เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1590 : ขอบเหวแห่งภัยพิบัติ
ตอนที่ 1590 : ขอบเหวแห่งภัยพิบัติ
เจี้ยนเฉินหน้านิ่งไปเมื่อซ่างกวนมู่เอ๋อพูดถึงทวีปเทียนหยวน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงไป๋หยุนเทียน, เจียงหยางป้า, โหยวเยว่, หวงหลวน และคนอื่น ๆ ที่เขารู้จัก เขาไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้วที่อยู่ในโลกที่ศิลาเซียนหยินหยางสร้างขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์บนทวีปเทียนหยวนนั้นเป็นยังไง ดังนั้นเขาจึงกังวลขึ้นมาทันทีที่เขาคิดถึงทวีปเทียนหยวน
ซ่างกวนมู่เอ๋อนั้นผูกพันธ์กับทวีปเทียนหยวน เจี้ยนเฉินก็เช่นกัน เขาผูกพันธ์มากกกว่า ไม่ใช่แค่พ่อแม่เขาอยู่ที่นั่น แต่พี่น้องและสหายของเขาหลายคนก็อยู่ที่นั่นด้วย
“งั้นก็รีบกลับไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินดูเร่งรีบขึ้นมายิ่งกว่าซ่างกวนมู่เอ๋อทันทีที่คิดถึงทวีปเทียนหยวน ทั้งสองได้ออกจากหอคอยอนัตตาและกลับไปยังทวีปเทียนหยวนด้วยการช่วยเหลือของจิตวิญญาณกระบี่
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจหินที่เกือบจะหมดพลัง โดยพื้นฐานแล้วมันก็แค่เปลือกบาง ๆ ที่ขังพลังมารเอาไว้ แม้ว่าพลังมารจะทำการดูดซับหินต่อและจะออกมาได้ในอนาคต แต่มันก็มีเวลาให้เจี้ยนเฉินมากพอที่จะจัดการกับพวกต่างโลก
ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์คงไม่อาจจะคาดฝันได้เมื่อพลังมารเริ่มคลั่งตอนที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งโจมตี
โถงศักดิ์สิทธิ์ได้กันอุโมงค์บนทวีปเทียนหยวนเอาไว้นั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ละครั้งนั้นจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากด้านล่าง เสียงนั้นส่งผ่านไปถึงทุกอย่างทำให้น้ำในระยะ 100 กม.ต้องสั่นไหวและสร้างคลื่นสูงหลายร้อยเมตรขึ้นมา
ไม่ใช่แค่การสั่นไหวจากใต้โถงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งผลต่อแม่น้ำทั้งสี่ แต่มันถึงกับส่งไปยังส่วนลึกสุดของทวีปทั้งสี่แผ่ไปทั่วเขตค่อนข้างใหญ่ เมฆหนาบนท้องฟ้าสลายไปเพราะคลื่นเสียงเหล่านี้ด้วย
โถงศักดิ์สิทธิ์รับการโจมตีมาหลายปีแล้ว การโจมตีนี้ไม่เคยหยุด แต่เดิมแล้วเหล่าเซียนของสี่เผ่าพันธุ์ต่างก็ประจำการอยู่ในโถงนี้โดยสลับหน้าที่กันเผ่าพันธุ์ละ 10 วัน แต่ตอนนี้การโจมตีที่โถงได้รับนั้นหนักหน่วงขึ้นมา เหล่าเซียนทุกคนจากสี่เผ่าพันธุ์ได้มารวมตัวกันที่โถงรวมไปถึงเหล่าเซียนสวรรค์หลายคน จำนวนของเซียนสวรรค์นั้นมากกว่าจอมยุทธเซียนกว่าสิบเท่า
แต่เดิมแล้วเซียนผู้คุมกฎนั้นคือระดับที่อ่อนแอที่สุดที่จะให้พลังงานกับโถง แต่ตอนนี้มีเซียนสวรรค์นับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นมาในโถง นี่มันมากพอจะบ่งบอกได้ว่าทวีปเทียนหยวนใกล้จะล่มสลายลงมากเท่าใด
ตูม !
ตอนนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้งใต้โถงทำให้รอบ ๆ สั่นไหว โถงแห่งนี้สั่นไหวรุนแรงยิ่งกว่าเดิมจนแทบจะกระเด็นออกไปเพราะพลังงานอันทรงพลัง
เซียนสวรรค์นับไม่ถ้วนต่างพากันตะโกนออกมา ใบหน้าของพวกเขาซีดไปทันทีและพากันตัวสั่น ครึ่งหนึ่งถึงกับหมดสติ
เซียนผู้คุมกฎ, เซียนราชาและเซียนจักรพรรดิได้เผยสีหน้าหม่นออกมา พวกเขาตัวสั่นเบา ๆ แต่ละการโจมตีที่โถงนี้ได้รับนั้นจะกินพลังงานในร่างกายพวกเขาไปจำนวนมาก กว่าหลายปีมานี้การฟื้นฟูพลังงานของพวกเขานั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับการใช้งานเลยเพราะการโจมตีอันรุนแรงนี้
แทบทุกคนเกือบถึงขีดจำกัดของตัวเอง มันมีเซียนผู้คุมกฎหลายคนที่ล้มพับลงไปแล้ว พวกเขายังมีชีวิตแต่ไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในตัว
ตอนนั้นเองสายตาของหลายคนก็แสดงความสิ้นหวังออกมา พวกเขาไม่อาจหวังในโลกใบนี้ได้อีก ถ้าไม่ใช่ความจริงที่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนยังคงดูแลที่นี่อยู่และพวกเขาต้องประจำอยู่ที่นี่ งั้นหลายคนคงเลือกที่จะหนีออกไปและไม่คิดจะอุทิศตัวกับการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์นี้
จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของทั้งสี่เผ่าพันธุ์นั่งอยู่รอบโต๊ะหยกขาว ใบหน้าพวกเขาซีดและเครียด
” เราทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ผลพลังอมตะทั้งหมดถูกกินไปแล้ว เมื่อพลังดั้งเดิมของเราหมดไป เราก็ไม่อาจจะฟื้นฟูตัวเองได้ เราคงทนได้ไม่กี่ชั่วยามเป็นอย่างมากก่อนที่จะหมดพลัง เราไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เลย…” กุยไฮ่ยี่เต่าพูดขึ้นมาด้วยความหนักใจ ใบหน้าที่ซีดของเขาแสดงถึงความหมดหนทางและความเหนื่อยล้า
“โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมี 2 คนที่ขึ้นเป็นขั้นแลกเปลี่ยน พวกเขาเร่งความเร็วในการลดพลังงานของโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมขั้นย้อนกลับอีก 5 คน ไม่งั้นแล้วเราคงทนได้นานกว่านี้อีกเล็กน้อย” เฟิงเซียวเทียนถอนหายใจออกมา ใน 20 ปีนี้โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีขั้นแลกเปลี่ยน 2 คน ไม่มีใครทำแบบนี้ได้
มันเพราะขั้นแลกเปลี่ยนสองคนที่ทำให้พวกเขาทนได้น้อยลงกว่าเดิม
“มันมีสองทางรอดในตอนนี้ ทางแรกคือเอาพาคนเข้ามาในโถงนี้และหนีไปยังโลกเซียน ทางที่สองคือซ่อนโถงนี้ไว้ในมิติด้านนอก สำหรับกฎของโลกที่เริ่มสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จนทำให้พลังดั้งเดิมค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นมา เราก็สามารถเติบโตจนถึงจุดที่เราแข็งแกร่งพอที่จะขับไล่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้หากมีเวลามากพอ” หยางลี่ พูดด้วยความหนักใจ
“แต่พี่ใหญ่ยังไม่กลับมา ถ้าพี่ใหญ่กลับมาหลังจากที่เราหนีไป เขาคงคิดว่าเราโดนพวกบัดซบนั่นฆ่า ข้าไม่อยากไป ข้าอยากรอพี่ใหญ่กลับมาก่อน” เสี่ยวหลิงเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ถอยของหยางลี่ นางยืนกรานว่าจะอยู่ต่อ
” เหลนข้าน่ะหายตัวไป 20 ปีแล้ว เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือจะกลับมาตอนไหน เรากำลังหมดเวลา เราได้ใช้ผลพลังอมตะไปหมดแล้ว ดังนั้นเราจึงเหลือเวลาอย่างมากแค่ไม่กี่ชั่วยาม ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้ เราอาจจะตายกันทั้งหมดที่นี่” หยางลี่พูดขึ้น ตอนนี้เขาหมดหนทาง พวกเขาไม่ใช่คู่มือของพวกต่างโลกเมื่อต่างโลกนั้นยังไม่มีขั้นแลกเปลี่ยน นี่ไม่ต้องนับถึงตอนนี้ที่ต่างโลกมีพวกนั้นถึง 2 คน พวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ?
“เราควรถอยตอนที่ยังมีพลัง ต่างโลกนั้นไม่อาจจะหยุดเราได้ ดังนั้นการอยู่ที่นี่ต่อก็ถือว่าไร้ค่า เราสู้ตอนที่เราแข็งแกร่งพอได้” ฮุสตันพูดขึ้น
“ข้าเห็นด้วย” เถี่ยต้า บอกความเห็นของตัวเองออกมา การอยู่ที่นี่มีแต่ความตาย อะไรก็เกิดขึ้นได้หากพวกเขายังรอด
“แล้วพี่ใหญ่ล่ะ ? ” เสี่ยวหลิงสะอื้น นางใจสลาย
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลถอนหายใจออกมา “ข้าเข้าใจ เจี้ยนเฉิน ตอนที่เขาลังเลที่จะออกจากทวีปไป ข้ารู้สึกได้ถึงความมั่นใจของเขา ข้าเชื่อว่าเขามีวิธีจัดการกับต่างโลกเนื่องจากเขามั่นใจตอนที่เราแทบไม่มีทางเลือก เขาต้องกลับมาเมื่อเขาแข็งแกร่งพอ มันก็แค่เรารอต่อไปไม่ได้ แผนที่ดีที่สุดของเราคือซ่อนอยู่มิติด้านนอกและรอการกลับมาของเจี้ยนเฉิน จากนั้นค่อยเอาคืนพวกมัน”
…
หลายคนถกเถียงกันเรื่องเจี้ยนเฉินที่ส่วนนอกของโถงศักดิ์สิทธิ์
“แล้วราชันเจี้ยนเฉินตอนนี้อยู่ที่ไหน ? เราทนรอต่อไปไม่ได้ ทำไมเขายังไม่กลับมาอีก ? เขารู้หรือไม่ว่ามันไม่มีหวังในโลกนี้แล้ว ? เขาหนีเอาตัวรอดแล้วหรือ….”
” มันสายไปแล้วแต่เจ้าก็ยังคิดจะพึ่งเจี้ยนเฉิน ต่างโลกมีขั้นแลกเปลี่ยน 2 คนรวมกับจิตวิญญาณราชันย์ที่ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ก็ตาม…”