เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1935 : จักรพรรดิซี (2)
ตอนที่ 1935 : จักรพรรดิซี (2)
“งั้นทำไมจักรพรรดิซีถึงได้โจมตีคนของตัวเอง เขาถึงกับสู้กับอดีตจักรพรรดิเลยหรือ ? ยิ่งกว่านั้นเขายังฆ่าพวกขั้นอสงไขยไปด้วย เขาบ้าจนกระทั่งฆ่าพวกนั้นเลยรึ ? ไม่ใช่ว่าเขาควรคิดว่าอาณาจักรจะอ่อนแอลงรึไง ? ” นางฟ้าเฮายู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
เทียนซวงถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่อ่อนแอลง จักรวรรดิซีตอนนี้เปราะบาง เขาฆ่าพวกขั้นอสงไขยในราชวงศ์ไปมากมาย พวกนั้นคงฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาไม่ได้เป็นอีกหลายแสนปี แต่จักรพรรดิซีนั้นชั่วร้าย ไม่ใช่แค่พวกขั้นอสงไขยที่เข้าร่วมกับจักรวรรดิซีจะถูกเขาฆ่า แต่ก็ยังมีพวกสมาชิกราชวงศ์และพี่น้องของเขาเองด้วย ทุกคนต่างก็ตายไม่ได้รับการยกเว้น แต่จักรพรรดิซีผู้นี้น่าประทับใจ หลังจากที่เขาได้เป็นจักรพรรดิไม่นาน เขาก็ขึ้นมาถึงขั้นบรรพกาลได้ ผลก็คือแม้ว่าจักรวรรดิจะสูญเสียพวกขั้นอสงไขยไปมากมาย แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของจักรวรรดินั้นกลับไม่ลดลงเลยด้วยการทะลวงผ่านของจักรพรรดิซี” เทียนซวงลังเลเมื่อพูดมาถึงจุดนี้ก่อนจะพูดต่อ “ข้าคิดว่าเหตุผลที่ว่าทำไมจักรพรรดิซีทำตัวเหมือนคนบ้ากับพวกขอบเขตตั้งต้นของตัวเอง ก็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันปีก่อนตอนที่อดีตจักรพรรดิสละบัลลังก์ ตอนนั้นเขายังเป็นแค่องค์ชาย”
“โอ้ ? เล่ามาสิ ? ”นางฟ้าเฮายู่มองดูการต่อสู้ด้านนอกและรู้สึกสงสัยอย่างมาก
เจี้ยนเฉินเองก็ตั้งใจฟัง เขาสงสัยอย่างมากว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้จักรพรรดิซีทำตัวเหมือนคนบ้าและฆ่าพวกขั้นอสงไขยของตัวเองไปมากมายและถึงขั้นต้องต่อสู้กับพ่อของตัวเองด้วย
ขั้นอสงไขยนั้นมักได้รับความเคารพไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม แม้แต่ในจักรวรรดิโบราณ พวกเขาก็มีฐานะเทียบเท่ากับบรรพชน จักรวรรดิซีนั้นกลับฆ่าคนพวกนี้ไปได้
แม้แต่หย่าซีเหลียนก็ยังลืมความจริงที่ว่าตัวเองได้กลายเป็นเชลยไป การต่อสู้ด้านนอกนั้นทำให้นางสนใจและตั้งใจฟังทุกอย่างที่เทียนซวงเล่าออกมา
หลังจากที่เงียบไปไม่นาน เทียนซวงก็ได้พูดขึ้น “ในอดีตตอนที่เขายังเป็นองค์ชายอยู่ เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เขาเด่นกว่าองค์ชายทุกคนในจักรวรรดิซี แม้แต่อดีตจักรพรรดิก็ยังให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ เป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นคนที่น่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์มากที่สุด ไม่ว่าจักรวรรดิใดมันก็มักจะต้องมีการแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อจะได้เป็นจักรพรรดิ จักรวรรดิซีที่รุ่งเรืองเองก็มีองค์ชายขี้อิจฉากันอยู่หลายคน เขากลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตในสายตาขององค์ชายที่ต้องการเป็นจักรพรรดิ ผลก็คือองค์ชายทุกคนในอาณาจักรปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นเสี้ยนหนาม พวกนั้นต่างก็ต้องการกำจัดเขาทิ้ง แต่ตลอดหลายปีมานั้นเขาไม่ได้สนใจตำแหน่งจักรพรรดิเลย เขาไม่คิดจะเข้าไปแย่งชิงบัลลังก์กับใคร ผลก็คือองค์ชายคนอื่นจึงไม่อาจจะหาแผนมาจัดการกับเขาได้ หลายพันปีก่อนอดีตจักรพรรดิได้เข้ามาถึงขั้นบรรพกาลได้และกำลังจะสละบัลลังก์ ตอนนั้นเขากลับต้องการตำแหน่งจักรพรรดิซึ่งทำให้องค์ชายหลายคนไม่พอใจ ผลก็คือองค์ชายทุกคนต่างก็พากันหาทางกำจัดเขาทิ้ง “
สีหน้าของเทียนซวงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงจุดนี้ นางมองไปที่จักรพรรดิซีที่สู้กับพ่อตัวเองด้านนอกด้วยแววตาสงสารและเข้าใจก่อนจะพูดต่อ “เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เขากับภรรยาไปเยี่ยมบ้านภรรยา พวกเขาโดนองค์ชายหลายคนไล่ล่า เขาไม่เคยสนใจตำแหน่งจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หาพวกสนับสนุนในหมู่พวกสมาชิกระดับสูง ส่วนองค์ชายคนอื่นต่างก็พากันพยายามชิงดีชิงเด่นกัน พวกนั้นได้รับการสนับสนุนโดยสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์ พวกที่อยู่ขั้นอสงไขย ผลก็คือตอนที่พวกนั้นไล่ล่าจักรพรรดิซี คนที่สนับสนุนพวกนั้นก็มีส่วนด้วย องค์ชายบางคนถึงกับขอให้พวกที่ไม่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้มาไล่ล่าจักรพรรดิซีด้วย”
“ตอนนั้นพวกขั้นอสงไขยกว่าสิบคนได้ทำการไล่ล่าจักรพรรดิซีและภรรยาจนต้อนเข้าจนมุม พวกเขาเกือบจะตายกันหลายรอบ แม้แต่เส้นทางที่กลับมายังจักรวรรดิซีก็ยังถูกขวางเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีหวังที่พวกเขาจะกลับมาได้ ผลก็คือทั้งสองได้แต่หนีไปทั่วที่ราบเมฆา ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าทั้งสองอยู่ขั้นอสงไขย ทั้งสองอาจจะรอดมาไม่ได้”
“การไล่ล่านี้คงอยู่หลายปี ด้วยพรสวรรค์ของจักรพรรดิซีจึงทำให้ความแข็งแร่งเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในตอนที่โดนไล่ล่า ตอนที่เขามาถึงขั้น 9 ของขั้นอสงไขย ในที่สุดเขาก็กลับมาได้”
“หลังจากที่กลับมาแล้ว ความคิดที่เขาไม่ได้แสดงความสนใจต่อตำแหน่งจักรพรรดิก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนี้มา ด้วยความช่วยเหลือจากอดีตจักรพรรดิและพรสวรรค์ของเขา แน่นอนว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิคนใหม่ได้ เขาเอาชนะองค์ชายคนอื่น ๆ มาได้และขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่”
“อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่กระตุ้นให้เขานึกถึงตอนที่เขาโดนไล่ล่า ทันทีที่เขาได้ตำแห่งมา เขาก็ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยและเก็บตัวเหมือนในอดีต เขามักจะไปจัดการคนที่เคยไล่ล่าเขามาในอดีต เขาได้ฆ่าพวกขั้นอสงไขยและองค์ชาย 2 คนในวันที่เขาได้ตำแหน่งมา แต่ชัดเจนแล้วว่าเขายังไม่พอใจ ตอนที่เขามุ่งหน้าออกไปฆ่าพวกคนกลุ่มที่สอง อดีตจักรพรรดิก็ออกมาหยุดเขาไว้ ในเวลาเดียวกันคนกลุ่มอื่นๆก็ร่วมมือกันใช้พลังของจักรวรรดิกว่าครึ่งเพื่อขับไล่เขา มีหลายนิกายในอาณาจักรมีส่วนด้วยหวังให้จักรวรรดิกลับมาอยู่ในการควบคุมตามเดิม”
“แต่ไม่มีสักคนที่คิดว่าหลังจากที่เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ไม่นาน เขาก็ทะลวงผ่านขึ้นมาขั้นบรรพกาลได้ เขาคือคนที่เทียบเท่ากับอดีตจักรพรรดิ เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครในอาณาจักรที่จะไม่เชื่อฟังเขา เขาได้ใจยิ่งกว่าเดิม เขากำจัดศัตรูที่เคยไล่ล่าเขามาในอดีต มันไม่สำคัญว่าอยู่ในขั้นอสงไขยช่วงปลาย สมาชิกระดับสูงของจักรวรรดิหรือองค์ชาย หากพวกนั้นมีส่วนร่วมในการไล่ล่าเขากับภรรยา เขาจะกำจัดพวกนั้นอย่างไร้ปราณี”
“มันมีขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 สองคนที่โดนเขากำจัด” เทียนซวงแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเมื่อพูดถึงจุดนี้ “ อีกก้าวเดียวพวกนั้นก็จะไปถึงขั้นบรรพกาล จักรพรรดิซีก็ยังคงฆ่าพวกเขาโดยไม่ลังเลใจ เขาไปไกลเกินไปแล้วจนถึงขั้นต่อสู้กับบิดาของเขาเอง”
นางฟ้าเฮายู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “จักรพรรดิซีเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ? แม้ว่าคนเหล่านั้นจะเคยไล่ล่าพวกเขาในอดีต มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกเขา แค่ลงโทษเล็กน้อยก็น่าจะพอเพียง ยังไงซะพวกเขาก็อยู่ถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ของขั้นอสงไขย แม้แต่โถงเทพจันทราของเราก็ยังต้องเก็บคนพวกนั้นไว้ แน่นอนว่าหากพวกนั้นไม่ทำเรื่องร้ายแรงเอาไว้”
“ใช่ ในภาคเหนือ หลายคนเชื่อว่าจักรพรรดิซีนั้นเสียสติไปแล้ว หรือไม่ก็พบบางอย่างที่ทำให้เขาคลั่ง ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปมากซะจนกลายเป็นคนที่ชั่วร้ายและโหดร้ายได้ ? เขาต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง” เทียนซวงพูดขึ้น