เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1591 : โถงศักดิ์สิทธิ์หนี
ตอนที่ 1591 : โถงศักดิ์สิทธิ์หนี
” ฮึ่ม ใครบอกว่าราชันเจี้ยนเฉินไม่อาจจะพลิกสถานการณ์ได้ ? พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมจนเป็นอัจฉริยะไม่ใช่แค่ในทวีปเทียนหยวนแต่ยังเผ่าพันธ์ทะเล, สัตว์อสูรและร้อยเผ่าพันธุ์ เขาก้าวข้ามทุกคนจากทุกเผ่าพันธุ์ในประวัติศาสตร์ เขาใช้เวลาไม่กี่สิบปีจากเซียนที่ไร้ชื่อมายังขอบเขตดั้งเดิม ตอนนี้ผ่านมา 20 ปีแล้ว ข้าเชื่อว่าราชันเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาเคยเป็นหลายเท่า..”
” ถูกต้อง ข้าเห็นด้วย ราชันเจี้ยนเฉินบ่มเพาะด้วยความเร็วที่เราไม่อาจจะคาดถึง ดังนั้นเราจึงตัดสินเขาเหมือนกับคนอื่นไม่ได้ ราชันเจี้ยนเฉินได้หายไป 20 ปี เขาต้องบ่มเพาะอยู่ที่ไหนสักที่หรือหาวิธีในการกำจัดภัยต่างโลก ข้าเชื่อว่าราชันเจี้ยนเฉินจะไม่กลัวจิตวิญญาณราชันย์ตอนที่เขากลับมา….”
“ราชันเจี้ยนเฉินคือความหวังเดียวของพวกเราในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เราต่างก็รอเขากลับมา แต่ราชันขอบเขตดั้งเดิมที่โถงส่วนในก็ด้วย พวกเราล้วนแต่รอเขากลับมา….”
” ยิ่งกว่านั้นตอนที่ราชันเจี้ยนเฉินจากไป โลกก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย กฎได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและการบ่มเพาะของเราก็ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้แต่พลังงานดั้งเดิมก็เริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่คิดรึว่ามันเป็นเพราะราชันเจี้ยนเฉิน ? ”
สุดท้ายคนมากมายต่างก็สนับสนุน เจี้ยนเฉิน มันไม่ใช่แค่มนุษย์ที่สนับสนุนเขาแต่สมาชิกจากเผ่าพันธุ์ทะเล, สัตว์อสูรและร้อยเผ่าพันธุ์ต่างก็สนับสนุนเขาด้วย แม้แต่ตอนวิกฤตนี้ก็ยังมีหลายคนเชื่อในตัวเจี้ยนเฉิน คอยปกป้องชื่อเสียงของเขา
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าข้างเจี้ยนเฉิน มันยังมีบางคนที่หมดหวังในตัวเขาแล้ว เจี้ยนเฉินได้หายตัวไปถึง 20 ปี หลายคนเชื่อว่าเขาหนีไปแล้ว
” ฮึ่ม ในความเห็นข้าแล้ว พวกเจ้าทุกคนน่ะเชื่องมงายในตัวเจี้ยนเฉินจนตาบอด พวกเจ้าเสียความสามารถในการคิดโดยใช้เหตุผล คิดดูสิว่าจิตวิญญาณราชันย์แข็งแกร่งเพียงใด เขาเป็นจอมยุทธที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกขอบเขตเทพ พรสวรรค์ของราชันเจี้ยนเฉินนั้นน่าประทับใจและความเร็วในการบ่มเพาะนั้นน่าตะลึง แต่ดูอายุเขาสิ แม้ว่าราชันเจี้ยนเฉินจะโดดเด่นแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับตัวเองไปถึงจุดที่รับมือกับจอมยุทธขอบเขตเทพได้ในเวลาแค่ 20 ปี เจ้าจำไม่ได้รึว่ามันยากแค่ไหนตอนที่ราชันเจี้ยนเฉินขับไล่พวกขั้นย้อนกลับ ? ” ชายแก่ผอมแห้งจมูกงุ้มพูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะหน้าซีดแต่เขาก็แสดงความไม่พอใจกับเหล่าจอมยุทธที่เข้าข้างเจี้ยนเฉิน
ความแข็งแกร่งของชายแก่คนนี้น่าประทับใจ แม้แต่ในหมู่เซียนจักรพรรดิ เขาก็คือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่ง เขาเป็นเซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 7 และเป็นจอมยุทธที่โด่งดังในหมู่สัตว์อสูร
“ถูกต้อง ในเวลาแค่ 20 ปี มันเป็นไปไม่ได้ที่ราชันเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับจิตวิญญาณราชันย์ บางทีเขาอาจจะไปยังโลกแห่งเซียนหลังจากที่หายตัวไปถึง 20 ปี และในด้านการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นเกี่ยวข้องกับราชันเจี้ยนเฉินหรือไม่นั้น ฮี่ฮี่ ข้ายังยึดความคิดตัวเอง ข้าต้องการถามพวกเจ้าทุกคนว่าใครเชื่อบ้างว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลกนี้เป็นเพราะราชันเจี้ยนเฉิน ? ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา เขาเองก็เยาะเย้ยคนอื่น ๆ
ชายวัยกลางคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับชายแก่ แต่เขาก็เป็นเซียนจักรพรรดิมนุษย์
เสียงของผู้คนคัดค้านขึ้นมาว่าไม่เชื่อในตัวเจี้ยนเฉินดังขึ้นมาจากรอบข้าง สำหรับทุกคนแล้ว เจี้ยนเฉินนั้นเป็นจอมยุทธมนุษย์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าเขาจะส่งผลต่อกฎของโลก
“ฮึ่ม พวกเจ้ามันต่ำต้อย เจ้าจำไม่ได้รึว่าใครที่ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นเซียนจักรพรรดิ ? แต่พวกเจ้ากลับทำให้ชื่อเสียงของพี่ชายข้าต้องแปดเปื้อน พี่ชายของข้าไม่มีทางทิ้งเราเพื่อเราตัวรอด” เสียงสูงฟังดูหงุดหงิดดังขึ้นมา ไป๋เหลียนพุ่งเข้ามา โหยวเยว่, หวงหลวน, เซียวเทียนหยู, ตู่กูเฟิง และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่นั่น มันมีหลายสิบคนและยังมีเซียนจักรพรรดิหลายคนอยู่ที่นั่น
นูบิสเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ตอนนั้นนูบิสมองไปที่คนที่ด่าน้องชายของเขาด้วยความเย็นชา เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เจ้าทุกคนกลายเป็นเซียนจักรพรรดิได้เพราะน้องชายข้า เจี้ยนเฉิน มันไม่เป็นไรหากเจ้าจะไร้เกียรติ แต่เจ้ากลับทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องแปดเปื้อน มันไม่เป็นไรหากเขาไม่กลับมา แต่หากเขากลับมา ข้า นูบิส ผู้ยิ่งใหญ่จะทำเรื่องเห็นแก่ตัวและเอาความแข็งแกร่งที่เขามอบให้กับพวกเจ้ากลับคืน”
เซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 7 ก้าวออกมา เขามองไปที่นูบิสอย่างใจเย็นและพูดขึ้นว่า “นูบิส เจ้าจะไม่หยิ่งทะนงเกินไปหน่อยหรือ ? เจ้าเป็นแค่เซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 6 มันมีหลายคนที่นี่ที่สามารถจัดการเจ้าได้ สิ่งที่สหายข้าพูดนั้นใช่ว่าจะไร้เหตุผล ราชันเจี้ยนเฉินหายตัวไปกว่า 20 ปี โลกนี้กว้างใหญ่ เซียนจักรพรรดิหลายคนร่วมมือกันเพื่อใช้ทักษะลับในการตรวจสอบทุกตารางนิ้วของโลกเพื่อหาตัวเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขากลับไม่พบวี่แววของเขาเลย มันจะมีคำอธิบายอะไรอื่นนอกจากว่าเขาหนีไปที่โลกเซียนแล้ว…”
แต่ก่อนที่ชายแก่จะได้พูดจบ มันก็มีมือขาวเล็ก ๆ กดที่หัวของเขา เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับหัวของเซียนจักรพรรดิที่ระเบิดออก เขาตายทันทีเพราะวิญญาณนั้นไม่อาจจะหนีได้ทัน
ทุกคนต่างก็พากันกลัว พวกเขาเงียบกริบ
ชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่มาในจุดที่ชายแก่ยืนอยู่เมื่อตะกี้ ใบหน้าของเขาแสดงความเย็นชาออกมาซึ่งดูไม่เหมาะกับอายุของเขา เขามองไปที่คนอื่น ๆ ที่นั่นด้วยความเย็นชาราวกับเตือนพวกนั้น
“นั่นพยัคฆ์ปีกเทวะ ! ”
หลายคนในสี่เผ่าพันธุ์กลัวขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ พวกเขาพากันกลัว พยัคฆ์ปีกเทวะไม่ได้ดูแก่และไม่ค่อยพูด แต่เขานั้นไม่ลังเลที่จะลงมือเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นการตัดสินใจในการฆ่าคนของเขาทำให้หลายคนที่แก่กว่ารับรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าเพียงใด
ตอนนั้นสายตาของพยัคฆ์ขาวได้มองไปยังเหล่าจอมยุทธตรงหน้า เขาพูดขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ “ข้าไม่สนว่าคนอื่นอีกสามเผ่าพันธุ์จะทำให้ชื่อพี่น้องข้าแปดเปื้อนยังไง แต่ข้าจะไม่ปราณีถ้าพวกเจ้าเป็นสัตว์อสูร”
สัตว์อสูรทุกคนต่างก็พากันกลัว พวกที่ดูถูกเจี้ยนเฉินไว้ต่างก็พากันกลัว
“พยัคฆ์ปีกเทวะมีจิตสังหารเช่นนี้ เขาสามารถฆ่าเซียนจักรพรรดิชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้โดยไม่ลังเล มันมีจอมยุทธไม่มากอย่างเซียนจักรพรรดิในหมู่สี่เผ่าพันธุ์ พยัคฆ์ปีกเทวะทำเกินไปแล้ว” หลายคนแอบถอนหายใจแต่พวกเขาไม่กล้าจะบอกความคิดพวกเขาออกมา
โอวหยางหยิงเว่ยและเฉียงซ่งยืนอยู่ตรงหน้าอุโมงค์ระหว่างสองโลก ขั้นย้อนกลับ 5 คนยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา พวกนั้นต่างก็พากันตื่นเต้น
“ข้ารู้สึกได้ว่าพลังในโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นลดลงอย่างรวดเร็ว ผ่านมาหลายปีในที่สุดเราก็ลดพลังงานมันได้ เราจะเข้าไปยังอีกโลกได้ในไม่ช้า เจี้ยนเฉิน ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเพื่อระบายความแค้น” โอวหยางหยิงเว่ยเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขานั้นเต็มไปด้วยความอาฆาต
“เจี้ยนเฉินเป็นของข้า ครั้งที่แล้วข้าไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ ดังนั้นข้าจึงถอย มันเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุดในชีวิตข้า ดังนั้นข้าจะเอาชีวิตเขาด้วยตัวเองและกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเอง” เฉียงซ่งพูดขึ้นมา เขาเองก็อายที่ต้องเองต้องถอยกลับมา
ใบหน้าของโอวหยางหยิงเว่ยหม่นลงเล็กน้อย เขามองไปที่เฉียงซ่งด้วยสายตาเย็นชา “เฉียงซ่ง ข้ายกเจี้ยนเฉินให้เจ้าได้ เห็นแก่ที่เจ้าเคยช่วยข้าในอดีต แต่กระบี่ทั้งสองของเจี้ยนเฉินต้องเป็นของข้า ”
“ไม่” เฉียงซ่งไม่ตกลง เขารู้ว่ากระบี่ทั้งสองของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลัง เขาต้องรักษาสมดุลเอาไว้ หากโอวหยางหยิงเว่ยได้กระบี่ทั้งสองไป เขาก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของโอวหยางหยิงเว่ยได้
สายตาโอวหยางหยิงเว่ยเย็นชายิ่งกว่าเดิม “หากเป็นเช่นนั้น งั้นเราก็ต้องแข่งกันเมื่อถึงเวลานั้น”
“ได้ เราจะแย่งมัน” เฉียงซ่งเห็นด้วย เขาไม่ได้แสดงท่าทีคิดว่าตัวเองจะแพ้ จากนั้นเขาก็มองไปยังผู้อาวุโสด้านหลังและตะโกนขึ้นมา “หากเรายังโจมตีต่อไป มันอาจจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วยามก่อนที่พลังงานมันจะหมดลง ก่อค่ายกลเจ็ดสังหารและรวมพลังกันโจมตี”
“ดี ข้าไม่คิดจะเสียเวลาเพิ่ม ค่ายกลนี้อาจจะทำให้เราหมดแรง แต่มันก็คุ้มแม้ว่าข้าจะหมดพลังงานดั้งเดิมเพื่อที่จะได้รับกระบี่ทั้งสองในไม่ช้า เอาเลย ! ” โอวหยางหยิงเว่ยลังเลเล็กน้อยก่อนจะเห็นด้วยกับเฉียงซ่ง ทั้งเจ็ดคนเข้าประจำตำแหน่งสำหรับค่ายกล พวกเขาได้รวมพลังเข้าด้วยกันและปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังยิ่งกว่าขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้นใส่โถงศักดิ์สิทธิ์
การโจมตีนี้ทรงพลังจนก้าวข้ามการโจมตีตลอด 20 ปีมานี้ มันอ่อนแอกว่าการโจมตีจากจิตวิญญาณราชันย์ การโจมตีนี้คือผลของการที่ขั้นย้อนกลับ 5 คนและขั้นแลกเปลี่ยน 2 คนรวมพลังกัน
ตูม !
ด้วยการรวมพลังนี้ พวกเขาก็ได้โจมตีห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ที่กันอุโมงค์เหนือหัวพวกเขา