เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1966: จงพ่ายแพ้
ตอนที่ 1966: จงพ่ายแพ้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น,ข้าจะพาเขากลับไปพร้อมกับข้า” ราชาศักดิ์สิทธิ์กล่าว เขาจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดและกำลังจะพาตัวมู่กูไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเคลื่อนไหว บรรพชนของสำนักจิตวิญญาณปฐพีก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ปิงเทียน เจ้าไม่รู้สึกว่าเจ้ากำลังลดระดับตัวเองมากเกินไปโดยการต่อสู้กับราชาเทพในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นหรือ ? ”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาพูดอย่างไม่แยแสว่า “ซางตู เจ้าพยายามจะพูดอะไร ? เจ้าต้องการให้เจี้ยนเฉินที่เป็นขั้นเหนือเทพต่อสู้กับราชาเทพหรือ ? ”
“มีข่าวลือว่าแม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ได้ตั้งเป้าไว้ที่ป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายคนที่ได้รับอันดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาเอาชนะราชาเทพเมื่อไม่นานมานี้ เพราะฉะนั้นการที่เจี้ยนเฉินสู้กับมู่กูนั้นค่อนข้างยุติธรรม” บรรพชนกล่าวอย่างเฉยเมย.เขามองราชาศักดิ์สิทธิ์และกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ว่ามู่กูจะเป็นราชาเทพ แต่เขาก็เป็นแค่ราชาเทพช่วงต้นและไม่ใช่ราชาเทพสูงสุดเช่นกัน ดังนั้นหากเจ้าลงมือเอง ปิงเทียน เท่ากับว่าเจ้าลดระดับตัวเองลง”
“ มู่กู ! ” บรรพชนมองมู่กู ใบหน้าของเขาสง่างามจนถึงจุดที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“บรรพชน ! ” ผู้อาวุโสมู่กูโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“มู่กู ในสนามรบระหว่างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนกับลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ศิษย์ของเจ้าเพิกเฉยต่อภาพรวมและโจมตีผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกันแม้จะอยู่ในสถานการณ์คอขาดบาดตาย ในฐานะอาจารย์ของพวกเขา เจ้าไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้ เจ้าต้องรับผิดชอบต่อความผิดของลูกศิษย์ของเจ้า เจ้าต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับเจี้ยนเฉิน” บรรพชนกล่าว
“ขอรับ บรรพชน ! ” มู่กูพูดอย่างสุภาพ เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง
“เจี้ยนเฉิน สิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าได้คือการต่อสู้กับมู่กูโดยไม่คำนึงถึงความตายที่อาจเกิดขึ้น เจ้าคิดอย่างไร ? ” บรรพชนของสำนักจิตวิญญาณปฐพีพูดกับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยืนขึ้น เขามองดูบรรพชนด้วยความสนใจ เขาไม่ได้ความกลัว และการกระทำของเขาก็ค่อนข้างเฉียบคม เขาพูดอย่างเยือกเย็น “หากเป็นเช่นนั้น ให้ข้าได้เห็นกับตาว่าผู้อาวุโสราชาเทพแห่งสำนักจิตวิญญาณปฐพีทรงพลังเพียงใด”
เจี้ยนเฉินจ้องมองผู้อาวุโสมู่ขณะที่เจตจำนงกระบี่อันทรงพลังเปล่งประกายจากเขา เขาพูดอย่างเย็นชา “มู่กู มาสู้กัน ! ”
นอกจากนี้ยังมีความคมชัดบางอย่างในดวงตาของมู่กู เขากล่าวว่า “ข้าก็อยากเห็นพลังของผู้มีความสามารถสูงสุดที่สามารถท้าทายป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพอันดับหนึ่ง ข้าต้องการเป็นพยานว่าเจ้ามีพลังมากพอ ๆ กับที่ผู้คนล่ำลือกันว่าเจ้าสามารถเอาชนะราชาเทพในฐานะขั้นเหนือเทพได้หรือไม่”
หลังจากพูดจบผู้อาวุโสมู่ก็ออกไปข้างนอก
“มู่กู เจ้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้นในการต่อสู้ครั้งนี้ ! ” เสียงของบรรพชนดังขึ้นในหัวของมู่กูในขณะนี้
ข้อความลับนั้นมาจากผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงขั้นอสงไขยเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นแม้แต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถได้ยิน นับประสาอะไรกับผู้อาวุโสที่อยู่ตรงนั้น
เป็นผลให้มีเพียงมู่กูเท่านั้นที่ได้ยินข้อความดังกล่าว
ใบหน้าของผู้อาวุโสมู่แข็งทื่อและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วสองสามครั้งก่อนจะกลับมาเหมือนเดิม เขารู้สึกเศร้าสลด
มีสนามประลองที่มีขนาดแตกต่างกันในสำนักจิตวิญญาณปฐพี มันถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับซ้อมมือระหว่างศิษย์ ปัจจุบันเจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสมู่ยืนตรงกันข้ามกันบนสนามที่ใหญ่ที่สุด ม่านพลังที่บรรพชนทิ้งไว้ล้อมรอบสนามทั้งหมด
ม่านพลังนั้นมีพลังมากจนแม้แต่ราชาเทพก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อให้ผ่านมันไปได้ มันจะต้านทานคลื่นกระแทกของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่ข้างในได้อย่างง่ายดาย
โดยพื้นฐานแล้ว ผู้อาวุโสทั้งหมดของสำนักวิญญาณปฐพีได้รวมตัวกันรอบสนาม แม้แต่ผู้อาวุโสที่อยู่อย่างสันโดษก็ปรากฏตัวเพื่อเป็นสักขีพยานการต่อสู้
ถ้ามันเป็นแค่การต่อสู้ระหว่างราชาเทพ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสมากมายจะมาดู อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างขั้นเหนือเทพสูงสุดที่มีพลังมากพอที่จะท้าทายอันดับหนึ่งในป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพกับราชาเทพ นั้นดึงดูดใจพอที่จะให้ราชาเทพเหล่านี้มาเฝ้าดู แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นก็ยังให้ความสนใจ
มู่กูยืนอยู่บนสนามประลองพร้อมใบหน้าที่เคร่งเครียด ข้อความของบรรพชนยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา ข้อความนั้นได้ตัดโอกาสสำหรับเขาที่จะอยู่รอดทำให้เขาหมดหวัง
“ข้าไม่เคยคิดเลย – ข้าไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าเมื่อข้าเสนอให้ศิษย์ของข้าต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะล้มเหลวในการฆ่าเขา แต่ข้าก็จบลงด้วยการถูกสำนักทอดทิ้งอย่างไร้ความปราณี”
“ความอัปยศอดสูของเหล่าสาวกไม่ได้ทำให้สำนักจิตวิญญาณปฐพีของเราตกต่ำลงไปหรือ ? การกระทำของข้าคือการทวงคืนความภาคภูมิใจของเราเพื่อให้คนอื่นจะไม่ใช้ชื่อของเราเพื่อขับเคลื่อนตัวเอง แต่ในที่สุด ข้าก็ทำลายตัวเองแทน”
ผู้อาวุโสมู่ลอบถอนใจ ในขณะนั้นเขาเต็มไปด้วยความขมขื่นที่อธิบายไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การจ้องมองของเขาก็เย็นชาในไม่ช้าหลังจากนั้น พลังแห่งการมีอยู่อันแข็งแกร่งของราชาเทพแผ่รังสีออกมาจากเขา กฎก่อโซ่ขึ้นเมื่อมันโอบล้อมเขา เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความสนใจอย่างมากในขณะที่เขาคิดว่า “ในฐานะราชาเทพ แม้ว่าข้าจะชนะไม่ได้ก็ตาม ข้าจะไม่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินรู้สึกสบายใจ ข้าจะใช้กำลังเต็มที่”
ผู้อาวุโสมู่ขยับ เขาควงไม้เท้าในขณะที่พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินด้วยเจตจำนงในการต่อสู้ที่พุ่งสูง พลังที่น่ากลัวของการบ่มเพาะของเขาหลั่งไหลออกมาจากร่างกาย และทั้งหมดนี้ก็รวมตัวกันอยู่ในไม้เท้าของเขาในขณะนั้น เขายื่นมันไปหาเจี้ยนเฉินพร้อมกับกฎระดับราชาเทพด้วยพลังล้มหลาม
ผู้อาวุโสมู่ไม่ออมมือเลย เขาใช้กำลังเต็มที่ ดังนั้นการโจมตีจึงมีพลังมหาศาล เมื่อเขาขยายไม้เท้าของเขา พลังงานที่น่ากลัวที่แข็งแกร่งส่งผลต่อมิติภายในม่านพลัง ทำให้มันบิดเบือน
ด้านนอกสนาม บรรพชนของสำนักจิตวิญญาณปฐพีและราชาศักดิ์สิทธิ์ต่างขมวดคิ้ว
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาทั้งสองสามารถบอกได้ว่ามู่กูใช้กำลังเต็มที่ พวกเขาไม่ทราบว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้หรือไม่
แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าเจี้ยนเฉินได้เอาชนะราชาเทพในภาคเหนือ แต่มันก็ยังเป็นเพียงข่าวลือ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่พวกเขาไม่รู้ เช่นที่ว่าข่าวลือเกินจริงหรือว่าราชาเทพได้รับบาดเจ็บ
ความสามารถในการท้าทายอันดับหนึ่งในป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพเป็นเพียงคำอธิบายถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ท้ายที่สุดเขาไม่ได้ลองทดสอบในป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ดังนั้นเขาจะสามารถจัดอันดับในป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพได้สูงเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ และไม่ว่าเขาจะมีพลังในการต่อสู้กับอันดับหนึ่งหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ”
มู่กูวางแผนที่จะไม่เชื่อฟังข้าหรือ ? ” หัวใจของบรรพชนจมลงเล็กน้อย แสงเย็นวาบในดวงตาที่ลึกและมืดของเขา
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยเมื่อเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างดุเดือดของผู้อาวุโสบนสนามรบ เขาควงกระบี่สายรุ้งอันน่าตื่นตะลึงในขณะที่เขาป้องกันตัวเองด้วยชั้นของแสงที่แทงออกมาด้วยความสงบ.
การโจมตีนั้นเรียบง่ายและธรรมดาโดยไม่ต้องใช้กลอุบายใด ๆ เลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นการโจมตีที่มีความลึกลับลึกของกระบี่ มันสอดคล้องกับกฎของกระบี่และคู่กับพลังบรรพกาลที่รุนแรงอันทรงพลัง มันอาจจะเกินขั้นเหนือเทพโดยสิ้นเชิง และอาจฉิวเฉียดไปถึงขั้นราชาเทพ
แม้ว่ามันจะไม่ถึงขั้นราชาเทพ แต่มันก็เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับราชาเทพช่วงต้นได้เนื่องจากข้อได้เปรียบที่หลากหลายของร่างบรรรพกาล