูดซับปราณหยางและหยินสูงสุด เขาต้องใช้แรงบรรพกาลและร่างตามระดับต่าง ๆ เพื่อทานทนมัน
อยู่ ๆ หมอกตรงหน้าของเจี้ยนเฉินก็ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ตาคู่หนึ่งโผล่มาตรงหน้าเจี้ยนเฉิน ตานั้นสดใสและส่องประกายราวกับอัญมณี พวกมันคือตาที่ดูโดดเด่นในม่านหมอก
“วิญญาณเซียนจักรพรรดิที่ชั่วร้าย ! ” เจี้ยนเฉินตาเป็นประกาย เขามองไปยังตานั้นด้วยความสนใจ นี่เป็นครั้งแกรที่เขาได้พบกับวิณณาณเซียนจักรพรรดิหลังจากที่เข้ามาในทะเลแห่งความสิ้นหวัง เขาเห็นร่างที่อัดแน่นไปด้วยวิญญาณที่ชั่วร้ายด้วย
วิญญาณนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่เหมือนกับที่เขาได้พบมากับยาดริม มันไม่ได้ลังเลตอนที่มันเห็นเจี้ยนเฉิน มันได้คำรามใส่เขาทันที
การเดินหน้าของเจี้ยนเฉินไม่ได้ช้า เขาได้ใช้สองนิ้วเป็นกระบี่และปราณกระบี่ที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรก็อัดแน่นขึ้นมา มันส่องประกายออกมาและปราณกระบี่ก็ได้แผ่ไปรอบ ๆ สุดท้ายหมอกรอบ ๆ ก็บางเบาลง
เจี้ยนเฉินฟันไปที่วิญญาณที่พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยปราณกระบี่ จิตนั้นได้กรีดร้องออกมาตอนที่โดนโจมตีก่อนจะโดนผ่าเป็นสองส่วน เห็นได้ชัดว่าปราณกระบี่ได้สร้างความเสียหายให้กับมันอย่างมาก ร่างที่อัดแน่นจากหมอกได้เริ่มบางลงอย่างมาก
ตอนที่เจี้ยนเฉินฟันออกไปครั้งที่สอง วิญญาณนั้นก็สลายไปหลังจากที่กรีดร้องออกมาอีกครั้ง มันได้สลายกลายเป็นหมอกไป
เจี้ยนเฉินเดินหน้าต่ออย่างไร้จุดหมาย เขาไม่รู้ทิศทาง เขาได้พบกับมิติเคลื่อนย้ายและหลีกเลี่ยงมันได้ส่วนมากเพื่อกันไม่ให้ตัวเองถูกส่งออกไป
แต่บางครั้งเขาก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้และถูกส่งไปยังพื้นที่สุ่ม ๆ ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง
มันไม่มีกลางวันกลางคืนในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรับรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใด เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเขาเดินทางมานานแค่ไหน เขาได้ฆ่าวิญญาณมานับไม่ถ้วนและถึงกับพบวิญญาณเซียนจักรพรรดิจำนวนหนึ่งแต่พวกมันก็ยังถูกเขาฆ่าได้หมด
เจี้ยนเฉินมาถึงบางเขตที่มีบ้านของจักรพรรดิอมตะหลงเหลืออยู่ แม้ว่าพวกมันจะคงอยู่มาหลายปีแต่เลือดนั้นยังไม่แห้งเหือดไป แม้ว่าด้วยพลังของเจี้ยนเฉิน ตอนนี้แต่เขาก็ยังรู้สึกตะลึงจากความอาฆาตที่ยังแฝงอยู่ เขาไม่อาจจะเข้าใกล้พวกมันได้เลยแม้แต่น้อย
ตอนนั้นมิติตรงหน้าเจี้ยนเฉินได้เปิดออก หมอกที่บดบังได้หายไปและเขาก็ได้มาถึงโลกที่สดใส ดูเหมือนว่าเขาจะได้เข้ามายังอีกโลกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
หมอกในทะเลแห่งความสิ้นหวังยิ่งบางลงเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เขตที่เจี้ยนเฉินยืนอยู่นั้นไม่ได้มีหมอกเลยแม้แต่น้อยในรัศมีหลายสิบเมตร
แต่เจี้ยนเฉินดีใจขึ้นมาเมื่อเห็นเขตนี้ ตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเพราะเขาเคยมาที่นี่มาก่อน ที่นี่คือที่ที่มีหมู่ตึกอนัตตา
“ในที่สุดข้าก็พบมัน” เจี้ยนเฉินพึมพำ การหาที่แบบนี้เจอในทะเลแห่งความสิ้นหวังนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก