เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1892: ไคยะเปลี่ยนไป
ตอนที่ 1892: ไคยะเปลี่ยนไป
ซางกวนมู่เอ๋อค่อยๆเดินออกมาจากห้องของนางในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลเทียนหยวน ชุดสีม่วงของนางขับเน้นรูปร่างที่งดงาม ในขณะที่ผมสีดำปลิวไสวไปด้านหลัง ดวงตาที่มีเสน่ห์ของนางเผยประกายสดใส
เห็นได้ชัดว่านางไม่อาจปิดปังตัวตนของนางได้อีก เมื่อนางเดินออกมาจากห้อง ความกดดันของขั้นเหนือเทพก็แผ่ออกมาจากตัวนาง บางครั้งพลังกดดันก็กระพือออกมาจากร่างกายทำให้เสื้อผ้าและเส้นผมโบกสะบัดแม้ว่าจะไม่มีลม
เมื่อรวมเข้ากับการปรากฏตัวของนาง มันดูราวกับว่านางเป็นหญิงสาวอมตะที่ไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์
ผู้คนของตระกูลเทียนหยวนเข้ามาแสดงความยินดีกับนาง แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังรีบร้อนเข้ามาด้วยตัวเอง
ตระกูลเทียนหยวนมีเหนือเทพอีกคนแล้ว นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับตระกูลเทียนหยวนและมีความสำคัญยิ่ง
หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกคนต่างก็แยกย้ายออกไปเหลือไว้เพียงแค่เจี้ยนเฉินและซางกวนมู่เอ๋อเท่านั้น
เจี้ยนเฉินและซางกวนมู่เอ๋อจับมือกันและเดินออกจากพื้นที่ต้องห้าม พวกเขาเดินเล่นไปรอบ ๆ อย่างสบายใจในสวนที่สวยงามและมีกลิ่นหอมของดอกไม้ ขณะที่พูดกันอย่างกระซิบกระซาบ พวกเขายิ้มน้อย ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องเฉพาะที่สามีและภรรยาเท่านั้นที่รู้ พวกเขายังได้พูดคุยกับการคุกคามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าพร้อมกับทิศทางในอนาคตของตระกูล
“เจี้ยนเฉิน อย่ากัดมากกว่าเคี้ยว ในเมื่อเราไม่สามารถหยุดลัทธิปีศาจชั้นฟ้าได้ งั้นเราก็หนีไปพร้อมกับพวกของเรา” ซางกวนมู่เอ๋อพยายามที่จะปลอบใจเจี้ยนเฉิน นางพูดอย่างกังวล นางเข้าใจว่าเจี้ยนเฉินไม่เต็มใจที่จะนำตระกูลเทียนหยวนเป็นแนวร่วมผ่านการหารือ
การก่อตั้งในแคว้นตงอันนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อตระกูล มันอธิบายได้ว่ามันเป็นดินแดนของบรรพบุรุษ
ท้ายที่สุดพวกเขาก็มาจากโลกที่ต่ำกว่าและปรากฏตัวในแคว้นตงอัน ดังนั้นการที่เจี้ยนเฉินจึงอยากจะอยู่ที่นี่ มันก็เป็นเรื่องปกติ
“ข้ายังไม่ต้องการยอมแพ้จนกว่าวินาทีสุดท้าย แม้ว่าข้าจะได้เลือกจักรวรรดิจันทราสวรรค์เป็นเป้าในการล่าถอย แต่ตระกูลเทียนหยวนก็ไม่อาจอยู่ได้อย่างสงบในแคว้นตงอัน” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น
ดวงตาที่งดงามของซางกวนมู่เอ๋อจ้องเข้าไปในดวงตาของเจี้ยนเฉินและพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้ากังวลเกี่ยวกับสำนักจิตวิญญาณปฐพีในจักรวรรดิจันทราสวรรค์ ? ”
“สำนักจิตวิญญาณปฐพีเป็นหนึ่งในสองสำนักที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ แม้แต่เชื้อพระวงศ์ของจักรสวรรดิก็ยังต้องให้ความเคารพพวกเขา หลายคนเชื่อว่าสำนักจิตวิญญาณปฐพีจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเป็นอย่างน้อย” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว “ถ้าข้าไปคนเดียวคงไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ข้ามีตระกูลอยู่ด้านหลังด้วย หากเจ้าไปที่จักรวรรดิจันทราสวรรค์ สำนักจิตวิญญาณปฐพีคงทำให้เจ้าลำบากเป็นอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา เราไม่อาจต้านพวกเขาได้เลย”
“เจี้ยนเฉิน เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เรากลายเป็นศัตรูกับสำนักจิตวิญญาณปฐพีอย่างแท้จริง เจ้าจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตตั้งต้นและไม่ต้องกลัวพวกเขาอีก มันเป็นไปได้ที่ข้าคงจะยังไปไม่ถึงขั้นนั้นในเวลานั้น” ซางกวนมู่เอ๋อกล่าว
หลังจากนั้นพิณปีศาจร่ำไห้ก็ปรากฏในเมือซางกวนมู่เอ๋อ นางจ้องมองด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและพูดว่า “ที่นี่น่าทึ่งมาก แม้พลังของข้าในระดับเหนือเทพจะยังไม่มั่นคง แต่เมื่อใดที่ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้นข้าก็จะสามารถเรียนรู้วิถีการบ่มเพาะในระดับต่อไปด้วยพิณนี้ จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่มีวิถีการบ่มเพาะที่จะทำให้ข้าเลื่อนขั้นเป็นราชาเทพได้ หากข้ามีเวลาพอ ข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถขับไล่สำนักจิตวิญญาณปฐพีได้”
เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ เขาตรวจสอบพิณปีศาจร่ำไห้อย่างใกล้ชิดและพูดอย่างหนักแน่นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “พิณอันนี้พิเศษจริง ๆ ข้าไม่อาจเพิ่มระดับมันได้ แต่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่วัตถุเซียน เป็นไปได้มากที่มันจะเป็นวัตถุเทพ” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วอีกครั้งหลังจากนั้น”แต่ถ้าเป็นวัตถุเทพ ข้าก็ยังไม่รู้สึกถึงความพิเศษที่เกี่ยวกับวัตถุเทพเลย”
“ข้าขอดูพิณนี้ได้หรือไม่ ? ” ในเวลานั้นไคยะในชุดสีน้ำเงินก็เดินมาจากระยะไกล นางมองดูพิณ
“ไคยะ เจ้าฟื้นแล้ว ? ” ซางกวนมู่เอ๋อตกใจมากขณะที่นางพูดอย่างประหลาดใจ พวกเขาทั้งหมดเข้าใจว่าเจี้ยนเฉินได้นำไคยะที่หมดสติมาที่โลกเซียนพร้อมกับโลงผลึก
ไคยะมาถึงซางกวนมู่เอ๋อและจ้องมองพิณอยู่ครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเบา ๆ และพูดว่า “ด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้ารู้สึกว่าคุ้นเคยกับมันเล็กน้อย”
ไคยะขมวดคิ้วขณะคิด แต่หลังจากนั้นนางก็ส่ายหัวอีกครั้ง นางพูดว่า “บางทีอาจเป็นเพราะข้าเห็นเจ้าที่ใจกลางทวีปเทียนหยวนมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่หมดสติเป็นเวลา 100 ปี ข้ามักจะรู้สึกว่าลืมอะไรบางอย่าง ราวกับบางสิ่งที่ไม่อาจบอกได้ มันทำให้ข้าข้องใจ”
“อาจเป็นเพราะวิญญาณของเจ้าเสียหายหนักเกินไปจนทิ้งผลข้างเคียงไว้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไม่ต้องคิด ไคยะเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิ แต่นางต้องการทรัพยากรล้ำค่ามากมายเพื่อปลุกให้นางฟื้นจากการหลับใหล เขาสามารถตีความได้ว่าเพราะวิญญาณของนางบาดเจ็บสาหัสเกินไป
“ไคยะ ข้าได้เตรียมเหรียญผลึกรวมถึงวิธีการบ่มเพาะของเจ้าบางอย่าง เจ้าสามารถใช้มันฝึกฝนจนกระทั่งอยู่ในขั้นเหนือเทพ เจ้าสามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบ” เจี้ยนเฉินหยิบแหวนมิติออกมาและส่งให้ไคยะ
“เจี้ยนเฉิน ข้าเป็นหนี้เจ้ามากเกินไปแล้ว ข้าไม่อาจรับอะไรจากเจ้าได้อีก” ไคยะปฏิเสธ ความรู้สึกของนางค่อนข้างปะปนกัน นางพบว่าทันใดนั้นนางก็รู้สึกขัดแย้งลึก ๆ ภายในใจของนางต่อเจี้ยนเฉินที่มอบให้กับนาง
“รับไป ไม่จำเป็นต้องมีเกรงใจระหว่างสหาย” อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินยัดแหวนมิติใส่มือไคยะตรง ๆ
ไคยะจ้องไปที่แหวนมิติอย่างงุนงงและความรู้สึกของนางก็ปะปันกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้จริง ๆ แล้วนางรู้สึกอยากคืนแหวนมิติให้กับเจี้ยนเฉินทันที นางไม่รู้ว่าทำไมถึงทำให้นางรู้สึกอย่างนั้น ราวกับมันเป็นสัญชาตญาณของนาง มันทำให้นางสับสนเล็กน้อย
ท้ายที่สุดนางก็รับแหวนมิติด้วยความรู้สึกที่หลากหลายพลางจับมันไว้แน่น
“ข้าจะไปเดินเล่นในเมือง” ไคยะพูดเบา ๆ ก่อนที่จะหันกลับไปและออกไปด้านนอก
“เดี๋ยว ! ” เจี้ยนเฉินหยุดไคยะและมอบเหรียญให้กับนาง เขาพูดว่า “นี่คือเหรียญของข้า เอาไปด้วย มันจะช่วยเจ้ากำจัดปัญหาทุกย่างภายในเมือง เจ้าจะสามารถจัดการหรือแก้ไขมันได้อย่างรวดเร็ว”
ไคยะรับเหรียญและมองมันอย่างจริงจังสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็จากไปอย่างเงียบ ๆ
“เจี้ยนเฉิน ทำไมข้ารู้สึกว่าไคยะแตกต่างออกไปหลังจากที่นางตื่นขึ้นมา” ซางกวนมู่เอ๋อพูดหลังจากไคยะออกไป
เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ “เมื่อตื่นขึ้นอยู่ในโลกที่แตกต่าง เจ้าคิดว่าคนปกติจะยอมรับมันได้ง่าย ๆ รึ”