เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2003: ทะลวงขั้นวิญญาณ
ตอนที่ 2003: ทะลวงขั้นวิญญาณ
“พลังสายเลือดของหมาป่านภาโบราณสามารถช่วยให้ข้าขัดเกลาวิญญาณของข้า ไม่เพียงแต่มันจะรวมตัวกัน แต่ยังมีพลังมาขึ้นอีกด้วย ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง นี่เป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง
เจี้ยนเฉินกลืนเม็ดยาฟื้นฟูวิญญาณอย่างมีความสุขและฟื้นฟูวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
การฟื้นฟูของมันรวดเร็วอย่างมาก ไม่นานพลังวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์และโดยไม่มีการลังเล เขาก็ทำสิ่งเดิมเหมือนกับก่อนหน้าคือการมองภาพของหมาป่านภาโบราณที่พลังสายเลือดสร้างขึ้น
ทันทีที่ภาพเดียวกับในหัวเจี้ยนเฉินปรากฏอีกครั้ง เจี้ยนเฉินก็ไม่ทราบว่าทำไม ความว่างเปล่าและแรงกดดันโบราณถึงทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น เขารู้แต่ว่าการดำรงอยู่ของมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้
มันเป็นภาพเดียวกับก่อนหน้า หมาป่านภาที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์และสง่างามยืนอยู่นอกห้วงจักรวาล พร้อมกับแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัว
วิญญาณของเจี้ยนเฉินสั่นไหวอีกครั้ง ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามันไม่สำคัญว่าจะพายเรือน้อยท่ามกลางมหาสมุทรที่ปั่นป่วนซึ่งเขาอาจจะกลายเป็นชิ้น ๆ และจมลงก้นทะเลได้ตลอดเวลา เขารู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขากำลังจะสลาย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เจี้ยนเฉินได้ปกป้องวิญญาณของเขาอย่างใกล้ชิดในครั้งนี้และให้ความสนใจกับมันอย่างมาก ไม่นานเขาก็พบสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งแม้ว่าพลังวิญญาณของเขากำลังถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่วิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
“พลังวิญญาณสามารถเพิ่มขึ้นอย่างนี้ได้จริงหรือ ? ไม่…วิญญาณของข้าไม่ได้เพิ่มเพราะแรงกดดัน แต่ความว่างเปล่าและพลังแห่งการมีอยู่โบราณได้หลอมรวมเข้ากับวิญญาณของข้า ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นจากแรงกดดันนี้” เจี้ยนเฉินพบความลับที่ว่าทำไมวิญญาณของเขาถึงแข็งแกร่งในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว เขาตรวจสอบทันทีหากมันมีผลกระทบใด ๆ เขาจะหยุดการดูดซับพลังแห่งการมีอยู่นั้นทันที
อย่างไรก็ตาม หัวใจของเจี้ยนเฉินก็หล่นลงอีกครั้ง มีพลังชั่วร้ายสีเงินและวิญญาณพลังสีแดงในตัวเขา มันยังคงอยู่ที่นั่นขณะที่เขาดูดซับพลังจากวิกฤตของโลกในทวีปเทียนหยวน โดยมันหลอมรวมกับวิญญาณของเขามานานแล้ว
ตอนนี้เขาพบว่าขณะที่เขาดูดซับพลังจากสายเลือด พลังมารที่ดูดซึมนั้นก็ปรากฏด้วย
มันเป็นเพียงเพราะความจริงที่ว่าวิญญาณของเขาหลอมรวมเขากับพลังมาร วิญญาณของเขาก็ได้รับประโยชน์เมื่อพลังมารดูดซับพลังแห่งการมีอยู่ที่ความว่างเปล่า
“งั้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าแกร่งขึ้น” เจี้ยนเฉินจมอยู่เงียบ เขาไม่รู้ว่าควรจะดูดซับต่อหรือจะหยุดดี
พลังมารได้ปนเปื้อนวิญญาณของเขา ดังนั้นมันจึงมีปัจจับที่ไม่แน่นอนมากมาย มันเคยส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาและทำให้เขาสูญเสียตัวตน
ในอดีตไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงปราบปรามพลังมารเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับเขาในช่วงเวลาสำคัญ
อย่างไรก็ตามเมื่อพลังมารแข็งแกร่งขึ้น การเพิ่มการระวังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
นี่ทำให้มันจะไร้ประโยชน์ทันทีที่จะรักษาความไม่แน่นอนเมื่อพลังที่เก็บไว้เพิ่มขึ้น
ในขณะที่เจี้ยนเฉินลังเล เขาคิดถึงห้วยอันที่ตามล่าเขา จิตใจของเขาก็ไม่สนใจสิ่งใด ๆ อีกต่อไป สิ่งนี้ทำให้เขากัดฟันและตัดสินใจอย่างทันที เขายังคงดูดซับพลังแห่งการมีอยู่จากพลังสายเลือดหมาป่านภาโบราณ
เจี้ยนเฉินเข้าสู่การบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน ด้วยพลังสายเลือด วิญญาณของเขาก็เติบโตขึ้นทุกวัน ๆ อย่างไรก็ตามเม็ดยาฟื้นฟูวิญญาณที่ต้องใช้ในแต่ละครั้งก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ในเวลาเพียงครึ่งเดือน เจี้ยนเฉินได้ใช้แต่เม็ดยาฟื้นฟูวิญญาณ หากไม่มีพวกมัน เขาคงต้องใช้เวลานานกว่าที่เขาจะฟื้นฟูพลังวิญญาณให้กลับคืนมาทั้งหมด
However, Jian Chen had no intentions of stopping. He called Kai Ya over and gave her a large amount of supreme grade divine crystals to buy many Soul Recovery Pills and heavenly resources that could allow the soul to recover on the spatial battleship. Afterwards, he continued his secluded cultivation.
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่มีความตั้งใจจะหยุด เขาเรียกไคยะและมอบผลึกศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจำนวนมากเพื่อให้นางซื้อเม็ดยาฟื้นฟูวิญญาณและทรัพยากรสวรรค์มากมายที่สามารถช่วยฟื้นฟูวิญญาณในเรือรบมิติ หลังจากนั้นเขาก็ยังบ่มเพาะอย่างสันโดษ
ในพริบตาสองเดือนผ่านไปแล้ว ช่วงเวลานั้นเจี้ยนเฉินได้กินยาฟื้นฟูวิญญาณเป็นจำนวนมาก เจี้ยนเฉินซื้อยาฟื้นฟูวิญญาณและสมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณได้โดยตรง ทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น
หลังจากผ่านไปสองเดือนกับการกักตนบ่มเพาะ ในที่เจี้ยนเฉินก็ทะลวงระดับวิญญาณไปยังระดับราชาเทพช่วงต้นได้ ซึ่งทำให้เขาอยู่ห่างเพียงก้าวเดียวในการเป็นราชาเทพช่วงกลาง
แน่นอนมีเพียงพลังวิญญาณของเขาเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น พลังบรรพกาลของเขาและความเข้าใจในกฏของกระบี่ยังคงอยู่ในขั้นเหนือเทพช่วงปลาย
อย่างไรก็ตามมันมีผลที่ตามมาเช่นกัน พลังมารในวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็แข็งแกร่งพร้อมกับวิญญาณของเขา
ความว่างเปล่าและพลังกดดันจากสายเลือดนั้นอ่อนแออย่างยิ่ง แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่สนใจสิ่งที่ปรากฏออกมา มีอีกภาพคือหมาป่านภาโบราณ ที่มีร่างอยู่เหนือชั้นฟ้าและหอนออกมาในจิตใจของเขานับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากสองเดือนที่ผ่านมา มันกลายเป็นภาพเล็ก ๆ ที่ประทับอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเจี้ยนเฉิน ซึ่งเขาจะไม่มีวันลืมมันไปได้อีกต่อไป
เจี้ยนเฉินยังคงพบเจอกับภาพลวงตาราวกับว่าเขาเป็นหมาป่านภาโบราณที่เหยียบดาวเคราะห์และดวงดาวเหล่านั้น พร้อมกับหอนจนทำให้ทั้งจักรวาลสั่นสะเทือน
ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่เขาหมกมุ่นอยู่กับภาพลวงตาที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็อดที่จะเลียนแบบการหอนของหมาป่านภาโบราณ
“อวู้ ! ”
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ส่งเสียงหอนราวกับหมาป่า
เจี้ยนเฉินไม่ได้ทำเพราะต้องการ แต่เป็นเพราะอิทธิพลจากภาพของหมาป่านภาที่พบเจอบ่อยมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มันเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาทำตัวเหมือนกับหมาป่านภาโบราณโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเขาจึงหอนออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามเมื่อเจี้ยนเฉินหอนออกไป พลังงานดั้งเดิมทั้งหมดก็หยุดลงและมิติก็แข็งตัว คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ขยายออกไปรอบ ๆ และการตกแต่งและเครื่องเรือนในห้องโดยสารทั้งหมดถูกสะเทือนจนกลายเป็นฝุ่นทันทีที่มันเคลื่อนที่ผ่านไป ห้องโดยสารทั้งหมดสั่นอย่างรุนแรง
หากไม่ใช่เพราะค่ายกลป้องกัน คลื่นเสียงอาจทำลายห้องโดยสารไปแล้ว
เจี้ยนเฉินลืมตา เกิดความงุนงงเล็กน้อยในตอนแรก แต่ดวงตาของเขาก็หรี่ลงในเวลาต่อมา ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักในสิ่งที่เขาได้ทำโดยไม่รู้ตัว เขามองไปรอบ ๆ และพบว่านอกจากเตียงหยกและห้องโดยสารแล้วที่มีค่ายกลป้องกันแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นฝุ่น
สิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อคือพลังงานดั้งเดิมที่หนาแน่นในห้องโดยสารก็หายไปโดยสิ้นเชิง
“พลังงานดั้งเดิมกระจัดกระจายไปตามเสียงคำรามของข้าที่ปล่อยออกไปบังเอิญงั้นหรือ ? เป็นไปได้อย่างไร ? ถ้านั้นเป็นเรื่องจริง เสียงหอนก่อนหน้านี้ทรงพลังมากแค่ไหน ? ” จิตใจของเจี้ยนเฉินปั่นป่วน เขาตกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาความรู้สึกอ่อนแรงก็ประดังเข้ามาหาเขา เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ทันทีว่าพลังของสายเลือดในตัวเขาจะหมดไปแล้ว ในขณะเดียวกันพลังของเขาก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุดและเปลี่ยนเป็นพลังใหม่ของสายเลือดเพื่อชดเชยการบริโภค
“กะ-เกิดอะไรขึ้น ? ” เจี้ยนเฉินตกใจอย่างมาก เขาสับสันกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันดูเหมือนว่าเขาจะสามารถใช้พลังของสายเลือดหมาป่านภาโบราณได้
อย่างไรก็ตาม สามผู้อาวุโสของยานรบอวกาศบอกว่ามันไม่สามารถดูดซับได้ ไม่ใช่หรือ ? แม้แต่หมาป่าด้วยกันเองก็ยังไร้ประโยชน์ เพราะมันเป็นสิ่งที่มีมาแต่เดิม มันติดตัวแต่กำเนิด มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่เกิดมาโดยไม่มีมัน
แล้วทำไมเขาถึงสามารถใช้มันได้?
“มันเป็นเพราะพลังมารในวิญญาณข้างั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด เขาไม่สามารถละทิ้งเหตุผลใด ๆ ที่เหมาะสมขนาดนี้ไปได้อีกแล้ว