เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1774: เจี้ยนเฉินเข้าแทรกแซง
ตอนที่ 1774: เจี้ยนเฉินเข้าแทรกแซง
“นางฟ้าเฮายู่สร้างร่างกายของนางสำเร็จแล้วหรือ ? ” มีความยินดีวาบผ่านใบหน้าของเจี้ยนเฉินทันทีเมื่อเขามองไปที่ทางเข้า
แต่ในเวลาต่อมา เขาก็ขมวดคิ้วและกลายเป็นจริงจังทันที เขาสามารถเห็นนางฟ้าเฮายู่ที่หลบหนีออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวและเหล่าขั้นเหนือเทพอีกหลายคนที่ไล่ตามนางอย่างอุกอาจ
ใบหน้าเจี้ยนเฉินก็มืดหม่นเช่นกัน เขาจ้องมองไปยังค่ายกลขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเงียบ ๆ และมีความเย็นชาผ่านสายตาของเขา มันเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เยือกเย็น
ค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลนั้นสร้างเสร็จแล้วจากบรรดาผู้บ่มเพาะในระดับต่าง ๆ โดยไม่ต้องดูต้องมีคำสั่งใด ๆ มีเพียงคนที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับค่ายกลที่จะสังเกตเห็นความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน
เป็นผลทำให้แทบไม่มีใครอื่นนอกจากเจี้ยนเฉินค้นพบค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลนอกสุสาน
อย่างไรก็ตามเมื่อนางฟ้าเฮายู่หนีออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งค่ายกลก็เริ่มเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการส่งนางฟ้าเฮายู่ออกไปทันทีที่นางโผล่ออกมา
“อย่าตกใจ ฟังที่ข้าแนะนำ” มีเสียงชายชราดังขึ้นในหัวของเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในค่ายกล มีเพียงผู้อยู่ในจุดค่ายกลเท่านั้นที่ได้ยินเสียง
เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้เปิดเผยที่ยอดเยี่ยมนัก เขาเป็นแค่เพียงขั้นเทพช่วงต้น
เขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรวมตัวกันอยู่นอกสุสานด้วยพลังของเขา บวกกับความธรรมดาของเขาที่ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
ในเวลานั้นขณะนี้ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกาย เขาจ้องมองไปสุสานอย่างกระดือรือร้นและตื่นเต้น เขาคิดในใจว่า “สู้สู้” ยิ่งเจ้าต่อสู้รุนแรงขึ้นเท่าไร มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกเจ้าทุกคนบาดเจ็บ ข้าจะมีความสุขมากเท่านั้น หืมม ทรัพย์สมบัติของราชาเทพต้วนมู่นั้นถูกกำหนดให้เป็นของข้า ไม่มีใครต้องการต่อสู้กับข้าในเรื่องนี้”
ชายหนุ่มยื่นมือขวาของเขาอย่างช้า ๆ เขาถือแผ่นอาคมแปดเหลี่ยมในมือขวาของเขาภายใต้แขนเสื้อที่ปิดบังเอาไว้
เสียงดังกึกก้องจากที่บ้านพักเริ่มรุนแรงยิ่งขึ้นและนางฟ้าเฮายู่มาที่ทางเข้าอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้แม้แต่ขั้นเทพและขั้นศักดิ์สิทธิ์มากมายที่รวมตัวกันด้านนอกทางเข้าก็สามารถเห็นนางได้อย่างชัดเจน
หลายคนเริ่มหนีอย่างรวดเร็วทันทีและถอยห่างจากทางเข้า พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะตายจากลูกหลงระหว่างการต่อสู้กับเหล่าขั้นเหนือเทพอย่างไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามหลายคนเลือกที่จะอยู่ที่เดิม ไม่แปลกใจที่คนเหล่านี้รวมถึงผู้บ่มเพาะใหม่ ๆ หลายคนที่อยู่ในค่ายกลส่งตัว
“เตรียมพร้อม ! ” ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าขณะที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาสื่อสารกับคนในค่ายกล มันใกล้ได้เวลาที่จะเป็นความจริงแล้ว
สุดท้าย ภายใต้สายตาของทุกคน นางฟ้าเฮายู่ที่สวมชุดขาวก็บินมา มีแสงจันทร์รายล้อมนางให้เห็นอย่างชัดเจน
“เปิดใช้งานค่ายกล ! ” ชายหนุ่มธรรมดาตะโกนอยู่ด้านหลังค่ายกลอย่างลับ ๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็โยนแผ่นอาคมแปดเหลี่ยมขึ้นไปบนฟ้า
ทันทีเกิดลำแสงที่ทรงพลังสีขาวพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและค่ายกลส่งตัวขนาดใหญ่ด้านนอกสุสานก็เปิดใช้งาน มันส่องแสงพร้อมกับพลังที่ไหลเวียนอย่างน่ากลัวแผ่ออกมารอบ ๆ ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนแปลงไป
“ค่ายกล นี่คือค่ายกล….”
“มันมีค่ายกลที่ทรงพลังอยู่ด้านนอกสุสาน สวรรค์ ข้าไม่อาจรู้สึกถึงมันได้จริง ๆ แม้ว่าข้าจะยืนอยู่ตรงนี้….”
“นี่เป็นค่ายกลที่อาศัยคนนับหมื่นสร้างขึ้นมา สวรรค์ ช่างสิ้นเปลืองนัก คนที่เปิดใช้ค่ายกลต้องเป็นผูที่เชี่ยวชาญด้านนี้มาก….”
…
ผู้บ่มเพาะหลายคนจ้องมองไปที่ค่ายกลด้วยความตกใจพร้อมกับกรีดร้องอยู่ด้านนอกสุสาน
ในเวลานั้นนางฟ้าเฮายู่ก็ขมวดคิ้ว ขณะที่นางมองไปที่ค่ายกลรอบ ๆ มีความโกรธปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความสลดใจและนางก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “มันเป็นค่ายกลส่งตัวจริง ๆ ดูเหมือนว่าสถานที่ข้าจะถูกส่งไปนั้นถูกกำหนดไว้นานแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าจะถูกทำให้ตกต่ำภายใต้แผนการของมด” นางฟ้าเฮายู่หัวเราะอย่างเยือกเย็น ตอนนี้นางอยู่ท่ามกลางค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกล ในทันที เพียงแค่การเคลื่อนไหวก้าวเดียวของนางก็พุ่งไปด้านนอกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทันใดนั้น แผ่นอาคมแปดเหลี่ยมก็บินออกไปไกล มันส่องแสงสลัว ๆ ขณะที่พลังค่ายกลกระพริบและหมุนรอบ ๆ แผ่นอาคมนั้น
ด้วยเพราะมีแผ่นอาคมทำให้เกิดเป็นมิติที่หนาแน่น มิตินั้นแข็งตัวในระดับที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน มันได้ระงับพลังงานดั้งเดิมที่นั่นและรบกวนพื้นที่มิติต่าง ๆ
นางฟ้าเฮายู่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน นางเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า เมื่อมีพลังลึกลับที่แข็งแกร่งล้อมรอบตัวเอง
สายตาของนางฟ้าเฮายู่เย็นชา แม้ว่านางจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นตระหนก นางยังคงสงบนิ่งเหมือนปกติ อย่างไรก็ตามปราณสีขาวของนางก็ส่องแสงสว่างบริสุทธิ์ราวกับแสงจันทร์ทำให้ดูเหมือนกว่าแสงจันทร์นั้นเป็นพลังปราณของนาง
ความเข้าใจด้านกฏของนางฟ้าเฮายู่ในอดีตของนางท่วมท้นด้วยความลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามนางยังไม่ได้ฟื้นฟูจิตวิญญาณของนางเท่ากับในอดีต ดังนั้นนางจึงไม่อาจใช้พลังของกฏที่เทียบเท่ากับสภาพสุดยอดของนางได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้นางไม่มีตัวเลือก นางพร้อมที่จะเผาผลาญวิญญาณของนางอีกครั้งและใช้พลังจากกฏของขอบเขตตั้นต้น
ในเวลานี้ปราณกระบี่ที่ทรงพลังพุ่งขึ้นฟ้าด้านนอกของค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกล เจี้ยนเฉินผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว ปราณกระบี่แตกออกและกลายเป็นปราณกระบี่เล็กตกลงมาราวกับฝนจากปราณที่เขาควบรวม แม้ว่าปราณกระบี่นั่นจะไม่ทรงพลังนักและไม่อาจทำร้ายเหล่าขั้นเหนือเทพหรือฆ่าขั้นเทพได้ แต่มันก็เป็นอันตรายต่อขั้นศักดิ์สิทธิ์และผู้บ่มเพาะขอบเขตดั้งเดิม
ขั้นเทพและขั้นศักดิ์สิทธิ์เริ่มขับเคลื่อนค่ายกล จากคนหลายหมื่นคนที่ยืนอยู่ในค่ายกล ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม
นางฟ้าเฮายู่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตกใจ เมื่อนางสัมผัสถึงปราณกระบี่ที่ปรากฏตัวขึ้น นางหันไปมองเจี้ยนเฉินและหยุดเผาวิญญาณทันที นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง ๆ ออกมา
เจี้ยนเฉินขึงขังอย่างมากขณะที่จิตสังหารที่เยือกเย็นปรากฏอยู่ในสายตาของเขา ในขณะที่เขาเหยียดนิ้วของเขา ปราณกระบี่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขานับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาผู้คนในค่ายกลทันที ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ขนาดใหญ่
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนฉีกท้องฟ้าขณะที่เหลือเพียงแสงสีขาว จากระยะไกลมันดูราวกับเป็นดั่งน้ำตกที่ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางท้องฟ้า ทำให้เกิดฉากที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก