เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1986: ยานรบอวกาศ
ตอนที่ 1986: ยานรบอวกาศ
ชายหนุ่มทำให้การโจมตีจากราชาเทพทั้งสามไร้ผลด้วยมือข้างเดียว ยิ่งกว่านั้น เขายังคงสงบโดยยังคงถือไพ่เหนือกว่า เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังอย่างมาก
เมื่อเจี้ยนเฉินปะทะกับราชาเทพมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากปะทะกันหลายครั้ง เขาก็เริ่มมีความเข้าใจต่อพวกเขามากขึ้น เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนไหว เจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นราชาเทพช่วงปลายเหมือนเหล่าราชาเทพจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า
พวกเขาอยู่ในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน แต่ชายหนุ่มสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง เขาเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
“เมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิตะวันโลหิตเป็นรังของสัตว์ประหลาดจริง ๆ ด้วย แค่คนธรรมดาก็สามารถมีพลังได้” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ
ข้างหน้าเขา ทั้งสามราชาเทพจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าส่องแสงรัศมีปีศาจซึ่งปกคลุมร่างของพวกเขาในหมอกสีดำ หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “เจ้าเป็นใคร ? ทำไมถึงกล้าพอที่จะเข้ามาขวางลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ? ออกไปเดี๋ยวนี้ และเราจะลืมเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าเพิ่งทำ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นศัตรูของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า”
บนที่ราบเมฆา ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าปฏิบัติตัวตามที่พวกเขาต้องการเสมอ แม้หลังจากมาถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิตะวันโลหิต พวกเขาก็ไม่ได้ลดทอนลงเลย พวกเขาไม่กลัวสิ่งใด
ชายหนุ่มเปิดพัดของเขาและสะบัดมันอย่างสบายใจ เขาพูดเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้าสามคนดูถูกจักรวรรดิตะวันโลหิตมากไปแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่ดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก่อนที่จะพูด พวกเจ้ากล้าที่จะข่มขู่ข้าในดินแดนของข้าอย่างนั้นรึ ? ข้าไม่สนผู้พิทักษ์ไร้น้ำยาอย่างพวกเจ้า หากว่ารองหัวหน้าของพวกเจ้าจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาจะต้องพิจารณาบางอย่างก่อนที่จะทำอะไร”
ในขณะนี้ ทหารยามจำนวนมากของเมืองหลวงรีบเร่งเข้ามารอบทิศทาง ราชาเทพหลายคนได้บินออกจากพระราชวังแล้วเช่นกัน เข้าใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ราชาเทพทั้งสามจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นถูกรายล้อม เหล่าราชาเทพจากพระราชวังมองดูพวกเขาอย่างเยือกเย็นขณะที่พวกเขาล้อมรอบพวกเขา พวกเขาได้ปล่อยพลังแห่งการมีอยู่อันยิ่งใหญ่ของพวกเขาออกมาทีละน้อย
แม้ว่าราชาเทพทั้งสามจะถูกล้อมรอบ พวกเขาก็ยังคงสงบ พวกเขาไม่ได้โกรธเลย หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “รองหัวหน้าได้สั่งให้จับกุมคนสองคนนี้เป็นการส่วนตัว จักรวรรดิตะวันโลหิตวางแผนที่จะปกป้องพวกเขาหรือ ? ”
“ข้าไม่สนใจว่ารองหัวหน้าต้องการจับใคร. นี่คือเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิตะวันโลหิต ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าสามารถทำตามใจต้องการ ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าของเจ้ายังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในภาคใต้ กรุณากลับไปซะ. ไม่อย่างนั้น ข้าจะส่งเจ้าออกไปนอกเมือง” ชายหนุ่มผิวขาวพูดอย่างเยือกเย็น
ผู้พิทักษ์ทั้งสามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าได้ไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว หลังจากตัดสินสถานการณ์ที่พวกเขาเป็นอยู่ พวกเขาก็ทำได้เพียงกลับไปอย่างหมดหนทาง
หลังจากการจากไปของผู้พิทักษ์ทั้งสาม เจี้ยนเฉินป้องมือให้ชายหนุ่มและกล่าวว่า “ข้าคือเจี้ยนเฉิน. ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านในวันนี้ ข้าจะจดจำความมีน้ำใจที่ท่านได้แสดงให้เห็น”
“เจี้ยนเฉินเหรอ ? ” ดวงตาของชายหนุ่มนั้นหรี่แคบลงทันทีเมื่อเขาได้ยินชื่อของเจี้ยนเฉิน เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจบางอย่าง “เจ้าคือเจี้ยนเฉินผู้ที่เอาชนะราชาเทพในภาคเหนือใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าเอง” เจี้ยนเฉินกล่าว
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยและศึกษาเจี้ยนเฉิน เขากล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจที่ผู้พิทักษ์ทั้งสามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังตามล่าเจ้าในขณะที่เจ้ายังเป็นขั้นเหนือเทพอยู่ เจ้าเคยจับกุมหย่าซีเหลียนในอดีตและให้ราชาศักดิ์สิทธิ์ใช้นางเป็นตัวประกัน บังคับให้ห้วยอันยอมรับข้อตกลงของเขา ด้วยอารมณ์ของห้วยอัน เขาจะจัดการสะสางความแค้นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเป็นขั้นเหนือเทพที่ไปถึงป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ด้วยความสามารถอันน่าประทับใจของเจ้า เจ้าจะเป็นภัยคุกคามต่อลัทธิปีศาจชั้นฟ้าในอนาคต ก็ไม่แปลกที่ห้วยอันอยากจะรีบจัดการเจ้าให้พ้นทาง”
“ในรองหัวหน้าทั้งสาม ห้วยอันเป็นคนที่อดกลั้นได้น้อยที่สุดและเป็นคนพยาบาทมากที่สุด ในเมื่อเจ้าทำให้ห้วยอันแค้น เจ้าจึงต้องระวังตัวให้มากขึ้นในตอนนี้”
ทันทีที่เขาพูดถึงจุดนี้ ชายหนุ่มก็หยุด เขาจ้องเขม็งไปที่ระยะไกลและเริ่มเคร่งเครียดขึ้น เขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าห้วยอันให้ความสำคัญกับเจ้ามากกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้ เขามาด้วยตัวเอง เจี้ยนเฉิน เจ้าจงออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ในฐานะรองหัวหน้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ห้วยอันมีทักษะลับต่าง ๆ เมื่อรวมกับการบ่มเพาะในฐานะขั้นอสงไขย เขาจะสามารถจัดการกับเจ้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ละเมิดกฎใด ๆ ของจักรวรรดิตะวันโลหิตของเรา”
ห้วยอันมาถึงเร็วมาก ก่อนที่ชายหนุ่มพูดจบ ห้วยอันก็มาปรากฏตัวบนถนนอย่างเงียบ ๆ เขาจ้องเจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา
ในทางกลับกัน เจี้ยนเฉินก็ไม่ลังเลเลย เขารีบออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับไคยะ หายตัวไปจากถนนภายในพริบตา
ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวยืนอยู่ต่อหน้าห้วยอัน เขากล่าวอย่างต่อเนื่องว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่ารองหัวหน้าอันมีชื่อเสียงของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ห้วยอัน จะมาเยี่ยมจักรวรรดิตะวันโลหิตของเราเป็นการส่วนตัว ข้าคิดว่าจักรวรรดิตะวันโลหิตของเราควรจะต้อนรับแขกกิตติมศักดิ์ หรือว่าเราไม่ต้องทำอะไรและขอให้ท่านกลับออกไป รองหัวหน้าห้วยอันทำให้มันยากมากสำหรับข้า”
ห้วยอันกำลังจะไล่ตามเจี้ยนเฉิน เขามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา และเขาก็ขมวดคิ้วทันที เขาไม่รู้จักชายหนุ่มคนนี้ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่กลัวอะไรในขณะที่เขาเป็นเพียงราชาเทพและความจริงที่ว่าเขาใช้คำว่า ‘ของเรา’ เมื่อพูดถึงจักรวรรดิ ห้วยอันได้ตัดสินใจทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหนึ่งในตระกูลราชวงศ์ ยิ่งไปกว่านั้น เขาน่าจะมีสถานะบางอย่างในราชวงศ์
อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญว่าเขาจะมีสถานะอะไร ในฐานะรองหัวหน้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า แม้แต่บรรพชนจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิตะวันโลหิตก็อาจกลัวเขาเล็กน้อย เขาตะคอกอย่างเย็นชาทันที “ข้ามาจับตัวคนที่ต้องการ ข้าไม่มีเวลาสนทนากับเจ้า ออกไปซะ ไม่อย่างนั้นข้ามาโทษข้าที่หยาบคาย” ในขณะที่เขากล่าว ความกดดันของขอบเขบตั้งต้นก็แผ่ออกจากห้วยอัน ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยออกไปโดยตรง
“ห้วยอัน นี่คือจักรวรรดิตะวันโลหิต ไม่ใช่ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะกระทำอย่างประมาท ข้าก็จะบังคับให้เจ้าออกจากเมืองหลวง” ขณะที่ห้วยอันปลดปล่อยความกดดันออกมา เสียงที่ดังและชัดเจนก็ดังขึ้นในหัวของเขาโดยตรงจากพระราชวัง
“ฮืม ข้ารู้กฎของจักรวรรดิตะวันโลหิตของเจ้า การเข้ามาของข้าในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ขวางทางข้า ข้าจะไม่ละเมิดกฎใด ๆ ของเจ้า” ห้วยอันตอบอย่างเฉยเมย เขาไม่ใส่ใจที่จะจัดการกับชายหนุ่มอีกต่อไป เขาหายไปพร้อมกับแสงสว่างในการติดตามเจี้ยนเฉิน
ชายหนุ่มที่มีพัดมองไปในทิศทางที่ห้วยอันหายไป ในสายตาของเขามีความลังเลเล็กน้อย และเขาพูดกับพระราชวังว่า “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เจี้ยนเฉินเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในภาคใต้ของเรา เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถครอบครองภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต เราควรมองดูลัทธิปีศาจชั้นฟ้าทำอันตรายต่อเขาหรือ ? ”
“มีคนที่มีความสามารถนับไม่ถ้วนในโลกเซียน และแม้แต่อัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนมากมาย อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดจะมีสักกี่คนที่สามารถไปให้ถึงจุดสูงสุด ? แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพหรืออันดับหนึ่งบนบัลลังก์ราชาเทพ แต่มีตัวอย่างมากมายที่ตายก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ไม่จำเป็นที่เราต้องไปทำให้ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าขุ่นเคืองใจในเรื่องดังกล่าว” เสียงที่หนักแน่นและชัดเจนดังขึ้นอีกครั้งจากพระราชวัง แต่มีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่ได้ยิน
ปัจจุบันเจี้ยนเฉินและไคยะเคลื่อนตัวไปตามถนนของเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามออกห่างจากห้วยอันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขานึกถึงแผนการต่าง ๆ ที่เขาสามารถใช้ได้
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เจี้ยนเฉินและไคยะก็หยุด พวกเขาลอยอยู่เหนือพื้นดิน พวกเขาจ้องมองไปข้างหน้า
ข้างหน้าพวกเขามีชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีขาวและแดงก่ำ เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินและไคยะด้วยสายตาแปลก ๆ
“ปรมาจารย์เฉินหลงมาที่นี่ได้อย่างไร ? ” ไคยะถาม นางรู้สึกประหลาดใจ
ชายชราคือปรมาจารย์เฉินหลง คนที่มีเรื่องขัดแย้งกับเจี้ยนเฉินในอดีต
อย่างไรก็ตาม ความบางหมางระหว่างเจี้ยนเฉินกับปรมาจารย์เฉินหลงได้รับการแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไปผ่านความซาบซึ้งที่เจี้ยนเฉินรู้สึกต่อเขาสำหรับการช่วยชีวิตไคยะในตอนที่ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดของสำนักจิตวิญญาณปฐพีมุ่งหน้าข้าไปในเมืองหลักของแคว้นตงอัน
เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งกับการพบกันที่นี่เช่นกัน
ปรมาจารย์เฉินหลงเคร่งเครียดอย่างยิ่งยวด เขาพูดด้วยน้ำเสียงลึก “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังมีปัญหาใหญ่ อย่าพูดอะไรเลย ตามข้ามาเร็วเข้า” ก่อนที่ปรมาจารย์เฉินหลงจะหันกลับและหายตัวไป
เจี้ยนเฉินและไคยะมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าปรมาจารย์เฉินมีอะไรแอบแฝงในใจ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นในเวลาเช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงติดตามปรมาจารย์เฉินหลงไปอย่างใกล้ชิด
ภายใต้การนำทางของปรมาจารย์เฉินหลง ทั้งสามคนมาถึงจตุรัสที่มีขนาดใหญ่มากในเมืองหลวงของจักรวรรดิในไม่ช้า จัตุรัสกว้างหลายสิบกิโลเมตรและมีผู้คนเต็มไปหมด
ส่วนที่สะดุดตาที่สุดของมันคือยานพาหนะการบินที่มีขนาดใหญ่มากซึ่งจอดอยู่ที่ใจกลางจัตุรัส มันยาวหลายสิบกิโลเมตรและสูงหลายสิบกิโลเมตร มันลอยอยู่บนท้องฟ้าเหมือนภูเขาตระหง่าน เพียงแค่เหลือบมองครั้งเดียวมันจะทำให้ผู้คนรู้สึกท่วมท้น
“รับสิ่งนี้ไปและขึ้นยานกับข้าเร็วเข้า เมื่อเราอยู่บนยานรบอวกาศ เราจะปลอดภัยชั่วคราว” ปรมาจารย์เฉินหลงมอบเครื่องรางหยกให้กับไคยะและเจี้ยนเฉินก่อนพาพวกเขาไปที่ยานรบอวกาศอย่างรวดเร็ว
“ยานรบอวกาศรึ ? “ มีความกังขาในแววตาของเจี้ยนเฉิน เขามองยานพาหนะขนาดมหึมาที่บินร่อนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยความสับสนขณะที่เขาเดินตามปรมาจารย์เฉินหลงเข้าไป
ในขณะนี้เขาไม่สนใจจุดประสงค์ของยานรบอวกาศอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะต้องลุยฝ่าโลกแห่งอันตรายเพื่อหลบเลี่ยงการตามล่าของขั้นอสงไขย เขาจะทำเช่นนั้น
“เจี้ยนเฉิน หยุด ! ”
เมื่อเจี้ยนเฉินกำลังจะขึ้นยานรบอวกาศ เสียงฟ้าร้องดังขึ้นในหัวของเขา คลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวสะท้อนในหัวของเจี้ยนเฉิน ทำให้วิญญาณของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกือบจะสลาย จิตสำนึกของเขาเริ่มพร่ามัว ในขณะที่พลังบรรพกาลภายในตัวเขาหยุดลงชั่วคราวในขณะนั้น เขาเกือบตกลงมาจากท้องฟ้า
ข้างหลังพวกเขา ห้วยอันรีบเร่งเข้ามา เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินพร้อมกับใบหน้าที่มืดมน
ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ไคยะรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและคว้าไหล่เจี้ยนเฉินทันที ทันใดนั้นความเร็วของนางก็ระเบิดขึ้นขณะที่นางบินไปที่ประตูห้องโดยสาร
“อย่าบังอาจคิดที่จะออกจากที่ราบเมฆา ! ” ห้วยอันฉุนเฉียว ในขณะนั้นเขาไม่ใส่ใจกับการทำลายกฎของจักรวรรดิตะวันโลหิตอีกต่อไป เขายกมือขึ้นและเอื้อมมือไปที่เจี้ยนเฉินจากระยะไกล
ขณะที่เขายื่นมือยาวออกไป มือของเขาที่ยืดออกไปกลายเป็นเมฆดำที่บดบังท้องฟ้าและขังมิติไว้ โดยพุ่งไปทางเจี้ยนเฉินและไคยะ
ไคยะและเจี้ยนเฉินทรุดตัวทันที แรงกดดันมหาศาลทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ พวกเขาทำได้เพียงมองดูมือของห้วยอันตกลงมาหาพวกเขา