เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1832 : ผู้บัญชาการเผิง
ตอนที่ 1832 : ผู้บัญชาการเผิง
หัวหน้ายามมองไปที่กองทัพที่มุ่งหน้าเข้ามาด้วยความตะลึงพร้อมกับคิดในใจ “กองทัพเหมือนจะมุ่งหน้ามาที่โรงเตี้ยม แปลก ทำไมกองทัพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้มาที่นี่ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วยากที่จะเคลื่อนไหว ?
เรื่องหยางเทียหนักหนาจนกองทัพศักดิ์สิทธิ์ตื่นตัวเลยรึ ? ข้าได้ยินมากว่าก่อนหน้านี้มีผู้อาวุโสตระกูลหยางมาที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเกียรติและความแข็งแกร่งของตระกูลหยาง แต่สุดท้ายพวกเขาก็พากันกลับออกไป พวกเขาไม่ได้จัดการกับคนที่หาเรื่องพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าตระกูลหยางถอยเพราะพวกเขาได้รับข่าวว่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์จะมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่ตัดแขนหยางเทียถึงยังไม่เป็นอะไร” หัวหนายามแอบพยักหน้ากับตัวเองตอนที่คิดแบบนั้น เขาคิดว่าความคิดนี้น่าเชื่อถือ เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมตระกูลหยางถึงได้ถอยน่าจะเป็นความจริงที่พวกเขารู้ว่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์จะมาเอาตัวชายคนนี้ไป ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะถอยกลับ
แม้ว่าตระกูลหยางจะคือหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจที่สุดในอาณาจักร แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะเทียบกับราชาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองหลวงได้ แม้ว่าจะไม่มีตระกูลไหนที่กล้าหาเรื่องตระกูลหยาง แต่กองทัพศักดิ์สิทธิ์นี้คือข้อยกเว้น
แม้ว่าจะมองข้ามความจริงที่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกองทัพนี้คือราชาศักดิ์สิทธิ์ แต่แค่ความแข็งแกร่งของตัวกองทัพเองก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลหยางเลย
ในเวลาเดียวกันกองทัพเองก็มีขั้นเหนือเทพช่วงปลายเป็นผู้บัญชาการด้วย
หากมีคนถามว่าจะมีใครที่สามารถรับมือกับตระกูลหยางในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนได้หรือไม่ งั้นกองทัพศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือหนึ่งในนั้น
แต่หัวหน้ายามก็ส่ายหน้าหลังจากที่คิดสักพัก “ไม่ กองทัพศักดิ์สิทธิ์และตระกูลหยางไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย ทำไมพวกเขาถึงต้องมาเข้าข้างตระกูลหยางเพราะแขนนายน้อยขาด ? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ? มันอาจไม่ได้ซับซ้อนแบบที่ข้าคิด กองทัพคงแค่ผ่านมาใช่หรือไม่ ? ”
เสียงฝีเท้าของม้าดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ชัดแล้วว่ามีคนแค่ 100 คนมาที่นี่แต่มันเป็นเสียงที่ราวกับเสียงการเดินหน้าของกองทัพทั้งกอง ที่สำคัญที่สุดคือการเคลื่อนไหวของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผลก็คือทุกครั้งที่กีบเท้าม้าเหยียบลงที่พื้น มันจะทำให้เกิดเสียงดังสนั่นและทำให้พื้นสั่นไหว
กลุ่มทหารจากกองทัพเข้ามาถึงโรงเตี้ยมอย่างรวดเร็ว ทุกคนบนท้องถนนพากันเปิดเส้นทางให้โดยที่ไม่ต้องให้กองทัพเตือน แม้แต่หัวหน้ายามเองก็ไปยืนหลบอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
ปกติแล้วเขาจะทำตัวหยิ่งยะโส แต่ต่อหน้ากองทัพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาได้แต่ต้องก้มหน้าอย่างเชื่อฟัง เขาไม่ได้อาจหาญพอที่จะสั่งคนรอบ ๆ ทหารพวกนี้ต่างกับยามของเขาไปคนละระดับ
แต่ตอนที่หัวหน้ายามเชื่อว่ากองทัพศักดิ์สิทธิ์แค่ผ่านมา ทั้งกองทัพกลับดึงบังเหียนในทันที ม้าทุกตัวยกเท้าหน้าขึ้นพร้อมกับกรีดร้องออกมาก่อนที่เท้าหน้าจะกระทืบลงกับพื้นอย่างแรง
ทันใดนั้นก็มีคลื่นกระแทกที่มองเห็นด้วยตาเปล่าขยายตัวไปทุกทิศทาง มันทำให้คนรอบ ๆ ต้องเซ หลายคนถึงกับล้มลงไปกับพื้น
ยังไงซะมันก็มีม้าโตเต็มวัยกว่าร้อยตัวซึ่งเท่ากับนักสู้ขั้นศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยคน !
รั่วรั่ว คนเดียวกับที่ เจี้ยนเฉิน ได้เจอในศาลากระบี่แท้จริงตอนนี้ยืนอยู่กับยามในหมู่ผู้คน นางมองมาที่กองทัพม้าที่ยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบด้านนอกโรงเตี้ยมด้วยความสงสัย
“ แปลก เหตุใดกองทัพถึงได้มาที่นี่ ? ” รั่วรั่วสงสัย
“คุณหนู ข้าได้ยินมาว่าแขนของหยางเทียโดนบางคนตัดในโรงเตี้ยม บางทีกองทัพอาจจะมาเพราะเรื่องนี้รึไม่ ? ” ผู้คุ้มกันหนึ่งด้านหลังรั่วรั่วพูดขึ้นมา เสียงของนางไพเราะและน่าฟังซึ่งชัดแล้วว่านางเป็นผู้หญิง
มันง่ายที่จะเดาหน้าตาจากน้ำเสียงนั้น
ยิ่งกว่านั้นเมื่อมองไปที่รูปร่างของผู้คุ้มกันคนอื่นแล้ว พวกเขาต่างก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน
“คุณหนู ในความเห็นข้าแล้วคนที่ตัดแขนของหยางเทีย ดูเหมือนว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ซื้อกระบี่สายรุ้งมาในศาลากระบี่แท้จริง แต่ไม่ใช่ว่าเขากล้าดีไปหน่อยรึไง ? เขาถึงกับหาเรื่องตระกูลหยาง” ผู้คุ้มกันอีกคนพูดขึ้นมา
“คุณหนู ชายหนุ่มคนนั้นกระทำสิ่งชั่วร้ายแต่เขาก็ยังมีความถูกต้องในตัว ข้าไม่ได้แข็งแกร่งแต่ข้าได้เห็นคนนับไม่ถ้วนในโลกนี้มาแล้ว หากข้าคิดถูกแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นคงจะเป็นคนที่มีเกียรติหรือไม่ก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ คุณหนู ช่วยชายคนนี้ด้วยเถอะ ยังไงซะเรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะหยางเทีย” ผู้คุ้มกันอีกคนพูดขึ้น นางเหมือนจะอ้อนวอนรั่วรั่ว
รั่วรั่วยังคงเงียบ นางยังคงจับจ้องไปที่โรงเตี้ยม
คนตรงหน้ากองทัพได้ลงจากม้า เขาสวมเกราะสีแดง เขาได้บอกกับคนด้านหลังเขา “หัวหน้ากองลู่ หัวหน้ากองชู มากับข้า, คนที่เหลือประจำตำแหน่ง ! ”
“ ขอรับ ! ” ทหารคนอื่น ๆ ตอบกลับ
เมื่อได้ยินเสียงหัวหน้าของทหารที่คุ้นเคย ตาของหัวหน้ายามก็เบิกกว้างทันที สายตาเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและคิด “ มะ มะไม่ใช่เสียงของผู้บัญชาการเผิงหรอกหรือ ? เป็นไปได้อย่างไร ? ผู้บัญชาการเผิงมาที่นี่ด้วยตัวเองพร้อมกับหัวหน้ากอง 2 คนหรือ ? ทะ ทำไมผู้บัญชาการถึงได้มากับหัวหน้ากอง 2 คนได้กัน ? ”
แม้ว่าจะตะลึงและสงสัยแต่หัวหน้ายามก็ไม่กล้ารีรอ เขาได้วิ่งขึ้นไปยืนตรงหน้าผู้บัญชาการเผิงที่ใส่เกราะเต็มตัวเหลือแต่ตา หัวหน้ายามยิ้มและโค้งให้กับผู้บัญชาการเผิง ก่อนจะพูดด้วยท่าทีสุภาพ
เขารู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้ายามในเมืองหลวง แต่มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรต่อหน้าผู้บัญชาการของกองทัพศักดิ์สิทธิ์
นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้บัญชาการคนนี้คือ ผู้บัญชาการเผิง !
แต่ผู้บัญชาการเผิงไม่ได้สนใจหัวหน้ายาม หลังจากที่มองไปที่อีกฝ่ายด้วยความเย็นชา เขาก็ได้เข้าไปในโรงเตี้ยมกับหัวหน้ากองทั้งสองคน
หัวหน้ายามไม่ได้โกรธ เขายิ้มให้กับทหารในกองทัพด้วยความชื่นชมและอิจฉา หลังจากนั้นเขาก็วิ่งตามหลังผู้บัญชาการเผิงไป
“คุณหนู กองทัพศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปจับกุมชายคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่นำทัพมาคือผู้บัญชาการเผิง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่ต่ำกว่าขั้นเหนือเทพภายในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นี้ มันมีข่าวลือว่าผู้บัญชาการเผิงนั้นเป็นเพียงขั้นเทพ มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเป็นศัตรูกับคนผู้นั้น” ผู้คุ้มกันที่ขอให้รั่วรั่วช่วยเจี้ยนเฉินได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนู ทำไมเราถึงไม่ช่วยเขา ? ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนชั่ว ยิ่งกว่านั้นเราได้ทำผิดพลาดกับเขาในศาลากระบี่แท้จริงเช่นกัน เราคิดว่าเขาบอกว่าจะซื้อกระบี่ระดับสูงสุดหรือระดับสูงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่าน แต่เราไม่คิดว่าเขาจะซื้อมันมาจริง ๆ ” ผู้คุ้มกันอีกคนพูดขึ้นมา นางเองก็กระอักกระอ่วนกับการที่เจี้ยนเฉินจะโดนกองทัพจับตัวไป
เมื่อเขาโดนกองทัพจับตัวไป เขาก็ต้องลำบากแม้ว่าจะมาจากตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพก็ตาม
ด้วยคำเกลี้ยกล่อมจากผู้คุ้มกันหลายคน สุดท้ายรั่วรั่วก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ก็ได้ เข้าไปดูข้างในกันเถอะ “