เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1649: ก่อนเจรจา (3)
ตอนที่ 1649: ก่อนเจรจา (3)
ท่านพ่อ ท่านจะพาข้าไปพบกับปู่ย่าเมื่อไหร่ ? ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนถาม ก่อนที่จะคิดอะไรบางอย่างและยิ้ม ก่อนหน้านี้ ตอนที่ข้าต้องการให้เจียงหยางซูเรียกข้าว่าพี่ชาย เขาไม่เต็มใจเท่าไรนัก เมื่อข้าเห็นปู่และย่าเขาจะต้องเรียกข้าว่าพี่ ฮ่าฮ่า ข้าอยากจะได้เห็นใบหน้าของเขาในเวลานั้นจริง ๆ
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น เขามองที่ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนและพูดเบา ๆ ว่า เมื่อเราออกจากเกาะสามเซียน ข้าจะพาเจ้าไปที่ตระกูลเจียงหยาง จากนั้นเจี้ยนเฉินก็มองไปที่ซ่างกวนมู่เอ๋อและพูดว่า เอ่อ เจ้าก็ควรจะมาด้วย มันจะดีมากที่จะหาพ่อแม่ของข้า มีความกระตือรือร้นปรากฏขึ้นในสายตาของเจี้ยนเฉิน
ซ่างกวนมู่เอ๋อเงียบ มีความย้อนแย้งในสายตาของนาง แต่นางก็พยักหน้าเบา ๆ หลังจากที่คิดอะไรบางอย่าง
เจี้ยนเฉินดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าซ่างกวนมู่เอ๋อเห็นด้วย จากความเข้าใจของเขาที่มีต่อซ่างกวนมู่เอ๋อ นางจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลถ้าเขาหยิบยกมันขึ้นมาในอดีต ตอนนี้นางเห็นด้วย นั่นก็หมายความว่านางได้เปลี่ยนแปลงไปมากในหลายปีที่ผ่านมา
เหลือเพียงสองปีก่อนที่เจ้าจะตกลงกับจิตวิญญาณราชันย์ เจ้าคิดถึงเรื่องดินแดนหรือยัง ? เจ้าวางแผนที่จะมอบดินแดนเท่าใดให้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ? หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปและซ่างกวนมู่เอ๋อก็ยกเรื่องดินแดนกับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินส่ายหัวเบา ๆ จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับดินแดนที่จะมอบให้กับต่างโลก เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเผ่าพันธุ์ทะเล, ร้อยเผ่าพันธุ์และสัตว์อสูรอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องหารือกับผู้นำที่เกี่ยวข้อง
ท่านพ่อ ข้าเดินทางไปทั่วทวีปเทียนหยวนในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทวีปเทียนหยวนกำลังจะสละดินแดนให้กับพวกต่างโลก ข้าจึงไปยังพื้นที่เหล่านั้นเป็นพิเศษ ข้าพบว่ามากกว่าครึ่งของคนที่อยู่ที่นั่นไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ มีกระทั่งบางคนตั้งใจว่าจะปกป้องบ้านเกิดของเขา พวกเขาติดต่อตระกูลอื่น ๆ และนิกายเพื่อที่จะช่วยเหลือกันและได้ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา คนเหล่านี้วางแผนที่จะหยุดการมาถึงของพวกต่างโลก พวกเขาอยากตายในสนามรบมากกว่ายอมสละที่ดินของเขา หลังจากที่ทั้งนิกายและตระกูลเหล่านั้นได้อยู่แถวนั้นมาหลายปีแล้ว บ้านบรรพบุรุษของพวกเขาบางกลุ่มก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงยากที่จะยอมรับ พวกเขาไม่หวั่นแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สั่นคลอนอาณาจักร ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนกล่าว
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาทันทีและครอบคลุมทั้งทวีปเทียนหยวนไม่นาน ในขณะนั้นผู้คนมากมายที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็อยู่ภายใต้การสังเกตของเขา ตามที่คาดไว้เขาเห็นมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเผชิญหน้ากับการย้ายถิ่นฐานของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มีทั้งนิกาย, ตระกูลและแม้แต่อาณาจักรที่ทรงอำนาจ เห็นได้ชัดว่าเขาได้จัดตั้งพันธมิตรและชูธงของพวกเขาแล้ว พวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะตายจากกรณีนี้
ในบรรดาผู้คนนับไม่ถ้วนที่คุยกัน เจี้ยนเฉินได้รู้จากคนเพียงไม่กี่คนที่ส่วนใหญ่ไม่ต้องการจะตัดสินใจ พวกเขาไม่เต็มใจอย่างมากเพราะพวกเขาเกิดและเติบโตบนที่ดินของเขา ดินแดนแห่งนี้ยังเป็นทรัพย์สินและมรดกที่สืบทอดมานานนับปีของพวกเขา หากพวกเขาต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น อย่างนั้นก็หมายความว่ารุ่นก่อน ๆของเขาก็จะหายไป แม้ว่าผู้มีอำนาจสูงสุดได้สัญญาว่าจะยอมทำตามพวกเขา แม้ว่าพวกเขารู้ดีว่าการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของต่างโลกในการเผชิญกับวิกฤติก็ยังไม่เพียงพอที่จะจะให้พวกเขาสละความมุ่งมั่นในการถือครองที่ดิน เพราะมันเป็นบ้านของพวกเขา
ในเวลานั้น เจี้ยนเฉินก็ได้ยินถึงความพอใจไม่กี่คนที่มีต่อการตัดสินใจของราชัน แม้ว่าจะแค้น แต่ก็มีไม่กี่คนนัก
เจี้ยนเฉินยังเห็นแม่ทัพสองสามคนพูดใส่อารมณ์กับกองทัพของเขาในอาณาจักรบางแห่ง โดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาพูดเกี่ยวกับการปกป้องบ้านเกิดของพวกเขา พวกเขาตั้งใจที่จะต่อสู้กับผู้บ่มเพาะจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง
เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อเขาสังเกตเห็นสิ่งนี้ มีผู้บ่มเพาะมนุษย์จำนวนมากคิดแบบนั้นหลายพันล้านคน หากพวกเขาวางแผนที่จะอยู่ที่ดินแดนเหล่านั้น พวกเขาจะต้องเผชิญกับสงครามอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง หากจะพูดว่าอาจมีการสูญเสียผู้คนจำนวนมากก็ไม่ถือว่าพูดเกินเลยนัก
ท้ายที่สุดจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมในทวีปเทียนหยวนก็ไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมคนนับไม่ถ้วนในทวีปเทียนหยวน แม้ว่าพวกเขาจะได้รับความเคารพและพวกเขาจะเคารพคนที่ทำอะไรบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน มันก็ยังคงมีคนที่จะยืนหยัดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขาจะราชันหรือไม่ หากพวกเขากำจัดประชาชนก็ง่ายเพียงแค่โบกมือ พวกเขาจะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนแม้ว่าพวกเขาจะต้องจะตายก็ไม่อาจเปลี่ยนใจพวกเขาได้
วิญญาณเจี้ยนเฉินยังคงแผ่ออกไปอย่างต่อเนื่องยังอาณาเขตทั้งสี่เผ่าพันธุ์ เขาพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็เกิดขึ้นกับทั้งสัตว์อสูรและเผ่าพันธุ์ทะเล มีหลายองค์กรในสองเผ่าพันธุ์ที่เห็นด้วยกับการที่จะไม่สละดินแดน มีเพียงร้อยเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างสงบ ไม่มีสัญญาณในการต่อต้านหรือคัดค้าน ร้อยเผ่าพันธุ์ทั้งหมดตั้งแต่เซียนจักรพรรดิไปจนถึงคนธรรมดาต่างก็เห็นด้วยกับเทพเจ้าสงคราม ทุกสิ่งที่ที่เขาพูดราวกับคำสั่งจากสวรรค์ ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของเทพเจ้าสงคราม
นี่เป็นเพราะร้อยเผ่าพันธุ์นั้นต่างก็เต็มไปด้วยความศรัทธา ความเชื่อของพวกเขายึดติดกับเทพเจ้าสงครามในปัจจุบันอย่างเถี่ยต้า
เจี้ยนเฉิน ยังเหลืออีกสองปีก่อนที่จะเจรจา เจ้าตัดสินใจแล้วหรือยัง ?
เสียงของเถี่ยต้าดังขึ้นในใจของเจี้ยนเฉินเมื่อวิญญาณของเขาล้อมเขตของร้อยเผ่าพันธุ์
เจี้ยนเฉินไม่ได้ปิดบัง เขาบอกทุกอย่างที่เขาเห็น การแบ่งอาณาเขตให้กับต่างโลกนั้นไม่ง่ายเลย
เจี้ยนเฉิน เจ้าควรจะรู้เกี่ยวกับตัวตนของต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์ ราชาเทพเอเดรียนน่าเคยบอกให้ข้าดึงคนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมาร่วมกับฝ่ายข้า พวกเขาเป็นจิตวิญญาณปราชญ์ จิตวิญญาณปราชญ์เป็นเผ่าขนาดใหญ่และตระกูลจากโลกชั้นสูง พวกเขามีมรดกค่อนข้างมาก เสียงของเถี่ยต้าดังขึ้น พวกเขาทั้งสองคุยกันผ่านจิตวิญญาณของพวกเขาจากระยะไกลกว่าสิบล้านกิโลเมตร
จิตวิญญาณปราชญ์งั้นหรือ ? เจี้ยนเฉินตกตะลึง เขาไม่รู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณปราชญ์ แต่เขารู้เกี่ยวกับเผ่าเทพที่เถี่ยต้ามา จากจิตวิญญาณกระบี่ เขาได้เรียนรู้ว่าเผ่าเทพเป็นตระกูลชั้นสูงในโลกเซียน ในช่วงที่พวกเขาเจริญรุ่งเรืองมันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่าพวกเขาเป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่สุดของโลกเซียน เป็นเพราะอัครสูงสุดได้กลับมายังเผ่าเทพและยังเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเซียน แม้แต่ในโลกอมตะอย่างนิพพานอมตะเที่ยงแท้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เนื่องจากจิตวิญญาณปราชญ์สามารถยกระดับได้ทั้งเผ่าเทพ พลังของเขาจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน