เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2019: หลอมรวมชั้นที่ห้า
ตอนที่ 2019: หลอมรวมชั้นที่ห้า
ปัจจุบันห้วยอันที่สวมชุดคลุมสีดำนั่งอยู่ข้างสระน้ำในคฤหาสน์ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของเมือง เขาถือเบ็ดตกปลาในขณะที่เขากำลังรอปลาติดเบ็ดอย่างสบายใจ แต่ปลาได้กัดและดึงเบ็ดทั้งคันไปพร้อมกับเหยื่อ ในทางตรงกันข้าม ห้วยอันไม่ได้ตอบสนองเลย เห็นได้ชัดว่าสติของเขาไม่ได้อยู่กับการตกปลา
“องค์หญิงแห่งจักรวรรดิซี ซีหยูได้กลับไปยังตระกูลเทียนหยวน ด้วยวิธีที่จักรพรรดิซีปฏิบัติต่อลูกสาวของเขา จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของนาง ให้ตายสิ การทำลายตระกูลเทียนหยวนยากยิ่งขึ้นไปอีก” ใบหน้าของห้วยอันโกรธแค้นมากเพราะเขารู้สึกโกรธอยู่ข้างใน
เวลาไม่สามารถเจือจางความโกรธและความเกลียดชังของเขาได้เลย แม้ว่าจะผ่านไปสองสามปี แต่ความต้องการที่จะทำลายตระกูลเทียนหยวนของเขาก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย มันมีแต่จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นจะเข้ามาปกป้องตระกูลเทียนหยวนโดยตลอด ดังนั้นห้วยอันจึงไม่เคยมีโอกาสได้ลงมือ
เป็นผลให้เขายังคงรออย่างอดทนในเมืองหลัก รอคอยที่จะทำลายตระกูลเทียนหยวนหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นได้จากไป
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากรอมานานหลายปี ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นก็ยังคงไม่ไปไหน และองค์หญิงแห่งจักรวรรดิซีก็ยังกลับมาเสียอีก
“ห้วยอัน นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรจะอยู่ เจ้าจะออกไปด้วยตัวเอง หรือเจ้าต้องให้ข้าบังคับให้เจ้าออกไป ? ”
ในขณะนี้เสียงที่มีอายุแต่เรียบง่ายดังขึ้นจากด้านหลังห้วยอัน เสียงดังปรากฏโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ มันทำให้หัวใจของห้วยอันเต้นระทึก และเขารีบกระโดดขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยิน
อาจารย์ของซีหยู ซุนฟ่าน ปรากฏตัวเงียบ ๆ ข้างหลังห้วยอัน
เนื่องจากซุนฟ่านมีพลังมากกว่าห้วยอัน และเขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของเขาไว้อย่างมิดชิด ห้วยอันจึงไม่รู้สึกถึงการมาเยือนของเขาเลย
“เจ้าคือใคร ? ” สีหน้าของห้วยอันถมึงทึง เมื่อมองไปที่ชายชรา เขาก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่คอยดูแลคุ้มกันตระกูลเทียนหยวน เขาน่าจะเป็นคนที่พาองค์หญิงกลับมาที่แคว้นตงอัน
เขารู้สึกขมขื่น จักรพรรดิซีเต็มใจที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกสาวของเขา จริง ๆ แล้วส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นมาอารักษ์ขานาง
แม้แต่ในจักรวรรดินิรันดร์ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่ง สถานะของพวกเขาพิเศษมาก
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือถ้าเจ้าไม่ออกไปจากที่นี่ ข้าจะทำให้เจ้าออกไปเอง” ซุนฟ่านกล่าวอย่างใจเย็น ด้วยเหตุนี้พลังแห่งการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวของขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 5 จึงค่อย ๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
ห้วยอันรู้สึกโมโหมากเมื่อเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของซุนฟ่าน แต่ในที่สุดเขาก็เพียงแค่แค่นเสียงออกมาทางจมุกอย่างฉุนเฉียวและมองไปที่ซุนฟ่านอย่างเย็นชาก่อนจะออกเดินทางไป
ซุนฟ่านถอนหายใจอย่างนุ่มนวลหลังจากที่ห้วยอันออกไป เขาพูดกับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสสูงสุดที่คอยหนุนหลังพวกเจ้า ที่ราบเมฆาคงไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามีที่ยืน”
หอคอยที่ชำรุดสีทองลอยอยู่ในรอยแตกของมิติ พายุมิติอันโหดร้ายที่มีขนาดใหญ่มากคร่าชีวิตผู้คนในบริเวณโดยรอบ พายุนี้ก็ทรงพลังมากจนแม้แต่ขั้นอสงไขยก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระหากติดเข้าไปข้างใน
ในหอคอยบนชั้นที่หนึ่ง ปรมาจารย์เฉินหลงนั่งอยู่บนพื้นในขณะที่เขาบ่มเพาะ เขาทำความเข้าใจเส้นทางแห่งค่ายกล ขณะที่ไคยะเดินไปรอบ ๆ ชั้นหนึ่งด้วยตัวเอง นางศึกษาสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง นางเฝ้าสังเกตมิติทุก ๆ ตารางนิ้วรอบตัวนางอย่างพิถีพิถัน แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน
นางค้นพบว่าทุก ๆ ส่วนของสถานที่นั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก แต่ไม่ว่านางจะพยายามคิดอย่างไร นางก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้มาจากไหน
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ใต้แท่นหินเหมือนรูปปั้นบนชั้นเก้า เขายังคงหลอมรวมหอคอยอนัตตา
เวลาภายในรอยแตกมิติยุ่งเหยิง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นแม้แต่เจี้ยนเฉินเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในระหว่างการหลอมรวม
เขาได้หลอมรวมหอคอยอนัตตาสี่ชั้นแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขากำลังหลอมรวมชั้นห้า
หอคอยอนัตตามีทั้งหมด 9 ชั้น หากเขาต้องการควบคุมหอคอยอนัตตาอย่างสมบูรณ์เพื่อให้มันกลายเป็นวัตถุเทพอย่างแท้จริง เขาจะต้องหลอมรวมทั้งเก้าชั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากหลอมรวมสี่ชั้นแรก เจี้ยนเฉินจึงค้นพบว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถควบคุมหอคอยอนัตตาได้อย่างหมดจด แต่การควบคุมหอคอยก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างเช่น เขาสามารถเคลื่อนที่หอคอยอนัตตาได้จากภายใน อย่างไรก็ตามเขาสามารถเคลื่อนมันได้ช้ามากซึ่งเมื่อเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่สามารถหลบได้ด้วยความเร็วของมัน
เป็นผลให้เขาต้องหลอมรวมชั้นห้าและเพิ่มการควบคุมหอคอย
การหลอมรวมชั้นห้านั้นยากลำบากอย่างมากสำหรับเจี้ยนเฉิน เขารุดหน้าช้ามาก แต่เขาก็หลงลืมเวลาไปโดยสิ้นเชิง อุทิศตัวเองเพื่อการหลอมรวม
ไม่มีใครรู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อาจจะหลายปี, บางทีอาจจะหลายเดือน, หลายปีหรืออาจจะหลายทศวรรษ ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็หลอมรวมชั้นห้าสำเร็จ
ในขณะนี้เจี้ยนเฉินสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนการควบคุมหอคอยอนัตตาง่ายยิ่งขึ้น ตามความเป็นจริง เขารู้สึกชัดเจนด้วยความคิดเดียว เขาสามารถเคลื่อนที่หอคอยได้ตามที่เขาพอใจเมื่อหลับตา
สิ่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับเสี้ยววิญญาณของเขาหลอมรวมเข้ากับหอคอยอนัตตา
ยิ่งกว่านั้นเจี้ยนเฉินดีใจมากที่เขาค้นพบว่าเขาสามารถใช้การโจมตีขั้นพื้นฐานที่สุดของหอคอยได้หลังจากหลอมรวมชั้นห้า
อย่างไรก็ตาม หอคอยอนัตตานั้นก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก ควบคู่ไปกับการปราบปรามของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ การโจมตีจากหอคอยจึงไม่มีพลังมากนัก
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปที่แท่นหินที่เขาหลอมไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว จากนั้นเขาก็หายตัวไปอย่างเงียบ ๆ
เขาไม่ได้หลอมรวมชั้นหกเพราะชั้นห้าคือขีดจำกัดของความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา
เจี้ยนเฉินกลับไปที่ชั้นหนึ่ง และด้วยความคิดเขาก็เชื่อมโยงกับโลกของชั้นแรก เขาเข้าใจสถานการณ์ของปรมาจารย์เฉินหลงและไคยะทันที
ปรมาจารย์เฉินหลงกำลังทำความเข้าใจเส้นทางแห่งค่ายกล ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่รบกวนเขา เขาใช้ความคิดและใช้พลังของชั้นหนึ่งเพื่อย้ายตัวเองไปยังที่ตั้งของไคยะ
ปัจจุบันไคยะยืนอยู่ที่ขอบด้านตะวันออกของชั้นแรก มันถูกเรียกว่าเป็นขอบเพราะพื้นที่ที่เหลืออยู่นั้นถูกทำลายไปจนกลายเป็นความมืด กระบี่ขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า สยบสถานที่แห่งนี้
ปัจจุบันไคยะยืนอยู่ที่นั่น นางเงยหน้าขึ้นขณะที่นางจ้องมองกระบี่ที่นิพพานอมตะเที่ยงแท้ทิ้งไว้ในอดีต
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน เขาเห็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่บนท้องฟ้า และความประหลาดใจและความสงสารปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาพูดว่า “ไคยะ ข้าสามารถควบคุมวัตถุเทพได้แล้วตอนนี้ข้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เราจะสามารถออกจากที่นี่ได้ในไม่ช้า”
ไคยะได้สติ นางหับไปมองเจี้ยนเฉินแล้วยิ้ม “เราไม่ควรรอช้า เราต้องออกไปให้เร็วที่สุด ที่นี่ข้าสัมผัสถึงเวลาไม่ได้เลย ข้าจึงไม่รู้เลยว่าเราพักที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว”