เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2040 - เจี้ยนเฉินออกรับหน้า
ตอนที่ 2040 – เจี้ยนเฉินออกรับหน้า
โม่เฉิงเพิกเฉยต่อการถอนหายใจในบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ได้ให้ความสนใจต่อสายตาของความริษยาและความชื่นชม เขายังคงสงบและเยือกเย็นซึ่งหัวใจของเขายังเป็นเหมือนก้อนหินซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก
นี่ไม่ใช่ผลของการพัฒนาสภาพจิตใจของเขา แต่เป็นเพราะเขาเคยผ่านในการรับรู้เรื่องนี้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน
โม่เฉิงจ้องที่หยุนเต๋าไหลอย่างใจเย็นและพูดว่า “ข้าอาจจะไม่ต้องการรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ แต่ผู้คนรอบตัวข้าต้องการมัน”
หยุนเต๋าไหลจ้องมองไปที่โม่เฉิงอย่างดุร้ายและเกรี้ยวกราด เขาคำรามด้วยออกมาด้วยความไม่เต็มใจอย่างมาก “สำหรับรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์นี้ เราได้จ่ายค่าตอบแทนในราคาที่สูงมาก ราชาเทพทั้งหมดหกในสิบหกคนในตระกูลของเราเสียชีวิต พวกเขาควรจะตายเพื่ออะไร ? ”
สีหน้าของโม่เฉิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดอย่างเย็นชา “ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้เข้มแข็งกว่า นี่คือกฎแห่งการเอาชีวิตรอดในโลกนี้ แม้ว่าเจ้าจะค้นพบรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ก่อน แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีพลังที่จะเก็บมันเอาไว้ ดังนั้นการทำงานหนักทั้งหมดของเจ้าจึงไร้ประโยชน์ เจ้าอาจตกเป็นเหยื่อ”
“สำหรับข้า ข้ามีพลังมากกว่าเจ้า ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะเป็นเหยื่อของข้าซึ่งสามารถตัดสินใจได้ในครั้งเดียว”
โม่เฉิงทำตัวหยิ่งผยองอย่างสมบูรณ์เมื่อมองหยุนเต๋าไหล
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเขามีสิทธิ์อย่างแท้จริง แม้หยุนเต๋าไหลอยู่ในสภาพดีที่สุดของเขา โม่เฉิงก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงจังด้วยความแข็งแกร่งของเขา
นี่เป็นเพราะเขา โม่เฉิง เป็นขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุดที่มีอันดับสูงสุดบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ซึ่งในขั้นเหนือเทพไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
“ เมื่อพิจารณาว่าเจ้าได้สูญเสียคนไปสองสามคนเพื่อรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ถ้าเจ้ามอบมันมาด้วยความเต็มใจ มิฉะนั้นจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่ ! ” โม่เฉิงกล่าว เมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายของเขาจิตสังหารอย่างรุนแรงก็ได้แผ่ออกมาจากเขาทันที เขาไม่ได้ปิดบังมันเลย
ทุกคนในสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หยุดแล้ว พวกเขาเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ แม้ว่ารากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์จะทำให้พวกเขาหน้าเขียวด้วยความอิจฉา แต่ไม่มีพวกเขารวมถึงราชาเทพช่วงปลายสองสามคนที่กล้าที่จะมีส่วนร่วมในสิ่งนี้
เมื่อขั้นเหนือเทพซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ภูมิหลังของเขานั้นต้องยอดเยี่ยมมากจนไม่สามารถล่วงเกินเขาได้
ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าชายชราผู้ที่สวมชุดสีครามที่อยู่เบื้องหลังโม่เฉิง ยังคงปกปิดตัวตนของเขาไว้โดยที่ไม่มีใครสามารถบอกระดับการฝึกฝนของเขาได้
“ ฮ่าฮ่าฮ่า แม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็จะไม่ให้รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์แก่เจ้า” หยุนเต๋าไหลหัวเราะเสียงดังด้วยความตั้งใจที่ปรากฏอยู่เต็มดวงตาของเขา มีแหวนมิติปรากฎอยู่ในมือของเขาและเขาใช้การรับรู้ของวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ในแหวนมิติเพื่อระเบิดมัน
ดวงตาของโม่เฉิงเย็นชา พร้อมด้วยเสียงอันเย็นชา เขาจึงใช้ท่าผนึกด้วยมือซ้ายก่อนที่จะเหยียดนิ้วไปหาหยุนเต๋าไหล
นิ้วมือมีพลังลึกลับและยิ่งใหญ่ หยุนเต๋าไหลรู้สึกเพียงว่าร่างของเขาแน่นขึ้นและในเวลานั้น เขาถูกทำให้เคลื่อนที่ไม่ได้อย่างสมบูรณ์ถูกผนึกด้วยพลังลึกลับ
แม้ว่าการตรึงจะคงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แต่โม่เฉิงก็มาถึงตรงหน้าหยุนเต๋าไหลแล้ว เขาเหวี่ยงกระบี่ของเขาและตัดมือขวาของหยุน เต๋าไหลอย่างไร้ความปราณีเอาแหวนมิติของเขาออกไป
“ทักษะลับนี้คืออะไร? มันสามารถทำให้ราชาเทพขั้นต้นหยุดชะงักได้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อขั้นเหนือเทพช่วงปลายใช้มัน”
ราชาเทพหลายคนในสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตกตะลึงอย่างลับ ๆ พวกเขามองดูโม่เฉิงด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ตัวอย่าง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพลิกผัน
หยุนเต๋าไหลร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดขณะที่เขาเดินโซเซไปข้างหลังในขณะที่กอดแขนที่ขาด ใบหน้าของเขาซีด
อีกด้านหนึ่ง ดวงตาของหยุนซินเป็นสีแดง นางรู้สึกเหมือนมีคนมาแทงหัวใจของนางเมื่อนางมองเห็นโม่เฉิงตัดแขนของหยุนเต๋าไหล
หยุนซินเข้าสู่ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะที่นางกำแหวนมิติไว้ในมือของนาง นางลังเลที่จะส่งมอบแหวนมิติเพื่อช่วยชีวิตลุงของนาง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับผลลัพธ์ของรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ นางก็เข้าใจด้วยว่ามันสำคัญเพียงใดต่อครอบครัวหยุน
หากรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ถูกส่งมอบให้แก่ผู้อาวุโสสูงสุด ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถยกระดับการบ่มเพาะของเขาจากชั้นสวรรค์ที่หนึ่งถึงชั้นสวรรค์ที่สามในระยะเวลาอันสั้นมาก แต่มันจะเป็นไปได้มากที่เขาจะกลายเป็นขั้นบรรพกาลในอนาคตเช่นกัน
เมื่อครอบครัวหยุนครอบครองขั้นบรรพกาล พวกเขาจะกลายเป็นองค์กรสูงสุดของจักรวรรดินภา ทันที โดยทั่วไปพวกเขาจะยืนอยู่บนพื้นดินที่เท่าเทียมกันกับตระกูลราชวงศ์
รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์เป็นความหวังของครอบครัวหยุนที่จะรุ่งเรืองขึ้นมา
หยุนซินส่งการรับรู้ของวิญญาณของนางเข้าไปในแหวนมิติอย่างระมัดระวังเพื่อยืนยันว่า รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์อยู่กับนางหรือไม่
แหวนมิติว่างเปล่าเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงรากที่ยาวน้อยกว่าสามสิบเซนติเมตรนอนอยู่ตรงกลาง พลังของโลกที่แทรกซึมอยู่รอบ ๆ ราวกับว่าพวกมันบรรจุสัจธรรมของโลก
หยุนซินยืนยันว่าเป็นรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ เมื่อนางเห็นสิ่งนั้น
หลังจากลังเลชั่วขณะ หยุนซินก็ส่งแหวนมิติไปยังเจี้ยนเฉิน นางพูดกับเขาอย่างลับ ๆ “เจี้ยนเฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยอะไรบ้างอย่างกับข้า เจ้าอาจเดาได้เช่นกัน รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์นั้นอยู่ในแหวนมิติ ข้าจะให้รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์แก่เจ้าในขณะนี้ เพื่อที่เจ้าจะได้ออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนทันที เพื่อมอบให้แก่ผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัวหยุน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่สุดของครอบครัวหยุนของเรา เราจะไม่ทำผิดต่อเจ้า”
หยุนซินอับจนหนทางอย่างมากเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ นางรู้ว่าโม่เฉิงจะพบว่านางมีรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ในไม่ช้า นางไม่มั่นใจพอที่จะหนีจากโม่เฉิง ดังนั้นสิ่งที่นางทำได้ก็คือฝากความหวังไว้ที่เจี้ยนเฉิน
แม้ว่านางจะรู้ว่าการตัดสินใจนี้จะมีความเสี่ยงที่เจี้ยนเฉินจะยึดเอาสมบัติสวรรค์เอาไว้เอง แต่นางก็ไม่ได้มีทางเลือกอย่างแท้จริง
“แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะยึดเอาสมบัติสวรรค์เอาไว้เอง แต่มันก็ยังดีกว่าตกอยู่ในมือของโม่เฉิง” หยุนซินถอนหายใจอยู่ข้างใน
เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาหันหน้าเล็กน้อยแล้วมองหยุนซินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าจะไม่เปิดเผยความจริงที่ว่ารากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์อยู่กับเจ้า ข้าจะโกหกว่ารากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์อยู่กับข้าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากโม่เฉิง เพื่อที่ข้าจะได้ถ่วงเวลาให้กับเจ้า อย่างไรก็ตาม มันคงจะถ่วงเวลาไม่ได้นาน ไปตอนนี้และออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนในทันที” หยุนซินกล่าวเพิ่มในขณะที่ความมุ่งมั่นปรากฏอยู่เต็มดวงตาของนาง
“ถ้าเจ้าหลอกโม่เฉิง เขาจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า จะมีแต่ความตายเท่านั้น เจ้าคิดดีแล้วหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินตอบคำถาม
หยุนซินกัดฟันของนางแล้วพูดด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่งว่า “ ถ้าความตายของข้าสามารถสร้างอนาคตใหม่ให้กับครอบครัวหยุน มันจะไม่ไร้ประโยชน์”
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่หยุนซินเป็นเวลานาน ในขั้นต้นหญิงสาวคนนี้ของครอบครัวหยุนต่อต้านเขาอย่างมาก แต่ในเวลานี้นางเชื่อมั่นเขาเท่านั้นเขาได้เห็นนางอีกด้านหนึ่ง
“อืม ? มันไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ ! ” สีหน้าของโม่เฉิงเย็นชาลงและจิตสังหารทอประกายจากสายตาของเขา เขาโยนแหวนมิติของหยุนเต๋าไหลลงบนพื้นและพูดอย่างเย็นชา “ บอกข้า เจ้าซ่อนรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ ไว้ที่ไหน ? ”
“เจ้าจ้องมองอะไร ? ไป ! ” สีหน้าของหยุนซินเปลี่ยนไปและนางก็กระตุ้นเจี้ยนเฉินให้ไปทันที นางรู้ว่านางไม่สามารถโกหกเรื่องนี้ได้นานนัก
เจี้ยนเฉินส่งแหวนมิติกลับไปที่หยุนซินและพูดว่า “พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกไปได้แม้ว่าข้าต้องการ ยิ่งกว่านั้นเจ้าคิดว่าโม่เฉิงจะปล่อยให้ใครก็ตามออกไปก่อนที่เขาจะพบรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์หรือ ? แม้ว่าโม่เฉิงจะยังไม่ทรงพลังพอที่จะได้รับความสนใจจากราชาเทพเพียงเล็กน้อย แต่ชายชราข้าง ๆ เขาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
เจี้ยนเฉินไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของชายชราในชุดสีครามได้เพราะเขาซ่อนมันไว้ ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรสิ่งที่เขาเห็นก็คือคนปกติ อย่างไรก็ตาม ไคยะสามารถมองผ่านแม้แต่ขั้นอสงไขย ดังนั้นชายชราจึงไม่สามารถซ่อนอะไรจากนางได้
ไคยะบอกกับเจี้ยนเฉินก่อนหน้านี้ว่าชายชราในชุดสีครามมีพลังมหาศาลและทรงพลังยิ่งกว่าราชาเทพที่นางเคยเห็นมาก่อน
“สหายโม่เฉิง ข้าเห็นคนคนนี้ส่งแหวนมิติให้กับผู้หญิงคนนี้ในเวลานั้น หากข้าเดาไม่ผิด รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ควรจะอยู่ในนั้น” ในเวลานี้ ราชาเทพในสวนคำนับก่อนที่จะชี้ไปที่หยุนซิน
ไม่เพียงแต่โม่เฉิงเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ โดยทั่วไปรับรองว่าเขาจะได้รับตำแหน่งบนบัลลังก์ราชาเทพในอนาคต แม้แต่ภูมิหลังของเขาก็ทรงพลังเช่นกันทำให้หลายคนอยากจะเป็นสหายกับเขา ราชาเทพคนนั้นบอกกับเขาอย่างชัดเจนด้วยความตั้งใจเหล่านี้
หยุนซินเปลี่ยนเป็นหน้าซีดราวกับแผ่นกระดาษขาวทันที
ในขณะที่โม่เฉิง เขาค่อย ๆ เดินไปหาหยุนซิน แรงกดดันอันทรงพลังเริ่มแผ่ออกจากตัวเขาอย่างช้า ๆ
“ส่งมอบรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์มา” โม่เฉิงจ้องที่หยุนซินอย่างแหลมคมจนนางไม่กล้าที่จะมองตาเขา
หยุนซินกำแหวนมิติไว้ในมือของนางเนื่องจากนางไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นอกจากนี้ นี่เป็นโอกาสสำหรับครอบครัวหยุนของพวกเขาที่จะรุ่งเรืองขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม นางก็รู้ว่าถึงแม้นางจะถือครองรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ ในตอนนี้ นางก็จะไม่สามารถเก็บมันไว้ในความครอบครองของนางได้
“ โอกาสของตระกูลหยุนที่จะลุกขึ้นมาจะหายไปในมือข้า” น้ำตาไหลจากดวงตาของหยุนซินอย่างควบคุมไม่ได้ นางกำแหวนมิติของนางและลังเลที่จะแยกจากมัน แต่นางก็ยังเตรียมที่จะส่งมอบให้กับโม่เฉิงในตอนท้าย
ตอนนี้นางไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว !
“ รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์นี้เป็นของใครบางคนไปแล้วและเป็นโอกาสสำหรับครอบครัวของนางที่จะลุกขึ้น โม่เฉิง มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าหยุดบังคับให้ผู้คนทำในสิ่งที่ฝืนความตั้งใจของพวกเขา” ในขณะนี้ เจี้ยนเฉินยืนอยู่ข้างหน้าและมาถึงตรงหน้าหยุนซิน เขาจ้องไปที่โม่เฉิงอย่างใจเย็น
โม่เฉิงรู้สึกแปลกใจเมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินขวางทางของเขา เจี้ยนเฉินไม่ได้ซ่อนตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจี้ยนเฉินอยู่ในระดับเดียวกับเขา ขั้นเหนือเทพช่วงปลาย
เขาจำไม่ได้ว่ามันนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ขั้นเหนือเทพช่วงปลายกล้าโต้แย้งเขา
ขั้นเหนือเทพและราชาเทพในสวนทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เมื่อพวกเขาแสดงความประหลาดใจออกมา
“ เจ้าเด็กสารเลวคนนั้นเป็นใคร ? เขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้โง่เขลา เขาคิดว่าเขาเป็นราชาเทพหรือ มีที่ไหนกันที่เขาสามารถยืนหยัดต่อต้านโม่เฉิงได้ ? ”
“ แม้แต่ราชาเทพก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของโม่เฉิง เจ้าไม่เห็นความสามารถในการต่อสู้ของเขาหรือ? มันยิ่งใหญ่กว่าราชาเทพช่วงต้น ”
“แน่นอนว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้อย่างน้อยที่สุดก็เคยได้ยินเกี่ยวกับป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ใช่ไหม? เขาเป็นเพียงขั้นเหนือเทพช่วงปลาย แต่เขาก็ยังกล้าที่จะยืนขึ้นไปต่อต้านโม่เฉิง เขาบ้าบิ่นจริง ๆ ”
การสนทนาดังขึ้นในสวน หลายคนแค่นเสียงและเย้ยหยัน แต่ก็มีบางคนที่มองดูเจี้ยนเฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจ
การช่วยเหลือผู้อ่อนแอคือการกระทำที่น่าชื่นชม แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องการความแข็งแกร่งในการกระทำ