เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 175 : การแข่งขันระหว่างเสือและมังกร
ตอนที่ 175: การแข่งขันระหว่างเสือและมังกร
“50,000 เหรียญม่วง ตระกูลยู่หลันนี้ต้องเป็นตระกูลที่เป็นอันดับหนึ่งในเมืองเมฆอัคคีแน่ การเงินของพวกเขานั้นเข้มแข็งมาก…”
“ตระกูลยู่หลันช่างมีเงินมากมายจริงจริงที่ยอมจ่าย 50,000 เหรียญม่วงเพื่อสัตว์อสูรระดับห้า แม้ว่าราคาจะสูงเกินจริงไปมากแล้ว”
….
ในขณะที่ตระกูลยู่หลันเพิ่มราคาประมูลออกมา ทั่วทั้งโรงประมูลก็ตกอยู่ในความวุ่นวายไปด้วยเสียงพูดคุยอื้ออึง แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังมีใบหน้าที่คาดไม่ถึง แน่นอนว่าสัตว์อสูรระดับห้านั้นเป็นสมบัติที่ล้ำค่า แต่มันก็มีราคาจำกัด 50,000 เหรียญม่วงนั้นเป็นจำนวนที่มากกว่าขีดจำกัดนั้นไปมาก
ในห้องของวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอย ชายในชุดขาวบางคนก็ทำหน้าตาลำบากใจออกมาในขณะที่พวกเขานั่งลง พวกเขามีกันทั้งหมด 8 คน นอกเหนือไปจากชายหนุ่มหล่อที่มีอายุ 20 ปีและหญิงที่บอบบางเหมือนดอกไม้แล้ว คนอื่น ๆ ทั้งหมดก็อยู่ในวัยกลางคนทั้งนั้น
หญิงที่มีอายุ 20 ปีพูดออกมา “ตระกูลยู่หลันนี้แน่วแน่ในการที่จะเอาชนะการประมูลสัตว์อสูรระดับห้านี้จริงจริง ด้วยราคาที่สูงขนาดนี้ ถ้าพวกเรายังประมูลต่อ วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยของพวกเราจะต้องใช้สมบัติที่มีค่าที่สุดของพวกเราในการจ่ายค่าประมูลสัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้แน่” เสียงของนางเหมือนนก มันน่าฟังมาก
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเมืองของตระกูลยู่หลันกำลังเตรียมตัวที่จะเป็นเซียนปฐพี ถ้าเขามีสัตว์อสูรระดับห้าไว้ใช้ แม้ว่ามันจะไม่ช่วยให้เขาตัดผ่านได้สำเร็จแน่ แต่อย่างน้อยมันก็เพิ่มโอกาสให้เขาได้มาก สำหรับเขานั้น สัตว์อสูรระดับห้านั้นสำคัญมากแน่ ๆ ” ชายวัยกลางคนตอบกลับ
“อาจารย์ของข้าได้อยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาเป็นสิบปีแล้ว เมื่อเขาไม่สามารถข้ามผ่านช่องว่างและตัดผ่านไปเป็นเซียนปฐพีได้ เขาก็ทำแค่เอ้อระเหยอยู่ในขอบเขตพลังเดิมเท่านั้น ถ้าพวกเราได้สัตว์อสูรระดับห้าไป แบบนั้นอาจารย์ของข้าก็จะตัดผ่านได้อย่างแน่นอน ถ้าเกิดอาจารย์ของข้าได้กลายเป็นเซียนปฐพี วิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยของพวกเราจะต้องมีพลังเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีพูดออกมา ในตอนที่เขาพูดถึงอาจารย์ของเขา ใบหน้าของเขาก็แสดงความภาคคภูมิใจออกมา
นั้นเป็นเพราะอาจารย์ของเขาเป็นเจ้าวิหารดาบเมฆาล่องลอย
ชายวัยกลางคนในชุดขาวอีกคนพูดออกมา “สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็ถูก พวกเราต้องการที่จะเอาชนะในการประมูลสัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้ ในขณะที่มันจะง่ายกว่าถ้าเราไปได้สัตว์อสูรระดับห้ามาจากเมืองหลวง แต่เมืองหลวงที่ใกล้ที่สุดกับสถานที่ที่พวกเราอยู่นั้นมันไกลกันมากที่จะเดินทางกลับไปได้อย่างไม่โดนรบกวน แม้ว่าพวกเราจะได้สัตว์อสูรระดับห้ามา แต่การที่จะขนมันกลับไปจากเมืองหลวงต้องเป็นอะไรที่ท้าทายมากแน่ มันคงจะไม่ดีและพวกเราจะถูกโจมตีและโดนแย่งไป มันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเราจะเอาตัวที่อยู่ด้านหน้านี้”
หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนอีกคนก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่น่ากลัว “รองเจ้าวิหาร เช่นนั้นท่านคิดว่าพวกเราควรจะประมูลต่อหรือไม่ ? “
ชายคนนั้นลังเลในขณะที่เขาฟังชายคนนี้พูดก่อนที่จะพยักหน้า “วิหารดาบเมฆาล่องลอยขอประมูลที่ 55,000 เหรียญม่วง”
หลังจากนั้นทุกคนในโรงประมูลก็อ้าปากค้าง
ทันใดนั้นเองเสียงอีกเสียงก็ดังออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวท่ามกลางคนชมที่เงียบอยู่
“ตระกูลยู่หลันประมูล 60,000 เหรียญม่วง….”
เมื่อได้ยินราคาล่าสุด ชายบางคนของวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
“65,000 เหรียญม่วง…” ในความเงียบที่ผ่านไปชั่วครู่ รองเจ้าวิหารก็พูดราคาที่สูงกว่าออกมา
ในตอนนี้ ผู้มีอทธิพลหลายคนก็ได้ล้มเลิกในการแย่งสัตว์อสูรระดับห้าไปแล้ว มีเพียงตระกูลยู่หลันและวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยที่ยังประมูลแข่งกันอยู่
“ปัง ! “
เสียงทุบหมัดลงบนโต๊ะดังออกมาจากตระกูลยู่หลันที่ถูกทำให้โกรธจากการกระทำของอีกฝ่าย
ทั้งโรงประมูลเงียบไปอย่างเร็วที่เสียงดังออกมาในขณะที่พวกเขามองไปที่ห้องของตระกูลยู่หลัน
“วิหารดาบเมฆาล่องลอย ตระกูลยู่หลันต้องการสัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้ มันจะมากไปหรือไม่ถ้าพวกเราขอให้เจ้าให้มันกับพวกเรา ? หลังจากนี้ ตระกูลยู่หลันจะขอบคุณพวกท่านเป็นอย่างมาก” เสียงชราดังออกมาจากห้อง มีน้ำเสียงโกรธที่ปิดไม่อยู่ดังออกมา
“ขอโทษด้วย แต่วิหารเมฆาล่องลอยของพวกเราก็ต้องการสัตว์อสูรระดับห้านี้ด้วย ถ้าพวกเจ้าสามารถเพิ่มราคามากกว่าราคาของพวกเราไ พวกเราก็จะยอมแพ้”
เสียงชราดังออกมาจากห้องของวิหารดาบเมฆาล่องลอย ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นเสียงของรองเจ้าวิหารดาบเมฆาล่องลอย
“ดี…วิหารดาบเมฆาล่องลอย ตระกูลยู่หลันของพวกเราจะจำเรื่องนี้เอาไว้ 70,000 เหรียญม่วง…” ผู้อาวุโสของตระกูลยู่หลันกัดฟันในขณะที่เขาบอกราคาออกไป
ในครั้งนี้ วิหารดาบเมฆาล่องลอยไม่ได้บอกราคาออกมาไป หลังจากรอต่ออีกหลายวินาที เจ้าภาพประมูลก็ยืนขึ้นและพูดออกมาในที่สุด
“สัตว์อสูรระดับห้าจะถูกมอบให้ตระกูลยู่หลันในราคา 70,000 เหรียญม่วง มีใครจะประมูลสูงกว่านี้หรือไม่…”
คนทั้งหมื่นคนในโถงเงียบ หลังจากที่ผู้นำการประมูลไม่ได้ยินเสียงขานราคาเพิ่มในอีกสองสามวินาทีต่อมา เขาก็พูดขึ้นมา “นับหนึ่ง สำหรับ 70,000 เหรียญม่วงสำหรับตระกูลยู่หลัน…”
ภายในห้องของวิหารดาบเมฆาล่องลอย
“ท่านรองเจ้าวิหาร ตระกูลยู่หลันมีอำนาจพอควรในเมืองเมฆาอัคคี แต่วิหารดาบเมฆาล่องลอยของพวกเราก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขาเลย พวกเราไม่ควรจะยอมแพ้ในสัตว์อสูรระดับห้านี้ เมืองฟีนิกซ์อยู่ไม่ไกลจากวิหารดาบเมฆาล่องลอยของพวกเรา และนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก” ชายวัยกลางคนพูดออกมา
“เห้อ…” เมื่อได้ยินแบบนั้น รองเจ้าวิหารก็ถอนหายใจยาวออกมา “พวกเราไม่ได้กลัวตระกูลยู่หลัน แต่สัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้เกินกว่าราคาที่พวกเราจะเอื้อมถึงได้ วิหารดาบเมฆาล่องลอยของพวกเราไม่ได้รวยไปกว่าตระกูลยู่หลัน และถึงพวกเราจะซื้อสัตว์อสูรระดับห้าตัวนี้มาได้ พวกเราก็จะต้องประสบกับปัญหาหนักทางการเงิน ซึ่งมันจะไม่ดีกับพวกเราเท่าไรนัก”
“ถึงแม้จะมีโอกาสที่มากขนาดนี้ พวกเราก็จะยอมแพ้งั้นหรือ?” ชายหนุ่มคร่ำครวญออกมา
“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งมันไป แม้พวกเราจะได้สัตว์อสูรระดับห้ามา มันก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านเจ้าวิหารจะตัดผ่านได้ ถ้าเขาพลาดขึ้นมา นั้นหมายความว่าวิหารดาบเมฆาล่องลอยของพวกเราจะได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งพวกเราจะเสี่ยงไม่ได้” รองเจ้าวิหารพูด
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ได้แต่พยักหน้าเงียบเงียบ การตัดผ่านจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเป็นเซียนปฐพีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้ามันล้มเหลวขึ้นมา คนคนนั้นจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ตายไปเสียดีกว่า
“นับสอง ให้ตระกูลยู่หลันสำหรับ 70,000 เหรียญม่วง ไม่มีใครประมูลแล้วใช่ไหม…?”
“นับสามให้ตระกูลยู่หลันสำหรับ..”
“ช้าก่อน…”