เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 155 : ฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (2)
ตอนที่ 155:ฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (2)
เจี้ยนเฉินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่วายุโปรยและปะทะกับชายชราอย่างดุเดือดอีกครั้ง
คราวนี้เจี้ยนเฉินใช้กำลังทั้งหมดและพลังภายในทุกอย่างเพื่อปะทะกับชายชรา กระบี่วายุโปรยของเขาได้แทงไปที่ชายชราอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชายชราทำได้เพียงหลบกระบี่ของเขาทุกครั้ง จากการเริ่มต้นต่อสู้รอบใหญ่ อาวุธของชายชราก็ไม่อาจปัดป้องการโจมตีจากกระบี่ของเจี้ยนเฉินได้อีกต่อไป
การควบคุมกริชของชายชรานั้นยอดเยี่ยมอย่างมากราวกับว่าเขายืนอยู่บนจุดสุดยอดในการใช้กริชแล้ว มันทำให้ราวกับว่าการโจมตีแต่ละครั้งของเขาทำให้กริชแทงมาที่หัวใจของเจี้ยนเฉินทุกครั้ง
การต่อสู้ของทั้งสองได้เคลื่อนไหวไปทั่ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้เกิดลมพัดอย่างรุนแรง กระบี่วายุโปรยก็เป็นดั่งลมพายุที่พัดเอาต้นหญ้าและเศษดินให้ลอยขึ้นไปทุกทิศทาง
ทั้งสองยังคงต่อสู้กันต่อไป แต่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน พลังเซียนของเขาไม่อาจทดต่อกริชชายชราได้ เมื่อเวลาผ่านไปชายชราก็รู้สึกท้อแท้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้สึกโกรธกับตัวเอง ความแข็งแกร่งของเขาสูงกว่าคู่ต่อสู้แน่นอน แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขามีความได้เปรียบด้านความเร็วและยังมีการตอบสนองที่เหนือกว่า หลายครั้งที่ชายชราไม่อาจหาวิธีแก้ไข้ได้ และมีหลายครั้งที่แม้แต่ความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญก็ทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในระหว่างความเป็นและความตายเมื่อชายชราได้ปะทะกระบี่
เด็กน้อย เจ้ากล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายได้อย่างไร เจ้าลงมือกับชราเช่นข้าโดยไม่ปราณี เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ? ชายชราคำรามอย่างโกรธ ๆ ขณะที่เขาไม่อาจต่อสู้ได้อีกต่อไป
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจี้ยนเฉินก็มีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าของเขา พยายามร้องขอความเมตตาง่าย ๆ เช่นนี้ นี่มันเป็นตัวเลือกที่ไม่ฉลาด เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไร ?
ชายชราตกตะลึงโดยไม่อาจเปล่งคำพูดได้ จิตสังหารปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วผ่านดวงตาของเขา ขณะที่เขากระโจนเข้าเจี้ยนเฉินอีกครั้งพร้อมกับกริชของเขา
เมื่อรู้ว่าชายชราไม่คิดที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็ทอประกายเย็นชาก่อนที่จะเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก ปริมาณของปราณกระบี่ในอากาศก็เริ่มเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงราวกับว่าที่พื้นทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่อศพของคนใดคนหนึ่ง
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาของเจี้ยนเฉิน ความกดดันของชายชราจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่า แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษแต่เขาก็เร็วพอสมควร แต่เขาก็ไม่อาจเทียบได้กับเจี้ยนเฉินในทุก ๆ ด้านและตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่อง
“ฉับ ! “
ในเวลาเดียวกันปราณกระบี่ที่แหลมคมก็พุ่งออกมาจากหมอก ชายชราก็ไม่มีเวลาโต้ตอบและคมกระบี่ก็ตัดไปข้อมือที่แขนขวาของเขาทันที
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียข้อมือของเขาทำให้ชายชรารู้สึกตะลึง แต่ในขณะที่เขาตกตะลึงกระบี่วายุโปรยก็พุ่งเข้ามาหาร่างของชายชราอย่างรวดเร็ว
ชายชรารีบถือกริชของเขาไว้ที่มืออีกข้างพร้อมกับตั้งท่าป้องกันตัวและถอยหลังออกมา
ทันใดนั้นก่อนที่เขาจะไปได้ไกล ชายชราก็ส่งเสียงกรีดร้อง มีกระบี่ทุละลำคอออกไปใต้คางอีกฝั่งพร้อมกับเลือดที่กระเซ็นซ่านออกมา
เขาไม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินอยู่ด้านหลังของเขาได้อย่างไร เขารู้เพียงแค่ว่ากระบี่วายุโปรยได้แทงเข้าไปในลำคอของเขาและร่วงลงพื้นพร้อมกับความตาย
ดวงตาของชายชรางุนงงขณะมองไปที่กระบี่ที่ออกมาจากลำคอของเขาอย่างไม่เชื่อ เขาสับสนอย่างมากว่าเจี้ยนเฉินลอบไปด้านหลังโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้อย่างไร
ถึงอย่างนั้นชายชราก็ไม่อาจหาคำตอบได้ ร่างกายของเขาค่อย ๆ หล่นลงพื้นอย่างช้า ๆ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกกว้างก่อนที่นัยต์ตาของเขาเริ่มขุ่นมัวอันเป็นสัญญาณแห่งความตาย
เจี้ยนเฉินดึงกระบี่ออกพร้อมกับถอนหายใจออกจากปากของเขา การต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษนี้ทำให้เขาต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากและหลังจากการต่อสู้เขาต้องหอบหายใจอย่างหนัก
เก็บกระบี่วายุโปรยเข้าไปในร่างก่อนที่จะมองไปยังซากศพของชายชราที่อยู่บนพื้น พร้อมกับถอนหายใจพึมพำว่า กว่าจะบ่มเพาะจนถึงขั้นนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายปีแต่กลับถูกทำลายภายในวันเดียว เฮ้อ นั่นไม่ต้องทำเช่นนั้นเลย ถ้าเพียงแต่เจ้าไม่ปล่อยให้ความโลภครอบงำจิตใจของเจ้า เจ้าก็คงไม่จบลงเช่นนี้ เจี้ยนเฉินก้มลงไปหยิบเข็มขัดมิติออกมาจากตัวของชายชราและมองสิ่งของภายใน
จำนวนแกนอสูรของชายชรานั้นไม่ได้มีมากไปกว่าเจี้ยนเฉิน มันมีทั้งหมด 50 อัน อย่างไรก็ตามแกนอสูรขั้นเป็นของสัตว์อสูรระดับ 2 ไม่มีแกนอสูรระดับ 1 ให้เห็นเลย มากกว่าครึ่งเป็นของระดับ 2 และแกนระดับ 3 กว่า 20 อัน นอกจากนี้ยังมีระดับ 4 อีก 1 อัน นอกเหนือจากแกนอสูรแล้วก็มีเงินอีก 70 เหรียญม่วงอีกด้วย
หลังจากเก็บแกนอสูรและเหรียญม่วงไว้ในเข็มขัดของเขา เจี้ยนเฉินก็ตรวจสอบเข็ดขัดมิติในมือของเขาอีกครั้งก่อนที่จะเห็นว่ามีขนสีขาวอยู่ภายใน
ขนสีขาวอันนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือของเขา มันนุ่มและน่าสัมผัสอย่างมากและมันดูสบายมือ นอกจากนี้ยังมีความอบอุ่นที่มันแผ่ออกมา
ขนชิ้นนี้… เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่ขนในมือของเขาด้วยความตกใจ โยนเข็มขัดมิติลงไปที่พื้นก่อนที่เขาจะเอาแหวนมิติของเขาออกมาจากเข็มขัดมิติและหยิบถุงสีแดงออกมา.
นี่คือถุงสีแดงที่เป็นของที่ระลึกและมรดกของตระกูลไป๋ที่ถูกส่งต่อมาจากไป๋หยุนเทียนมารดาของเขา
เจี้ยนเฉินเปิดถุงอย่างเบามือและคลี่เศษขนสีขาวออกมาจากด้านใน มือของเขาเริ่มสั่นเมื่อเขาคลี่ขนสัตว์ออกมาดู ขนที่อยู่ในกระเป๋าสีแดงก็มีขนาดเท่าฝ่ามือของเขา
เจี้ยนเฉินเปรียบเทียบขนทั้งสองชิ้นอย่างใกล้ชิดและดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นอย่างน่าตกใจ นั่นเป็นเพราะขนทั้งสองเกือบจะเหมือนกัน แม้กระทั่งหนังก็แทบจะคล้ายกัน จากลักษณะของขนเหล่านี้มันดูราวกับว่าเคยเป็นชิ้นเดียวกันมาก่อนและถูกตัดแบ่งออกมาเป็นหลาย ๆ ส่วน
นี่มัน… เจียนเฉิยนหันกลับไปมองร่างกายของชายชราอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่ ชิ้นส่วนของขนที่อยู่ในกระเป๋าสีแดงเป็นมรดกจากตระกูลของเขา จนถึงทุกวันนี้มรดกที่ตกทอดมากกว่า 100 ปีและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าขนชิ้นนี้คืออะไร แต่มันก็เก่าแก่และมีราคาอย่างเห็นได้ชัด การได้รับความสนใจจากตระกูลไป๋ก็ปัดทิ้งไปได้เลย มันง่ายที่จะบอกว่าขนชิ้นนี้มีราคาสูง ในขณะนี้การได้เจอขนที่เหมือนกันจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เจี้ยนเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าชายชราเป็นใคร