เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1980: ลูกสาวของจักรพรรดิซี (3)
ตอนที่ 1980: ลูกสาวของจักรพรรดิซี (3)
จักรพรรดิซีพุ่งทะยานด้วยจิตสังหาร ใบหน้าของเขามืดครึ้มลงอย่างมากขณะที่เขาวางมือบนไหล่ของซีหยูอย่างอ่อนโยน พลังชีวิตมหาศาลแยกออกจากร่างกายของเขาเข้าสู่ร่างกายของซีหยูด้วยวิธีที่นิ่มนวลมาก
เมื่อได้รับพลังชีวิต ซีหยูผู้ซึ่งเคยอยู่ที่ปากประตูมรณะกลับฟื้นคืนชีวิตในเวลาอันสั้น สีสันแห่งชีวิตปรากฏขึ้นในดวงตาที่อ่อนโรยของนางในขณะที่บาดแผลของนางก็หายเป็นปกติเช่นกัน
แม้แต่แขนขวาที่หายไปก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่
แขนที่ถูกตัดกำลังได้รับการรักษา
ทั้งหมดนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของขั้นบรรพกาล
พลังชีวิตนี้ไม่ได้มากมายเลยสำหรับขั้นบรรพกาล แต่สำหรับซีหยูที่เป็นเพียงขั้นเหนือเทพ นี่เป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนางได้ มันทำให้นางมีชีวิตที่สอง
องค์หญิงไทอันและชายชราสองคนที่ติดตามไปด้วย เหาะลงมายังตระกูลเทียนหยวน ในขณะนั้นพวกเขาจ้องมองซีหยูด้วยความตกใจ
องค์หญิงไทอันมองซีหยูที่ท่วมเลือดในอ้อมกอดของจักรพรรดินี ความรู้สึกที่นางประสบนั้นหลากหลายมาก หากนางรู้ก่อนหน้านี้ว่ากล่องที่เจี้ยนเฉินมอบให้นางจะเป็นเบาะแสไปสู่ลูกสาวที่หายไปของป้านาง นางจะต้องมอบมันให้กับจักรพรรดินีโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา
“ข้าไม่อยากเชื่อเจี้ยนเฉินเลย ! ทำไมเขาไม่อธิบายเรื่องสำคัญกับข้าโดยตรง ? ถ้าข้าบอกได้ว่าพี่สาวอยู่ที่ไหนก่อนหน้านี้ นางจะไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้” องค์หญิงไทอันไม่พอใจเจี้ยนเฉินมาก
สำหรับชายชราสองคนที่มากับจักรพรรดิซี,พวกเขารู้สึกตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
ในจักรวรรดิซี ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจักรพรรดิซีไม่มีบุตร นี่คือข้อเท็จจริงสำหรับสาธารณะชน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จักรพรรดิซีก็มีลูกสาวคนหนึ่ง ซึ่งทำให้พวกเขาทั้งสองประหลาดใจอย่างมาก
ในขณะนี้ราชาศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงตระกูลเทียนหยวนเช่นกัน เขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของเขาและไม่เปิดเผยตัวเองจนแทบไม่มีใครรู้สึกถึงการมาถึงของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์ เขาก็รู้วิธีการปฏิบัติตนและยังคงเงียบสงบ เขาเฝ้ามองจากด้านหนึ่ง มองดูคู่สามีภรรยาและชายชราสองคนอย่างเคร่งเครียด เขากำลังทำจิตใจให้สงบภายใน
เขาไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นใคร แต่เขารู้ว่าคนใดคนหนึ่งมีระดับการบ่มเพาะที่เกินกว่าตัวเขาเองอย่างมาก
การมาถึงของขั้นบรรพกาลนั้นทำให้ราชาเทพที่สามารถควบคุมมิติได้หวาดกลัวอย่างที่สุด ใบหน้าของเขาซีดเซียว และเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะจัดการกับผู้คนจากตระกูลเทียนหยวนอีกต่อไป เขาปล่อยมิติที่ถูกขังทันที
สมาชิกคนสำคัญของตระกูลเทียนหยวนได้รับอิสรภาพคืนมา รวมถึงรุยจิน, หงเหลียน, และเฮยยู่ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเหมือนเพิ่งหนีรอดจากความตาย
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองดูจักรพรรดินีที่สวมกอดซีหยู พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก พวกเขายังตกตะลึง
ผู้นำคนก่อนของตระกูลโม่ โม่ซิงเฟิง มีความรู้สึกที่ผสมปนเปกันอย่างมากเมื่อเขามองดูจักรพรรดิและจักรพรรดินี
สำหรับองค์ชายเก้าแห่งจักรวรรดิตะวันโลหิต เขารู้สึกถึงสถานการณ์ที่ล่อแหลม เขาจ้องมองจักรพรรดิและจักรพรรดินีอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาจ้องมองอยู่ที่เสื้อคลุมมังกรที่จักรพรรดิซีสวม
“เสื้อคลุมมังกรและขั้นบรรพกาล เขาคือ…” ในฐานะบุคคลที่มีอำนาจในจักรวรรดิตะวันโลหิต องค์ชายเก้าก็มีความรู้มากมาย เขามีตำแหน่งสูงกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ในแถบนี้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงคาดเดาได้อย่างรวดเร็วถึงตัวตนของจักรพรรดิซีซึ่งทำให้จิตใจของเขาจมดิ่งลง
“เป็นไปไม่ได้ ! จักรพรรดิซีแห่งภาคเหนือไม่มีลูกไม่ใช่หรือ ? ทำไมถึงมีลูกสาวตอนนี้ ? และลูกสาวก็คือ…” ใบหน้าขององค์ชายเก้าบิดเบี้ยว แววตาของเขาสั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ ด้วยความคิดที่รวดเร็ว เขาตัดสินใจและเริ่มถอยห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ เขาต้องการย่องออกไปโดยไม่ดึงความสนใจใด ๆ มาทางตัวเอง
“ก่อนที่ข้าจะตรวจสอบให้ละเอียดว่าใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบาดแผลของลูกสาวข้า ไม่มีใครสามารถออกไปได้ ” อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่องค์ชายเก้าขยับตัว เสียงที่เย็นชาของจักรพรรดินีก็ดังออกมาและความกดดันก็ครอบคลุมองค์ชายเก้าทันที
องค์ชายเก้าตัวสั่น ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ขาของเขาจมลงไปบนพื้น ทำให้มองเห็นเพียงเข่าของเขาเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าการจากไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ผลอีกต่อไป องค์ชายเก้าจึงใช้แรงทั้งหมดยกมือทั้งสองข้างขึ้นด้วยความลังเล ตอนนี้เขาหมดทางเลือกแล้ว เขาป้องมือของเขา “ข้าคือองค์ชายเก้าแห่งจักรวรรดิตะวันโลหิต ข้าขอคารวะจักรพรรดิซีและจักรพรรดินี มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับภูมิภาคทางใต้ของเราที่ท่านทั้งสองได้มาเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัว หากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้ ข้าก็เต็มใจมาก”
“จักรพรรดิซี, จักรพรรดินี ? ”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ตกใจมาก ตัวตนขององค์ชายเก้าทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว แต่เมื่อองค์ชายเก้าพูดถึงจักรพรรดิซีและจักรพรรดินี เขาก็ปะติดปะต่อกับจักรวรรดินิรันดร์ซีแห่งภาคเหนือได้
“จักรพรรดิซี ? ขั้นบรรพกาลในเสื้อคลุมมังกรคือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของจักรวรรดินิรันดร์ซีแห่งภาคเหนือหรือ ? ” แม้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์จะเชี่ยวชาญในการรักษากริยา เขาก็ยังพยายามสงบสติอารมณ์ในขณะนี้ เขามองดูซีหยูซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของจักรพรรดินีและตกใจมาก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่จักรพรรดิซีและจักรพรรดินีได้เรียนรู้ว่าเขาคือองค์ชายเก้า พวกเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน จักรพรรดินีจ้ององค์ชายเก้าอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ลูกสาวของข้าบาดเจ็บหรือไม่ ? ” เสียงของจักรพรรดินีเต็มไปด้วยจิตสังหารจนผู้คนเชื่อโดยไม่สงสัยเลยว่า แม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชายเก้าแห่งจักรวรริตะวันโลหิต นางก็กล้าพอที่จะฆ่าเขา
สีหน้าขององค์ชายเก้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาป้องมือของเขา “จักรพรรดินีเข้าใจผิดแล้ว จักรพรรดิได้จัดการกับคนที่ทำร้ายลูกสาวของท่านแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับจักรพรรดิและจักรพรรดินีสำหรับการได้เจอหน้ากันกับลูกสาวของท่าน”
“อย่าโกหก คนที่ทำให้ซีหยูบาดเจ็บและทำลายแขนของนาง ชัดเจนแล้วว่าคือเจ้า ! ” เมื่อองค์ชายเก้าพูดจบ พ่อบุญธรรมของซีหยูก็กล่าวอย่างโกรธเคืองท่ามกลางฝูงชน
“หืมมม,เจ้าอย่าพูดเรื่องโกหกโสมม หากตระกูลเทียนหยวนกล้าที่จะใส่ร้ายข้าอีก ด้วยอำนาจของข้า เพียงคำสั่งเดียวจากข้า ข้าจะทำลายล้างตระกูลของเจ้าให้สิ้นซาก แม้แต่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้” ดวงตาขององค์ชายเก้าเย็นชา และเขาจ้องมองโม่ซิงเฟิงอย่างเฉียบคม การจ้องมองเหมือนคมกระบี่แทงเข้าไปในวิญญาณของโม่ซิงเฟิง ทำให้เขาสั่นเทาอย่างรุนแรงและหน้าซีดทันที
“ช่างเป็นคนที่ชอบเอาเปรียบเหลือเกิน ! ” จักรพรรดินีตะโกนอย่างเย็นชา นางพยุงซีหยูด้วยมือขวาขณะที่นางใช้อีกมือหนึ่งเหวี่ยงเข้าหาองค์ชายเก้าโดยตรง นางรวบรวมพลังงานและตบหน้าขององค์ชายเก้าอย่างแรง ส่งเขาลอยถอยหลังไปไกล
ฝ่ามือของนางมีพลังพิเศษ ใบหน้าขององค์ชายเก้าครึ่งหนึ่งเปื้อนเลือดขณะที่กรามของเขาแตก เลือดท่วมจนปิดหน้าของเขา
องค์ชายเก้าและการบ่มเพาะอันยิ่งใหญ่ของเขาในจุดสูงสุดของราชาเทพดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่เด็กทารกสำหรับจักรพรรดินี เขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
ทุกคนในตระกูลเทียนหยวนนั้นตกใจมาก ก่อนหน้านี้พวกเขาใช้พลังของทุกคนทั้งหมดในตระกูล แต่พวกเขาล้มเหลวในการต่อต้านคนขององค์ชายเก้า พวกเขาทำได้แค่เฝ้าดูหายนะที่เกิดขึ้นเท่านั้น
กระนั้นตอนนี้องค์ชายเก้าและคนของเขาที่มีอำนาจมากจนพวกเขาสามารถทำลายตระกูลเทียนหยวนทั้งหมดได้อย่างง่ายดายในสายตาของพวกเขานั้นอ่อนแอเหมือนเด็ก ๆ ต่อหน้าจักรพรรดินี ทุกคนในตระกูลเทียนหยวนรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังฝันเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถานการณ์นี้
จักรพรรดินีคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าข้างหนึ่งขณะที่นางพยุงซีหยู เลือดของซีหยูย้อมผ้าของนางเป็นสีแดง จักรพรรดินีจ้ององค์ชายเก้าที่นางตบกระเด็นออกไปด้วยจิตสังหาร นางพูดอย่างเย็นชาว่า “นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ ? บาดแผลของซีหยูเกิดจากเจ้าจริงหรือ ? เจ้าทำลายแขนของซีหยูจริง ๆ หรือ ? ”
ในขณะนั้น,ซีหยูฟื้นตัวในที่สุดหลังจากได้รับพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ของขั้นบรรพกาล แขนที่หายไปของนางก็กลับฟื้นคืนมาเช่นกัน นางดิ้นและหนีออกจากอ้อมกอดของจักรพรรดินีก่อนที่จะลุกขึ้นยืน นางจ้องมองจักรพรรดินีและจักรพรรดิด้วยความสับสน
จักรพรรดินีมองซีหยูทันที และแสงจ้าในแววตาของนางก็อ่อนลงทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววตาอันอบอุ่นของมารดา ในขณะที่นางถามด้วยความกังวลว่า “เด็กน้อย เจ้ารู้สึกอย่างไร ? ”
“หยูเอ๋อ บอกพ่อมาว่าใครทำให้เจ้าบาดเจ็บ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานะใด ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้” จักรพรรดิซีเข้ามาพยุงซีหยูอย่างระมัดระวังด้วยแขนที่แข็งแกร่งและทนทาน ดวงตาของเขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ซีหยูขยับตัวออกมาจากแขนของจักรพรรดิซีและมองดูจักรพรรดิและจักรพรรดินีด้วยความสับสน นางเดินโซเซไปข้างหลังช้า ๆ ขณะที่พูดเบา ๆ ว่า “พวกท่านเป็นใคร ? ข้า – ข้า – ข้าไม่รู้จักพวกท่าน”