เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2016: หอคอยผู้อยู่รอด
ตอนที่ 2016: หอคอยผู้อยู่รอด
ชะตากรรมของราชาปีศาจสามตาทำให้เจี้ยนเฉินกลัวกระแสน้ำวน หากสัมผัสมันพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตายบางอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นขอบเขตเทพขั้นสูงสุด พลังที่มหาศาลของพวกเขาจะหมดไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
มีข่าวลือว่าผู้คนที่เป็นอยู่ขอบเขตเทพจะมีอายุไม่จำกัดและสามารถอยู่บนโลกได้ตลอดไป
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินเข้าใจทั้งหมดอย่างลึกซึ้งจากการบ่มเพาะ เขารู้ว่าการที่อยู่ในขอบเขตเทพที่มีชีวิตอยู่ได้ตลอดตราบที่ยังมีโลกนั้นเพราะว่าพวกเขาดูดซับและปล่อยพลังงานดั้งเดิมขณะที่พวกเขาบ่มเพาะ โดยทั่วไปพวกเขาจะเติมพลังตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณของพวกเขาก็เข้าใจกฏของโลกก็ทำให้มันเปลี่ยนไป ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพสามารถบอกได้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปหากยังมีโลก
โดยพื้นฐานแล้วไม่มีบันทึกใด ๆ ในประวัติศาตร์ทั้งหมดของโลกเซียนที่ผู้บ่มเพาะจะตายเพราะหมดอายุขัย
อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะดูดซับพลังงานจากกระแสน้ำวนชั่วคราว ในขณะที่พลังมันน้อยลงจนไม่อาจเติมเต็มได้ ผู้คนที่อยู่ในขอบเขตเทพก็จะตายเพราะสูญเสียพลังทั้งหมดขณะที่เขาอยู่ในกระแสน้ำวนชั่วคราวนั้น แม้แต่วิญญาณของพวกเขาก็ไม่อาจหลบหนีชะตากรรมนั้นได้
ปัง !
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นและกระแสน้ำวนก็ไหลผ่านเจี้ยนเฉินและเกิดผลกระทบทำให้มิติบิดเบี้ยว ทำให้พวกเขากระเด็นออกไปโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ พวกเขากระแทกหลังกับไคยะอย่างแรงโดยไม่อาจยับยั้งได้
ไคยะกระอักเลือดออกมาเต็มปากขณะที่นางถูกกระแทกไปด้านหน้า
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาทำได้แค่คว้ามือของไคยะเท่านั้น
ในเวลานั้นปรมาจารย์เฉินหลงก็รีบคว้าข้อมือของไคยะ
อย่างไรก็ตามไม่มีผืนดินหรือสถานที่ใด ๆ ในรอยแยกมิติโกลาหล เจี้ยนเฉินและไคยะถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็วเพราะไคยะเคลื่อนที่เร็วเกินไป นางไม่อาจหยุดมันได้เลย
พายุมิติ, สายธารพลังงาน, และกระแสน้ำวนของกาลเวลาที่มีอยู่เต็มในรอยแยกมิติ มันเพิ่งเกิดกระแสน้ำวนเพียงชั่วคราวด้านหน้าของพวกเขาซึ่งกว้างหลายสิบเมตร
ทั้งสามคนพุ่งเข้าหากระแสน้ำวนอย่างไม่อาจควบคุมได้ พวกเขาไม่อาจหยุดได้เลย
ใบหน้าเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป กระแสน้ำวนชั่วคราวที่ทำลายราชาปีศาจสามตานั้นกว้างไม่กี่เมตร แต่กระแสน้ำวนชั่วคราวด้านหน้าของพวกเขากว้างหลายสิบเมตร
เจี้ยนเฉินไม่รอช้า เขาหยิบวัตถุเซียนขนาดกลางและมีคุณภาพต่ำออกมาจากแหวนมิติของเขาทันทีและโยนมันออกไป เขาควบคุมพวกมันให้ระเบิดด้านหน้าของเขา
ปรมาจารย์เฉินหลงเอาวัตถุเซียนโยนไปด้านหน้าของเขา และเขาก็ทำให้มันระเบิด
ตูม ! ตูม ! ตูม…
เสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งจากวัตถุเซียนที่ระเบิดออกมาทำให้ทั้งสามคนเริ่มมีเสถียรภาพ โดยไม่ลังเล พวกเขาได้ออกจากกระแสน้ำวนชั่วคราว
แม้ว่าทั้งสามจะมีรูปลักษณ์ที่กระเซอะกระเซิง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงการตกไปอยู่ในกระแสน้ำวนชั่วคราว
อย่างไรก็ตามการระเบิดหลายครั้งของวัตถุเซียนทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่กับรอยแยกมิติ มันก่อให้เกิดกระแสพลังงานทำลายล้างซึ่งใกล้เคียงกับพายุที่น่ากลัวทำให้สถานที่ทั้งหมดบิดเบือนไม่มีเสถียรภาพอย่างมาก
สีหน้าของเจี้ยนเฉิน, ไคยะและปรมาจารย์เฉินหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก กระแสพลังงานและพายุมิติจำนวนมาปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวของเขาและเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ก็ถูกบิดเบือนด้วยเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็พบว่ามันไร้ประโยชน์ และยังคงถูกพัดพาเข้าสู่พายุมิติ
พวกเขารู้สึกเหมือนกับแล่นเรือทวนกระแส ไม่ว่าพวกเขาจะพายไปมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจไปด้านหน้าได้ แต่มันยังคงถูกดูดจากน้ำวนด้านหลัง
เห็นได้ชัดว่านี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังประสบกันอยู่ตอนนี้
ทั้งสามคนจริงจังมากขึ้น พายุมิติข้างหน้ามีพื้นที่หลายหมื่นเมตร มันมีพลังทำลายที่น่าพลัว เพียงแว่บเดียวก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความตาย
ถ้าพวกเขาถูกดูดเข้าไปในพายุ ทั้งสามคนจะตายอย่างแน่นอน
“เร็ว เข้าไปในหอคอย” ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เจี้ยนเฉินตัดสินใจเอาหอคอยอนัตตาออกมาอย่างเด็ดขาด ซึ่งเขาไม่ได้ใช้มันมานานพอสมควร
หอคอยอนัตตาเป็นของอัครสูงสุดอนัตตา มันเป็นวัตถุเทพที่มีคุณภาพอย่างมาก มีหลายอย่างเกี่ยวข้องกับมันมากเกินไป นับตั้งแต่เจี้ยนเฉินเข้ามายังโลกเซียนเขาก็กังวลว่าจะมีผู้มีพลังจำนวนมากในโลกเซียนรู้จักมันเมื่อเขาหยิบมันออกมา ทำให้เขาเก็บมันเป็นอย่างดีเสมอ
ท้ายที่เขารู้ว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดมากมายในโลกเซียนมีความสามารถในการมองเห็นอดีตและอนาคต เขาไม่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหล่านี้หาเขาผ่านหอคอยอนัตตาซึ่งจะเปิดเผยความลับของเขาเกี่ยวกับกระบี่คู่
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องเผชิญกับอันตราย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาหอคอยอนัตตาออกมา เจี้ยนเฉินจึงไม่สนใจเกี่ยวกับมันอีกต่อไป
แม้ว่าหอคอยอนัตตาจะเสียหาย แต่เจี้ยนเฉินก็มั่นใจว่าสามารถรับมือกับพายุได้
แววตาของไคยะดูสับสนจากการปรากฏตัวของหอคอยอนัตตา นางจ้องมองหอคอยที่ไม่คุ้นเคยและทรุดโทรม มีความงุนงในขณะที่นางรู้สึกคุ้นเคยจากส่วนลึกของวิญญาณ
ปรมาจารย์เฉินหลงก็เหมือนกัน เขาจ้องมองหอคอยที่เสียหาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น แต่เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นมันมาก่อน
ความรู้สึกนี้เหมือนกับที่เขารู้สึกที่ได้พบกับไคยะเป็นครั้งแรกในเมืองหลวงของแคว้นตงอัน พวกเขาเพิ่งพบกันแน่นอน แต่พวกเขารู้สึกราวกับว่ารู้จักกันมานานแล้ว
ก่อนที่พวกเขาจะคิดมากเกินไปกว่านี้ เจี้ยนเฉินดึงพวกเขาทั้งสองเข้าไปในหอคอยแล้ว
ตูม !
เมื่อพวกเขาหายตัวไปยังด้านในของหอคอย รอยแยกมิติ, พายุมิติขนาดใหญ่ก็เข้าปะทะกับหอคอยอนัตตาอย่างแรงจนส่งเสียงดัง
อย่างไรก็ตามหอคอยอนัตตายังคงไม่ขยับเขยื้อน พายุมิติขนาดใหญ่หลายหมื่นเมตรที่ทำให้ทั้งสามคนต้องหน้าเสียก็ยังไม่อาจสั่นคลอนหอคอยอนัตตาได้เลย
หลังจากนั้นกระแสธารพลังงานได้ถล่มหอคอยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกระแสธารที่โกลาหลก็แยกย้ายกันไป
หอคอยอนัตตาก็ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เลย !
ด้านใน เจี้ยนเฉิน,ไคยะและเฉินหลงสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกอย่างประหม่า เมื่อพวกเขาพบว่ากระแสธารโกลาหลและพายุมิติไม่อาจทำอะไรกับหอคอยได้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ถอนหายใจ
“เจี้ยนเฉิน นี่คือที่ไหน ? ” ไคยะถามขณะที่นางมองไปรอบ ๆ อย่างต่อเนื่อง ความสับสนและมึนงงปรากฏในสายตาของนางอย่างมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับหอคอยอนัตตาให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับไคยะอย่างมากและมันก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
วิญญาณในกับดักนั้นก็โผล่ออกมาจากแหวนมิติของปรมาจารย์เฉินหลง มันกลายเป็นงูตัวใฆญ่ผ่านป้ายอาคม ขณะที่ศึกษาโลกเล็ก ๆ ที่ชั้นหนึ่งอย่างต่อเนื่อง มันรู้สึกสับสนภายใน “สถานที่แห่งนี้คือที่ไหน ? ข้าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่มันก็ดูเลือนราง…..”
นี่คือวัตถุเทพที่ผู้เชี่ยวชาญเหลือไว้เบื้องหลัง ตอนนี้เราอยู่ในโลกภายในวัตถุเทพ มันมีทั้งหมด 9 ชั้นและแต่ละชั้นก็มีโลกเป็นของตัวเอง ตอนนี้เราอยู่ในโลกของชั้นแรก” เจี้ยนเฉินพูด จากนั้นเขาก็มองเข้าไปจากระยะไกล ๆ และเห็นราง ๆ ว่าในที่นี่ห่างไกลนั้นมีกระบี่ขนาดใหญ่ 4 เล่มบินฉวัดเฉวียนไปมา
“น่าเสียดายที่ทั้ง 9 ชั้นเสียหายและพวกมันก็ไม่อาจฟื้นฟูได้ เนื่องจากการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขั้นแนวหน้าคนอื่น ๆ ทำให้ที่นี่เป็นได้แค่ที่หลบภัยชั่วคราวสำหรับเรา” เจี้ยนเฉินพูดพลางถอนหายใจ