เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1984: จักรพรรดิซีประกาศสงคราม
ตอนที่ 1984: จักรพรรดิซีประกาศสงคราม
“จักรพรรดิซี เราไม่สามารถส่งตัวองค์ชายให้เจ้าได้ เจ้าฆ่าราชาเทพและได้แก้แค้นแล้ว เราจะชดเชยทุกสิ่งที่ลูกสาวที่รักของเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานด้วยหยดจิตวิญญาณแห่งนภดารา เลิกราแต่เถียงเท่านี้เถิด เจ้าคิดอย่างไร จักรพรรดิซี ? ” บรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิตะวันโลหิตกล่าว เขายังพูดอย่างมั่นคง เขาไม่ยอมมอบตัวองค์ชายเก้า
หากจักรวรรดิตะวันโลหิตของพวกเขาปล่อยให้องค์ชายเก้าถูกประหารชีวิตเพราะการบาดเจ็บของลูกสาวที่รักของจักรพรรดิซี สถานะของพวกเขาในภาคใต้จะลดลง
จักรพรรดิซีไม่ยอมรับ เขาตะคอกอย่างเย็นชา “คนที่อยู่เบื้องหลังการบาดเจ็บของหยูเอ๋อยังมีชีวิตอยู่ แล้วเราไปแก้แค้นจักรวรรดิตะวันโลหิตตอนไหน ? ข้าขอถามคำถามเดียวกับเจ้า เจ้าจะมอบตัวเขามาให้ข้าหรือไม่ ? ”
“จักรพรรดิซี ลูกสาวของเจ้าก็สบายดีแล้วในตอนนี้ ดังนั้นทำไมเจ้าถึงต้องเรียกร้องอะไรมากมายในเรื่องนี้ ? เจ้าจำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยหรือ ? ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น ? ” บรรพชนจักรพรรดิถาม จักรพรรดิโลหิตไม่ได้มีสิทธิที่จะพูดต่อหน้าบรรพชนจักรพรรดิทั้งสอง
“ลูกสาวของข้าเกือบตายที่นี่ นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย” ใบหน้าของจักรพรรดิซีแดงก่ำ แววตาขอเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร หลังจากนั้นพลังแห่งการมีอยู่ของผู้ปกครองก็เริ่มเปล่งประกายจากเขา ในขณะนั้นดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ครองโลก เขาจ้องมองผู้คนจากจักรวรรดิตะวันโลหิตอย่างเยือกเย็นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเกียรติอย่างยิ่งว่า “ถ้าเจ้าไม่ส่งตัวเขามา จักรวรรดิซีของเราจะประกาศสงครามกับจักรวรรดิตะวันโลหิต”
คำพูดของจักรพรรดิซีทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก ประโยคสั้น ๆ ดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าร้อง
ในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลเทียนหยวน, ราชาศักดิ์สิทธิ์, หรือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นจากจักรวรรดิจันทราสวรรค์ล้วนหน้าซีดด้วยความตกใจ พวกเขาจ้องมองจักรพรรดิซีด้วยความไม่เชื่อ
จักรวรรดิซีและจักรวรรดิตะวันโลหิตเป็นตัวแทนของภาคเหนือและภาคใต้ตามลำดับ พวกเขาเป็นจักรวรรดิที่ปกครองทั่วทั้งภูมิภาค หากการต่อสู้ระหว่างจักรวรรดิทั้งสองจะปะทุขึ้น มันจะพัฒนาเป็นการต่อสู้ระหว่างสองภูมิภาคโดยตรง
จักรพรรดิซีไปไกลถึงขั้นประกาศสงครามกับจักรวรรดิตะวันโลหิตเพื่อลูกสาวของเขาโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา มันทำให้สีหน้าของทุกคนจากจักรวรรดิตะวันโลหิตเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ คนบ้า จักรพรรดิซีเป็นคนบ้าเกินที่จะเยียวยา แม้ว่าลูกสาวของเขาจะบาดเจ็บ แต่ตอนนี้นางก็ยืนเคียงข้างเขาในสภาพที่สมบูรณ์ไม่ใช่หรือ ? ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการประกาศสงครามกับจักรวรรดิตะวันโลหิตของเรา เขาไม่รู้หรอกว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงเพียงไรเมื่อสองจักรวรดินิรันดร์ทำสงครามกัน ? ” จักรพรรดิโลหิตมองจักรพรรดิซีในขณะที่เขาสาปแช่งภายในใจ
มีเพียงจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของจักรวรรดิซีเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้ได้
บรรพชนจักรพรรดิทั้งสองกลายเป็นเคร่งเครียดในขณะนั้น จักรพรรดิของจักรวรรดินิรันดร์ไม่ได้ล้อเล่น ในเมื่อจักรพรรดิซีบอกว่าเขาจะประกาศสงคราม เขาไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน เขาพร้อมที่จะทำตามคำพูดของเขา
ไม่ว่าองค์ชายเก้าจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็หน้าซีดมากในขณะนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าการทำร้ายขั้นเหนือเทพจากตระกูลเล็ก ๆ จะกลายเป็นสงครามระหว่างสองจักรวรรดินิรันดร์ สิ่งนี้ทำให้เขากลัว
จากสาเหตุทั้งหมดนี้ ซีหยูมองไปที่จักรพรรดิซีด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอย่างยิ่ง อารมณ์ของนางผสมปนเปกัน แม้แต่นางเองก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้ในตอนนี้
เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกคนสำคัญของตระกูลเทียนหยวน พวกเขาตะลึงงันโดยสิ้นเชิง
บรรพชนจักรพรรดิทั้งสองมองหน้ากัน คิ้วของพวกเขาขมวดเข้าด้วยกันอย่างหนัก พวกเขารู้สึกปวดหัวมากเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิซีที่ไม่สนใจภาพรวมที่ใหญ่กว่าและเขาจะทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเขา แม้ว่ามันจะเกี่ยวกันกับจักรวรรดินิรันดร์ทั้งหมดก็ตาม
“ไซหยุน ใจเย็น ๆ !”
ในขณะนี้เสียงโบราณดังขึ้น พร้อม ๆ กันนั้นมิติข้างจักรพรรดิซีก็กระเพื่อม และชายชรา 2 คนก็ปรากฏตัวเงียบ ๆ
พวกเขาคือซีห้าวซวนและซีห้าวหมิง พวกเขารีบเร่งมาจากจักรวรรดิซี พวกเขาเป็นบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิซี !
สำหรับซีห้าวซวน เขาเป็นพ่อของจักรพรรดิคนปัจจุบัน, ซีไซหยุน !
การปรากฏตัวของซีห้าวซวนและซีห้าวหมิงไม่ได้ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิซีเปลี่ยนแปลงเลย ในทางตรงกันข้าม จักรพรรดินีรีบคารวะในทันที นางดึงซีหยูมา แล้วให้คารวะซีห้าวซวนและซีห้าวหมิง นางหันไปมองซีหยูและพูดเบา ๆ ว่า ‘หยูเอ๋อ พวกเขาคือปู่และปู่ทวดของเจ้า เจ้าทักทายพวกเขาสิ”
“อย่า หยูเอ๋อ เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นปู่ของเจ้า”
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิซีปรากฏตัวต่อหน้าซีหยูและพูดอย่างไร้อารมณ์หลังจากจักรพรรดินีพูดจบ
ความขมขื่นเต็มใบหน้าของซีห้าวซวนทันที เขาถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่เขามองซีหยูด้วยสายตาพินิจพิจารณา มีความเมตตากรุณาในสายตานั้นเช่นกัน
“ไซหยุน การประกาศสงครามมันมากเกินไป เจ้าไม่ควรพูดถึงสงครามง่าย ๆ เช่นนี้” ซีห้าวหมิงพูดกับจักรพรรดิซีอย่างเคร่งเครียด
“ข้าเป็นจักรพรรดิคนปัจจุบันและเป็นหนึ่งในบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิซี ข้ามีสิทธิ์โดยชอบธรรม หากจักรวรรดิตะวันโลหิตไม่ยอมส่งตัวเขามา ข้าก็จะประกาศสงคราม” จักรพรรดิซีกล่าวอย่างเฉยเมย เขาไม่แสดงความเคารพ
ซีห้าวหมิงถอนหายใจเมื่อเขาเห็นว่าจักรพรรดิซีดื้อรั้นเพียงใด เขารู้สึกหมดหนทางเกี่ยวกับจักรพรรดิซี
ในฐานะที่เป็นบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิซี เขาเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่ง เขาเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดินิรันดร์ ถ้าจักรพรรดิคนปัจจุบันกล้าที่จะต่อต้านเขา เขาอาจจะถอนตำแหน่งด้วยคำพูดเดียว
อย่างไรก็ตาม ไซหยุนค่อนข้างพิเศษ เขาสำคัญมากจนถึงจุดที่แม้แต่ซีห้าวหมิงและซีห้าวซวน ผู้อาวุโสทั้งสองส่วนใหญ่ก็ต้องปล่อยเขาทำตามความต้องการ
“ไซหยุน ให้ข้าคุยกับจักรวรรดิตะวันโลหิตแทนแล้วกัน ข้าจะพยายามหาทางแก้ปัญหาให้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงที่พวกเราทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ” ซีห้าวหมิงกล่าวกับจักรพรรดิซี
ในเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิตะวันโลหิตแห่งภาคใต้ เจี้ยนเฉินและไคยะเดินไปตามถนนที่จอแจ พวกเขารีบไปที่ใจกลางเมือง มันอยู่ใกล้กับพระราชวังของจักรพรรดิ ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในภาคใต้
“จักรวรรดิตะวันโลหิตเป็นผู้ปกครองของภาคใต้ในฐานะจักรวรรดินิรันดร์เพียงแห่งเดียว พระราชวังของจักรพรรดิมีความสำคัญกับจักรวรรดิตะวันโลหิตด้วยเช่นกัน ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นสิ่งต้องห้ามโดยทั่วไป ข้าหวังว่าสถานที่แห่งนี้จะทำให้ห้วยอันยุ่งยากได้บ้าง” เจี้ยนเฉินคิด ตอนนี้เขาดึงดูดความสนใจจากรองหัวหน้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นกำลังตามล่าเขา แม้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วยดึงตัวห้วยอันไว้ แต่เขาเข้าใจว่านี่เป็นเพียงชั่วคราว ราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถยื้อเวลาให้เขาได้นาน