เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1836 : ท่าทีของตระกูลหยาง
ตอนที่ 1836 : ท่าทีของตระกูลหยาง
ความสวยความงามกับการซื้อของเป็นของคู่กันกับผู้หญิงแทบทุกคน น้อยคนนักที่จะไม่เป็นแบบนั้น โม่หยาน และซีหยูก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น แม้แต่ขั้นเทพอย่างซีหยูที่ถือว่าเป็นคนมีฝีมือในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนก็ไม่อาจจะต้านทานความชื่นชอบของสวยความงามและการซื้อของได้
ซีหยูและโม่หยานสนุกกันอย่างมากในเมืองหลวง พวกนางซื้อของราวกับบ้าคลั่ง พวกนางซื้อของทุกอย่างที่ต้องตา พวกนางใช้เงินไปราวกับว่ามันไม่มีค่า
แต่ซีหยูนั้นใช้เงินแบบนี้ได้ด้วยเงินของเองและฐานะที่เป็นขั้นเทพของนาง
“พี่ซีหยู มันก็อีกสามวันกว่าจะมีการประมูล มันต้องมีคนเยอะแน่ ๆ ไปดูกันว่าจะจัดกันเมื่อไหร่” โม่หยานบอกกับซีหยูด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
ซีหยูพยักหน้า “ของที่น่าสนใจน่าจะมีในงานประมูล ดูกันว่าจะจัดกันเมื่อไหร่ หวังว่าเราจะหาวัสดุขั้นสูงสุดที่หัวหน้าตระกูลสั่งให้เราตามหาได้”
วัสดุขั้นสูงสุดที่ซีหยูพูดถึงคือสำหรับการหลอมกระบี่คู่ของเจี้ยนเฉิน ตอนที่เขาออกจากตระกูลเทียนหยวนมา เขาได้เขียนรายชื่อวัสดุที่ต้องการในการหลอมกระบี่คู่ ด้วยความช่วยเหลือจากจิตกระบี่ เขาก็ได้บันทึกคุณสมบัติและวิธีการสร้างมันเพื่อให้คนในตระกูลหามันมาให้เขาได้
โชคร้ายที่ของทั้งหมดที่เจี้ยนเฉินต้องการนั้นเป็นของระดับสูงสุดซึ่งทำให้ยากที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนจะหาได้ ผลก็คือพวกเขายังหาอะไรไม่เจอเลย เจี้ยนเฉินได้แต่หินเกล็ดม่วงและหินสายฟ้าลึกซึ้งมาจากแหวนมิติของราชาเทพต้วนมู่
ตระกูลหยางมีคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ใจกลางเมือง ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากคฤหาสน์นั้น ทุกคนห้ามเข้าไปในส่วนนี้นอกจากสมาชิกตระกูลหยาง
มันมีการถกเถียงกันในห้องโถงภายในคฤหาสน์ บรรยากาศนั้นน่าอึดอัดอย่างมาก ไม่ใช่แค่หัวหน้าตระกูลหยางที่นั่งนิ่งบนบัลลังก์หัวหน้าตระกูล แต่มันก็มีขั้นเทพทั้งชายและหญิงกว่า 20 คนนั่งอยู่ด้านล่าง พวกเขาต่างก็เป็นขั้นเทพและทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
ใจกลางห้องโถงนั้นมีนายน้อยตระกูลหยาง หยางเทีย ยืนอยู่ด้วยชุดที่เปื้อนเลือด แขนข้างหนึ่งของเขาหายไป ไหล่ของเขาฉีกขาดจนทำให้สีหน้าเขาบิดเบี้ยวไปมาตลอดด้วยความเจ็บปวด
“ท่านพ่อ นั่นคือทุกอย่างที่เกิดขึ้น ชายคนนั้นทำเกินไป เขาหาเรื่องตระกูลหยางของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตระกูลหยางของเราคือหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะให้คนอื่นมาดูถูกเรามากเช่นนี้ได้ยังไง ? ” หยางเทียบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากที่ปรับเปลี่ยนบางส่วนไปบ้าง เขารู้สึกเกลียดชังเจี้ยนเฉินอย่างมาก
ขั้นเทพที่นั่งอยู่ทางซ้ายของหัวหน้าตระกูลหงุดหงิดหลังจากที่หยางเทียเล่าจบ “ฮึ่ม พวกนั้นโกหก มันมีผู้อาวุโส 4 คนแต่เขาก็ยังฆ่าหนึ่งในนั้นได้อย่างง่ายดาย มีแค่ขั้นเหนือเทพที่ทำแบบนั้นได้ เจ้าคิดว่าขั้นเหนือเทพเป็นใครกัน ? ทำไมพวกเขาต้องมาลดตัวรังแกคนแบบเจ้าด้วย ? ในความเห็นข้าแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า”
“หยางเทีย เจ้าเข้าใจรึไม่ว่าเจ้าก่อปัญหามากแค่ไหน ? เพราะเจ้า ไม่ใช่แค่เราเสียผู้อาวุโสคนหนึ่งไป แต่เรายังไปล่วงเกินขั้นเหนือเทพด้วย เจ้าไม่อาจจะไปหาเรื่องขั้นเหนือเทพโดยไม่มีเหตุผลได้ หากเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับตระกูลในไม่ช้า”
คนที่กล้าพูดขัดหยางเทียต่อหน้าหัวหน้าตระกูลกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คือสมาชิกระดับสูงของตระกูล เขาคือพี่ชายของหัวหน้าตระกูลตอนนี้ หยางเหลียนซิน เขาแพ้ระหว่างสู้แย่งชิงตำแหน่งในอดีตซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมน้องชายเขาถึงได้เป็นหัวหน้าตระกูลในตอนนี้
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลแต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจมากเท่ากับหัวหน้าตระกูลเพราะความต่างในด้านระบบของตระกูลหยาง เขายังอยากได้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะแย่งมันมาจากน้องชาย
ผู้อาวุโสหลายคนพูดสนับสนุนคำพูดของหยางเหลียนซิน พวกเขาต่างก็พากันเห็นด้วย
สีหน้าของหัวหน้าตระกูลบิดเบี้ยวไป เขาได้ตะโกนออกมาว่า “พอแล้ว เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาถกเถียงเรื่องนี้กันต่อ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเทียเอ๋อจริง ๆ แต่ขั้นเหนือเทพก็แค่ต้องลงโทษเพียงเล็กน้อย กลับกันแล้วเขาได้ฆ่าผู้อาวุโสของตระกูลเรา ฮึ่ม ผู้อาวุโสของเราไม่อาจจะโดนฆ่าแบบนี้ได้ หากเราไม่ได้คำอธิบายที่เหมาะสม เราจะเดินเชิดหน้าในเมืองหลวงในอนาคตอีกหรือ ? ”
“ฮึ่ม หยางเอ้าหราน เจ้าคิดจะทำเกินตัวด้วยการแก้แค้นขั้นเหนือเทพงั้นรึ ? มันไม่ใช่ว่าข้าในฐานะพี่จะไม่เชื่อเจ้า แต่เจ้าไม่ได้มีพลังเช่นนั้น ฟังข้าไว้เถอะ อย่ารบกวนบรรพชนเลย” หยางเหลียนซินฮึดฮัดออกมา เขาแอบดีใจเพราะความผิดของหยางเทีย ทำให้เขามีหวังแย่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมาได้
นี่เพราะไม่ว่าหยางเอ้าหรานจะมีท่าทียังไงกับเรื่องนี้ แต่ความผิดก็คือความผิด ถ้าเขายังคิดไล่ตามเรื่องนี้ต่อ เขาอาจจะไปคุกคามขั้นเหนือเทพ แม้ว่าตระกูลหยางจะไม่ได้กลัวขั้นเหนือเทพส่วนมากด้วยพลังที่มี แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะไปล่วงเกินขั้นเหนือเทพได้ตามใจ แม้แต่ขั้นเหนือเทพช่วงต้นก็ตาม
แม้ว่าพวกเขาจะล่วงเกินขั้นเหนือเทพไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องคิดว่าการไล่ตามเรื่องนี้ต่อนั้นคุ้มค่ารึไม่
แต่ถ้าพวกเขาไม่ไล่ตามเรื่องนี้ต่อ สถานะของตระกูลหยางก็จะตกต่ำลง มันอาจจะมีคนที่ประสงค์ร้ายที่ใช้เรื่องนี้สร้างภาพลักษณ์แย่ ๆ ให้กับตระกูลหยาง ในฐานะหัวหน้าตระกูลแล้ว หยางเอ้าหรานคงต้องตอบโต้ไปตามตรง หยางเอ้าหรานสงสัยว่าพี่ชายนั้นหมายตาตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไว้ เขามองไปที่หยางเหลียนซินและพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ท่านพี่ เจ้าคิดว่าทำไมเจ้าถึงเป็นหัวหน้าตระกูลไม่ได้ ? มันเพราะเจ้าไม่เข้าใจบรรพชนเลยแม้แต่น้อย หากเจ้าเข้าใจเขาสักนิด แม้แต่เล็กน้อยก็ตาม ตำแหน่งนี้คงตกเป็นของเจ้าไม่ใช่ของข้า”
หยางเหลียนซินแปลกใจเพราะคำพูดนี้ เขาคิด “เหตุผลว่าทำไม หยางเอ้าหราน ถึงได้ไล่ตามเรื่องนี้ต่อเพราะเขาเข้าใจบรรพชนงั้นรึ ? เขามั่นใจว่าบรรพชนจะช่วยเขางั้นรึ ? ”
“สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับขั้นเหนือเทพคนนี้ เมื่อบรรพชนออกมา ให้เขาตัดสินใจทั้งหมด” หยางเอ้าหรานสั่งการไปทันที เขาไม่คิดจะโทษหยางเทีย และมันก็ชัดแล้วว่าเขาตามใจหยางเทียมากแค่ไหน