เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1861: ผลประโยชน์
ตอนที่ 1861: ผลประโยชน์
“เจ้าต้องการใช้ชีวิตของตระกูลครัวหลิงของเจ้าเพื่อแลกกับชีวิตหลายล้านในเมืองหลักหรือ ? ฮ่าฮ่า ฝันไปเถอะ” ผู้บัญชาการหลิวชานยืนบนเมฆดำและหัวเราะอย่างดุเดือด ดวงตาเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งกระหายเลือด เขายื่นมือออกมา และเส้นด้ายอีกหลายเส้นแยกตัวออกทันทีจากตาข่ายสีดำที่ล้อมรอบทั้งเมืองหลัก มันทำให้ผู้บ่มเพาะหลายสิบคนบาดเจ็บ
“หลิงโม่เจียน ข้าจะย้ำอีกครั้ง หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในเมือง ให้ไปลากคอหลิงเฮ่ากงออกมาทันที ข้าไม่มีเวลามากที่จะเสียเปล่ากับเจ้า ข้าจะฆ่าคนเป็นกลุ่มในทุก ๆ วันที่ผ่านไป ข้าจะทำเช่นนั้นจนกว่าหลิงเฮ่ากงจะปรากฏตัว” หลิวชานกล่าวอย่างเยือกเย็น เขากำมือ และด้ายสีดำก็แน่นขึ้นทันที มันเหมือนกับมีด มันตัดคนที่ติดอยู่ข้างในด้ายจนเป็นชิ้น ๆ
ผู้บ่มเพาะทุกคนร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ร่างกายของพวกเขาแตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ขณะที่เลือดย้อมถนน แม้แต่วิญญาณของพวกเขาก็ล้มเหลวในการหลบหนี เนื่องจากเส้นด้ายสีดำตัดร่างของพวกเขาเป็นชิ้น ๆ
ทุกคนในตระกูลหลิงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ หัวใจของพวกเขารู้สึกหนักอึ้งมาก
ตระกูลหลิงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่มีขั้นเหนือเทพ ด้วยมุมมองของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด พวกเขาจึงดำรงอยู่ที่จุดสูงสุด แต่เมื่อประชันหน้ากับขั้นเหนือเทพทั้งสามจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า พวกเขาไม่มีความสำคัญอันใดเลย พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ พวกเขากลายเป็นเป้านิ่ง
ผู้คนในตระกูลหลิงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นทรงพลังเกินไป
“จิตใจของเจ้าไม่เจ็บปวดบ้างเลยหรือ ? มันก็ยุติธรรมพอแล้ว คนที่ข้าสังหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิงของเจ้า ไม่ว่าข้าจะสังหารพวกเขาไปกี่คน มันจะไม่ทำร้ายจิตใจของเจ้าเลย หากเป็นเช่นนี้…”
หลิวชานมองผู้คนที่ซ่อนตัวในค่ายกล เขายิ้มอย่างเย็นชา และกระบี่สีดำก็ปรากฎในมือของเขา เขาเหวี่ยงมันเข้าไปที่ค่ายกลโดยตรง
การโจมตีเต็มไปด้วยพลังปีศาจ มันทำให้เมฆปีศาจหนาทึบบนท้องฟ้าปั่นป่วน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่ ดังนั้นเมื่อหลิวชานเหวี่ยงกระบี่ลงมา มันก็สั่นอย่างรุนแรง กระบี่สีดำควบแน่นจากกลุ่มเมฆโผล่ออกมาจากแสงมืด เคลื่อนไหวออกไป มันตกลงบนม่านพลังป้องกันของตระกูลหลิงด้วยพลังทำลายล้าง
ปัง !
นี่เป็นพลังโจมตีจากขั้นเหนือเทพช่วงกลาง มันทรงพลังมากจนเกินจินตนาการของผู้คนในแคว้น ค่ายกลป้องกันของตระกูลหลิงแตกเป็นเสี่ยง ๆ
พลังงานอันแข็งแกร่งแผ่ออกมา ทำให้อาคารบ้านเรือนทั้งหมดของตระกูลหลิงพังลงมาเป็นซากปรักหักพัง ผู้คนนับไม่ถ้วนกระอักเลือดออกมาขณะเดียวกันใบหน้าของแต่ละคนก็ซีดเซียว
คนรับใช้ที่อ่อนแอกว่าสูญเสียชีวิตโดยตรงภายใต้คลื่นพลังงานอันทรงพลัง
“ข้าจะฆ่าผู้คนในตระกูลหลิง ข้าจะฆ่าวันละคนทุกวันจนกว่าหลิงเฮ่ากงจะปรากฏตัว” หลิวชานกล่าว เขาปรากฏตัวต่อหน้าขั้นเทพของตระกูลราวกับว่าเขาหายตัวไปและใช้ฝ่ามือฟาดศีรษะของชายคนนั้นเป็นแหลกเป็นชิ้น ๆ ทำลายวิญญาณของเขาไปในพริบตา
ผู้อาวุโสของตระกูลหลิงเสียชีวิตอย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ ? !
……..
เรื่องราวของขั้นเหนือเทพทั้งสามที่โจมตีแคว้นค้นกระบี่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับพายุ ไม่นานนัก ข่าวนี้ได้แพร่หลายไปทั่วทั้งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนและมันยังไปไกลกว่านั้น มันทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ที่ชั้นเก้าของหอตำราหลวงในพระราชวังของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน
เจี้ยนเฉินกำลังนั่งอยู่บนพื้น เขาถือม้วนบันทึกโบราณ เขากำลังอ่านมันอย่างตั้งใจ เขาอุทิศความสนใจทั้งหมดของเขาให้กับมัน
นี่คือบันทึกเกี่ยวกับการบ่มเพาะและความเข้าใจในกฎของกระบี่ที่ทิ้งไว้โดยราชาเทพผู้ซึ่งเข้าใจกฎเดียวกันกับเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินถูกม้วนบันทึกโบราณดึงดูด เขาไม่สามารถต้านทานแรงกระตุ้นของเขาได้เลย
เจี้ยนเฉินหลับตาหลังจากอ่านเนื้อหาของม้วนบันทึก เขาทำความเข้าใจเนื้อหาของม้วนบันทึกอย่างจริงจัง
แสงสีเงินจาง ๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะกระพริบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาหลับตา เขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยแสงสว่าง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง มันทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้า
ปราณกระบี่ขนาดเล็กปรากฏขึ้นรอบเจี้ยนเฉิน ทุกเส้นเต็มไปด้วยสติปัญญา พวกมันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และไร้ที่ติหมุนรอบเจี้ยนเฉินช้า ๆ
เห็นได้ชัดว่าม้วนบันทึกที่ราชาเทพทิ้งไว้นั้นค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับเจี้ยนเฉินอย่างมาก
หลายชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินก็ลืมตาของเขาอย่างช้า ๆ ความเข้าใจอย่างง่ายดายปรากฏในสายตาของเขา
“ราชาเทพช่วงปลายอาจเขียนม้วนบันทึกโบราณนี้ขึ้นมา” เจี้ยนเฉินพูดกับตัวเองเบา ๆ เขาวางม้วนบันทึกโบราณกลับไปที่เดิมอย่างระมัดระวัง วางมันลงกลับไปยังจุดที่เขาหยิบมา หลังจากนั้นเขาจึงอ่านม้วนบันทึกและหนังสือเล่มอื่นต่อ
เจี้ยนเฉินยังคงอยู่บนชั้นเก้าเป็นเวลา 7 วัน ในช่วงเวลานั้นเขาอ่านหนังสือและม้วนบันทึกที่นั่น เขากำลังจะออกไป
“อืม ? ” ทันใดนั้นดวงตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่แคบลง เขาค้นพบกล่องโลหะที่ไม่เด่นนักที่มุมหนึ่งของชั้นเก้า หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาหันเหลียวไปมอง เขาอาจพลาดมันไป
เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อย ในท้ายที่สุด เขายังคงเดินไปเปิดมัน เขาค้นพบหนังสือโบราณเล่มหนาข้างในรวมถึงไข่มุกขนาดนิ้วหัวแม่มือ
“รวมวิธีการหลอม ! ”
ประโยคที่ทรงพลังถูกเขียนไว้บนหน้าปกของหนังสือ
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเมื่อเห็นคำทั้งสี่ เขาต้องหลอมกระบี่คู่ในอนาคตด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตะลุยหาอาวุธหลอม
เนื่องจากความจริงที่ว่ากระบี่ที่เขาหลอมขึ้นในทวีปเทียนหยวนนั้นไม่ได้มีระดับสูงมากนักและจิตวิญญาณกระบี่อยู่ที่นั่นเพื่อชี้แนะเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ระดับของกระบี่ที่เขาต้องการหลอมจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาจะต้องมีความชำนาญในระดับหนึ่งเพื่อทำการหลอมกระบี่คู่ให้เป็นวัตถุเทพ
แม้ว่าเขาจะสามารถหาคนอื่นมาหลอมอาวุธให้เขาได้ แต่เขาจะทำเช่นนั้นกับสิ่งที่สำคัญเช่นกระบี่คู่ได้อย่างไร ?
“ไข่มุกเม็ดนี้คงเป็นไข่มุกแห่งความทรงจำ ซวนเตาพูดถึงของประเภทนี้ ไข่มุกแห่งความทรงจำมีความเหนียวและทำลายยากมาก โดยปกติแล้วมันเคยบันทึกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ข้าสามารถหาได้ในหนังสือหรือม้วนบันทึก”
“จากข้อมูลของซวนเตา ไข่มุกแห่งความทรงจำนั้นหายากมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่ปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถครอบครองมันได้ มันไม่ควรมีอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน” เจี้ยนเฉินมองดูไข่มุกอีกครั้ง เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
โชคดีที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับไข่มุกแห่งความจำจากซวนเตามามากพอ เขารู้วิธีใช้งาน
เจี้ยนเฉินปล่อยสัมผัสทางจิตของเขา นำมันไปสู่ไข่มุกแห่งความทรงจำอย่างช้า ๆ เมื่อสัมผัสกับไข่มุกแห่งความทรงจำ แรงดึงดูดปรากฏขึ้นทันทีโดยไม่มีที่มา มันดูดสัมผัสของเขาไปทันที
“ค่ายกลส่งตัว ! ”
ข้อมูลจำนวนมหาศาลถูกนำเสนอต่อหน้าเจี้ยนเฉินเมื่อสัมผัสของเขาเข้าสู่มุกแห่งความทรงจำ เจี้ยนเฉินยินดีเป็นอย่างมาก ข้อมูลที่บันทึกไว้ในมุกแห่งความจำได้ให้รายละเอียดวิธีการสร้างค่ายกลส่งตัว
ค่ายกลส่งตัวมีทั้งระดับต่ำและระดับสูง ค่ายกลระดับต่ำสามารถนำพาผู้คนในระยะทางสั้น ๆ เท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม ค่ายกลส่งตัวระดับสูงสามารถส่งผ่านผู้คนไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมากได้ ด้วยตัวอย่างของที่ราบเมฆาขนาดมหึมา การพาผู้คนจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือโดยตรงจะไม่มีปัญหา
ไม่ต้องเอ่ยถึงการเคลื่อนย้ายส่งตัวระหว่างภูมิภาค แต่แม้กระทั่งการส่งตัวทางไกลระหว่างที่ราบเมฆากับโลกก็เป็นไปได้ มันจะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลที่สร้างมันต้องมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎของค่ายกล
“ค่ายกลส่งตัว ฮ่า ๆ ๆ ๆ, ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ละเอียดอย่างค่ายกลส่งตัวที่นี่ ข้าพบมันที่นี่จริง ๆ ! โชคเข้าข้างข้า ! ” เจี้ยนเฉินหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาถือไข่มุกแห่งความทรงจำ เขาตื่นเต้นมาก
นับตั้งแต่เจี้ยนเฉินมาถึงโลกเซียน เขาไม่เคยรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นเพราะข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลส่งตัวผูกติดอยู่กับสิ่งต่าง ๆ มากมายสำหรับเขา มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา เพราะมันเกี่ยวข้องกับความหวังของเขาที่จะนำเขากลับบ้าน