เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1534: ไร้ทักษะ
ตอนที่ 1534: ไร้ทักษะ
สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีนั้นไม่ได้มีขนาดเท่ากำปั้นอีกต่อไป มันกลายเป็นมดทะยานฟ้าที่ยาวกว่าสิบเมตร มันส่องแสงสีแดงส้มและเหลืองขณะที่ต่อสู้กับจอมยุทธกับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เสียงการต่อสู้ของมันดังอย่างต่อเนื่องและรุนแรงเป็นพิเศษ
จอมยุทธขั้นรับมอบที่รับมือกับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีแตกตื่นเป็นอย่างมาก เขามีชีวิตมาหลายหมื่นปีและได้เห็นสัตว์อสูรส่วนใหญ่ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้อ่านเกี่ยวกับพวกมันในบันทึกโบราณในโถงจิตวิญญาณลับ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันสามารถต่อสู้กับจอมยุทธขั้นรับมอบช่วงกลาง ในฐานะเซียนจักรพรรดิที่ยังไม่ถึงขั้นสูงสุด แม้แต่บันทึกโบราณของโถงจิตวิญญาณลับยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่มีพลังต่อสู้ตัวนี้
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือเขาได้ทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าต่อสู้กับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี แต่เขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของเขายังไม่ได้ใช้กำลังเข้าต่อสู้อย่างเต็มที่ ขณะที่พวกเขาต่อสู้ ดวงตาที่ดูฉลาดสัตว์อสูรตัวนี้ยังคงมองไปหญิงสาวที่อยู่ใกล้ ๆ
เกิดเสียงดังอย่างรุนแรงบนอวกาศ ความรุนแรงของการต่อสู้บนอวกาศนั้นแผ่ออกไปไกลเกินกว่าที่จะได้ยินแค่ในทวีปเทียนหยวน พื้นที่รอบ ๆ นอกเป็นความมืดและมีจุดสว่างของแสงดาวเท่านั้น ทำให้การต่อสู้นั้นกลายเป็นสีเพียงอย่างเดียวของมัน แสงสีม่วง-ฟ้าสว่างจ้า พวกมันปะทะกับแสงสีดำอย่างต่อเนื่อง คทาที่ใหญ่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันทุบผ่านอวกาศและระเบิดพลังทำลายล้างอย่างรุนแรง พวกมันบดขยี้และทำลายมิติจนเกิดรอยร้าวหลายพันเมตรรอบ ๆ ตัวของพวกเขา พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง
เจี้ยนเฉิน, เฉียงซ่ง, เสี่ยวหลิงและกงซีหมิงต่อสู้กับบนอวกาศ การต่อสู้ของพวกเขารุนแรงเป็นอย่างมาก พวกเขาทำลายมิติรอบ ๆ ตัวของพวกเขาทำให้มันกลายเป็นความมืดอย่างสมบูรณ์ การต่อสู้ของเจี้ยนเฉินและเฉียงซ่งนั้นดุร้ายและพุ่งเข้าไปสู้การต่อสู้แบบแตกหัก
เสือขาวตัวใหญ่ปรากฏตัวอยู่บนอวกาศ มันแผ่กลิ่นอายออกมาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลราวกับว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่สืบเชื้อสายมาจากสัตว์เทวะ มันพุ่งเข้าหากงซีหมิงพร้อมกับแรงกดดันที่น่าเหลือเชื่อ
เสือขาวตัวนั้นไม่ได้เก็บงำพลังงานของมันเลยและดูเหมือนกับมันจะเป็นเรื่องที่เกินจริง มันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากทักษะเทพทั้งเก้าของเสี่ยวหลิง
กงซีหมิงเคร่งเครียดขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้านาง เขารู้สึกถึงภัยคุกคามจากเสือขาว มันมีพลังมากกว่าเสี่ยวหลิงที่เขารู้สึกได้ เขาไม่ได้มีเปิดเผยความไม่พอใจใด ๆ เขาใช้หอกยาวกว่าสิบเมตรแทงไปที่เสือขาว
หอกของเขารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่มันขยับ มิติตรงปลายหอกก็แตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทันทีราวกับกระจก พลังงานที่น่าสะพรึงแทรกซึมอยู่รอบ ๆ หอกทำให้มันทรงพลังมากขึ้น มันพุ่งเข้าหาเสือขาวพร้อมกับเจตนาฆ่า
กงซีหมิงดูเหมือนเหล่าบรรพชน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยราวกับว่าเขาพร้อมจะจากไป แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่าเจิงจิงหยวนเล็กน้อย เขาอยู่ในจุดสูงสุดของช่วงกลางขั้นย้อนกลับและพร้อมที่จะทะลวงไปยังช่วงปลายขั้นย้อนกลับได้ทุกเมื่อ
ทักษะเทพทั้งเก้า ผนึกโลกา !
ในเวลานั้นเสี่ยวหลิงทำผนึกด้วยมือทั้งสองข้างและตะโกนชื่อทักษะ พื้นที่รอบ ๆ กงซีหมิงแข็งตัวขณะที่เขาถูกตรึง แม้แต่การโจมตีของเขาก็เต็มไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็หยุดชะงักเช่นกัน
แม้ว่าผนึกโลกาจะดูเหมือนกับทำให้พื้นที่หยุดนิ่งเหมือนกับที่จอมยุทธขอบเขตเทพทำ แต่พลังระหว่างทั้งสองนี้ไม่สามารถจะเทียบได้กับผนึกโลกาที่เป็นหนึ่งในเก้าทักษะลับอย่างทักษะเทพทั้งเก้าซึ่งโมเทียนหยุนถ่ายทอดให้เป็นส่วนตัว หนึ่งในเก้าทักษะลับนั้นยิ่งใหญ่กว่าทักษะการต่อสู้ระดับเซียนใด ๆ พวกมันยังมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เมื่อถูกใช้โดยเสี่ยวหลิงที่อยู่ในขั้นย้อนกลับ พวกมันแตกต่างจากทักษะต่อสู้ระดับเซียนที่จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อต่อสู้กับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม
ในเวลานี้กงซีหมิงถูกตรึงเอาไว้ เสือขาวตัวใหญ่ก็มาถึงและคำราม มันยกเล็บขั้นมาตะปบออกไป กงซีหมิงรู้สึกราวกับภูเขาตกจากฟ้าถล่มใส่ กรงเล็บมีพลังลึกลับและทุกที่ที่กรงเล็บเคลื่อนผ่านดูเหมือนมันจะทำให้มิติรอบ ๆ หดนิ่ง
สำหรับกงซีหมิงที่อยู่ด้านล่างกรงเล็บได้รับผลกระทบจากกรงเล็บมากที่สุด เขารู้สึกว่ากรงเล็บที่อยู่เหนือหัวของเขากลายเป็นภูเขาถล่มลงมาหาเขาอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาจะหนักอึ้ง พลังปราณที่โคจรได้ช้าขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่กรงเล็บตวัดลงมา ความรู้สึกหน่วงและช้าลงขณะที่กรงเล็บใกล้เข้ามา ทำให้กงซีหมิงสงสัยว่าพลังปราณมันเป็นของเขาหรือไม่ มันรู้สึกถึงการผนึกขณะที่กรงเล็บเข้ามาหาเขา
ช่างเป็นความสามารถที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้ ก่อนอื่นนางขังข้าไว้ไม่ให้ขยับ จากนั้นก็ให้เสือขาวผนึกความสามารถของข้า มันอาจเป็นโชคดีของข้าที่ความสามารถเหล่านี้ไม่ได้ทรงพลังมากเมื่อใช้กับข้า หากเป็นคนที่มีพลังน้อยกว่าข้า พวกเขาต้องทุกข์ทรมาณในวันนี้ ตาของกงซีหมิงที่ปกติฝ้าฟางจู่ ๆ ก็ส่องประกายราวกับตะเกียงสองดวง ทันใดนั้นมีเสียงฟ้าร้องที่ดังมาจากส่วนลึกของเขาและปกคลุมไปด้วยประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วน แสงเหล่านั้นส่องออกมาจากร่างกายของเขาราวกับแสงของพระอาทิตย์
พลังที่ผนึกกงซีหมิงหายไปด้วยประกายไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่ทรงพลังล้อมรอบกงซีหมิงและไหลไปทางหอกขณะที่แทงไปทางเสือขาว มันส่งเสียงระเบิดออกมาดังตูม
ในเวลาเดียวกันกระบี่ม่วงฟ้าของเจี้ยนเฉินก็ปะทุพลังจนถึงขีดสุดของกระบี่ของเขา เขาแทงเข้าไปที่หน้าอกของเฉียงซ่งซึ่งปลายกระบี่จือหยิงได้ทะลุไปถึงด้านหลังของเขา และมองเห็นได้เพียงด้ามกระบี่เท่านั้นจากด้านหน้า
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ไหล่ซ้ายของเขาถูกคทาของเฉียงซ่งทุบ ซึ่งไม่เพียงทำให้ไหล่ตั้งแต่บ่าลงมากลายเป็นหมอกเลือด ร่างกายครึ่งซ้ายหายไป ส่วนที่เหลือก็เต็มไปด้วยชิ้นเนื้อโลหิต
เจี้ยนเฉินและเฉียงซ่งมีความแข็งแกร่งเท่ากัน พวกกับความจริงที่ว่าพวกเขาสองคนต่อสู้กันอย่างหนักเท่าที่จะทำได้พร้อมกับพยายามฆ่าคนให้เร็วที่สุดและทำให้ทั้งสองบาดเจ็บสาหัส ทั้งคู่กลายเป็นสาหัสมากขึ้นและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉียงซ่งที่มีบาดแผลสาหัสจากเส้นทางกระบี่ซึ่งทำลายพลังอมตะในตัวเขา มันยังได้ทำร้ายแก่นชีวิตของเขาทำให้เขามีความอ่อนแรงที่แสดงออกมาทางใบหน้าของเขา
เจี้ยนเฉินกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของเขาพลันขาวซีด อย่างไรก็ตามดวงตาของเขายังคงส่องสว่างโดยไม่มีความอ่อนแอใด ๆ เขาควบคุมกระบี่จือหยิงด้วยพลังวิญญาณของเขาและพยายามที่จะแทงไปที่หน้าผากของเฉียงซ่งเพื่อยุติการต่อสู้
เจี้ยนเฉินคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ? ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าข้าเลย เขายังคงสบายดีหลังจากที่ถูกการโจมตีหนัก ๆ ไปหลายครั้ง เฉียงซ่งสบถอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าความทนทานของเขาไม่อาจเท่ากับเจี้ยนเฉิน แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธขั้นย้อนช่วงปลาย
เจี้ยนเฉินกลายเป็นคนน่าเหลือเชื่อในสายตาของเฉียงซ่ง เพราะความสามารถของเขานั้นมากเกินหยั่งถึง ในเวลาเดียวกันเขาก็ดูราวกับว่ามีพลังงานที่ไม่รู้จบโดยไม่เหือดแห้ง เฉียงซ่งไม่อาจทดสอบได้ว่าเจี้ยนเฉินยังมีพลังที่เก็บไว้นานเท่าไหร่