เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2043 - ใครคืออันดับหนึ่ง?
ตอนที่ 2043 – ใครคืออันดับหนึ่ง?
หลังจากโม่เฉิงแทงกระบี่ออกมาก็สร้างเสียงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลังทั้งหมดอยู่ในมือซ้ายของโม่เฉิงซึ่งถ่ายทอดลงไปในกระบี่ทำให้มันเปล่งประกายแสงออกมาในทันที มันระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีทั้งกฎแห่งกระบี่และกฎแห่งการทำลายล้าง
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว พลังบรรพกาลพุ่งทะยานออกจากมือขวาซึ่งเขาเคยใช้ยึดกระบี่ไว้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พลังที่โม่เฉิงปะทุขึ้นด้วยกระบี่นั้นมีพลังมากเกินไป เมื่อปราณกระบี่ระเบิดออกมา กระบี่ก็หลุดมือของเจี้ยนเฉินโดยตรง
มือขวาของเจี้ยนเฉินกลายเป็นสีแดงด้วยเลือดในตอนนี้ นั่นคือเลือดบรรพกาลจากร่างบรรพกาลของเขา
อย่าลืมว่า เขาได้ยึดถือวัตถุเซียนขั้นสูงสุด วัตถุเซียนเองนั้นมีความสามารถพิเศษและตอนนี้อยู่ในมือของโม่เฉิงซึ่งเป็นขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุดในอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ดังนั้นร่างบรรพกาลของเขาจึงได้รับบาดเจ็บ
โม่เฉิงยึดคืนการควบคุมกระบี่ของเขาในขณะที่ตัวตนของเขาพุ่งขึ้นมา พลังชีวิตของเขาถูกเค้นออกมาจนสุดความสามารถทำให้มันพุ่งขึ้นในพริบตาอย่างน่าตกใจ เจตจำนงกระบี่ที่ทรงพลังหมุนรอบตัวเขา
“เจ้ามีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า เจ้ามีสิทธิ์ที่ทำให้ข้าใช้พลังเต็มที่ของข้า” โม่เฉิงกล่าวอย่างเย็นชา เขาไร้อารมณ์และเย็นชา เขาสูญเสียความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ในการปะทะครั้งก่อน เจี้ยนเฉินยึดกระบี่ของเขา บังคับให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ระยะประชิด เขาพยายามที่จะยอมรับสิ่งนี้
เป็นผลให้เขาตัดสินใจว่าเขาต้องแลกตัวเองในการต่อสู้ครั้งต่อไปซึ่งเขาต้องจะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาอย่างท่วมท้น
“จิตใจและวิญญาณรวมเป็นหนึ่ง ปราณกระบี่พลังชีวิต!” โม่เฉิงร้องออกมา ตัวตนของเขาเพิ่มขึ้นในขณะที่ผมของเขาปลิวไสว กระบี่ของเขาส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์กลายเป็นแสงเจิดจ้าอย่างยิ่งและย้อมทั้งสวนให้เป็นสีขาวราวหิมะ
ในขณะที่เขาพลันเหวี่ยงกระบี่ออกไป ปราณกระบี่ขนาดใหญ่ก็ได้ก่อตัวขึ้นทันทีกลายเป็นกระแสสีขาวเงิน มันนำพลังชีวิตของโม่เฉิงพุ่งไปสู่เจี้ยนเฉินในทันที
กระแสพลังเป็นเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง
ราชาเทพขั้นต้นหลายคนในสวนนั้นต่างลอบประหลาดใจ การโจมตีของโม่เฉิงทำให้พวกเขาหลายคนรู้สึกถึงอันตรายที่คุกคามชีวิต มากกว่าครึ่งหนึ่งของราชาเทพขั้นต้นที่รวมตัวกันที่นี่ไม่มีความมั่นใจในการรับการโจมตีครั้งนี้
“กระบี่ต้าหลัว ! ”
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินยังคงสงบอย่างสมบูรณ์ เขาผนึกตราประทับด้วยมือของเขาและกระแสปราณกระบี่ทองคำถูกควบแน่นเป็นลำแสง เขาจับปราณกระบี่และแทงมันออกมาตรง ๆ
จิตใจของเจี้ยนเฉินดูเหมือนจะหลอมรวมกับปราณกระบี่เมื่อเขาแทงมันออกมา ในขณะนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณของเขาเป็นส่วนหนึ่งของปราณกระบี่
ในลำแสงนั้น มีบางอย่างพุ่งผ่านหัวของเจี้ยนนเฉิน เขาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือ มันเป็นความเข้าใจที่มืดสลัว
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เพียงพอในที่สุด มันมืดหายไปในพริบตา ดังนั้นเขาจึงล้มเหลวที่จะเข้าใจมันอย่างแท้จริง
บูม !
ปราณกระบี่ต้าหลัวส่องประกายทองคำระยิบระยับอันน่าตกใจ มันปะทะกับพลังปราณกระบี่พลังชีวิตของโม่เฉิง ปราณกระบี่ที่บรรจุส่วนหนึ่งของพลังชีวิตของโม่เฉิง จริง ๆ แล้วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปราณกระบี่ต้าหลัว มันจึงแตกสลายไปจากการโจมตี
“เป็นไปไม่ได้ ! มันเป็นไปไม่ได้ ! ” สีหน้าของโม่เฉิงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ปราณกระบี่พลังชีวิตเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าประทับใจมาก แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดปราณกระบี่สีทองได้ เขาพบว่ามันยากที่จะยอมรับ
ก่อนที่โม่เฉิงจะทันได้ตอบสนอง ปราณกระบี่สีทองที่พุ่งออกมาเป็นแนวของลำแสงภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน
ด้วยเสียงอันดัง พลังงานอันทรงพลังทำให้เกิดความเสียหายในบริเวณใกล้เคียงและโม่เฉิงก็ปลิวไปไกล วัตถุเซียนขั้นสูงสุดบนตัวเขากระพริบในขณะที่ปกป้องเขา
การโจมตีของเจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น มันรุนแรงพอ ๆ กับพายุที่รุนแรงในขณะที่เขาผนึกมืออีกข้างหนึ่งและควบแน่นกระแสปราณสีทองอีกสายหนึ่ง เขาไล่ตามโม่เฉิงในขณะที่เขาระเบิดตัวตนพร้อมด้วยเจตจำนงในการต่อสู้ทำให้ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ยงคงกระพัน
ราชาเทพทั้งหมดที่มีอยู่รอบข้างนั้นงงงวยในขณะที่หัวใจของพวกเขาปั่นป่วน พวกเขาตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างท่วมท้น
แม้แต่เสี่ยวเจิ้งและหยุนซินผู้เคยเป็นพยานในการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินก็ยังตกใจในตอนนี้ ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงทำให้พวกเขาหมดคำพูด
มีเพียงไคยะและปรมาจารย์เฉินหลงที่เข้าใจความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินเป็นอย่างดี ที่ยังคงรักษาท่าทีเอาไว้ได้
“สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่ง ปราณกระบี่ผ่าสวรรค์ ! ”
โม่เฉิงมีสีหน้าน่ากลัว เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ในปัจจุบันของเขานั้นทรงพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงผนึกตราประทับด้วยมือของเขาเพื่อใช้ทักษะการต่อสู้อื่น โดยส่งปราณกระบี่อันที่สองออกมา
ปราณกระบี่ผ่าสวรรค์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าปราณกระบี่พลังชีวิต มันฉีกผ่านอากาศด้วยพลังที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง มันมีพลังอย่างแท้จริงที่จะแบ่งสวรรค์และโลก
เจี้ยนเฉินไม่ได้พยายามที่จะหลบการโจมตีเลย เขาเสริมร่างของเขาด้วยพลังบรรพกาลในขณะที่เขาใช้ร่างของเขาเพื่อรับมัน
สวบ !
ปราณกระบี่ผ่าสวรรค์แทงทะลุหน้าอกของเจี้ยนเฉิน ภายใต้การทำลายล้างของปราณกระบี่ อวัยวะทุกส่วนของเจี้ยนเฉินล้วนแตกเป็นชิ้น ๆ อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเจี้ยนเฉินยังคงเหมือนเดิม สายตาของเขาแหลมคมอย่างมาก ในขณะที่เขาพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกับปราณกระบี่ทองคำที่ควบแน่นที่มือขวา เขามาถึงตรงหน้าโม่เฉิงในก้าวเดียวและเขาก็แทงโม่เฉิงด้วยกระบี่ต้าหลัวในขณะที่มันเปล่งประกายอย่างงดงาม
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และเสียงดังอึกทึก พลังทั้งหมดในกระบี่ต้าหลัวแทงเข้าที่โม่เฉิง
เจี้ยนเฉินยอมรับการบาดเจ็บเพื่อทำร้ายคู่ต่อสู้ของเขา เขาจ่ายค่าตอบแทนด้วยบาดแผลของตัวเองเพื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดของกระบี่ต้าหลัวบนตัวโม่เฉิง !
พลังของปราณกระบี่ทองคำนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีวัตถุเซียนขั้นสูงสุด โม่เฉิงก็ได้รับบาดเจ็บหลังจากที่ถูกแทงด้วยกระบี่ต้าหลัวที่ทรงพลังอย่างน่าตกใจ ละอองเลือดพ่นออกมาจากปากของเขาในขณะที่เขาปลิวออกไปไกลเหมือนว่าวที่หลุดลอย
ในขณะเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็โคจรพลังบรรพกาล ดูเหมือนเลือดของเขาที่หน้าอกเขาจะถูกดึงดูดโดยบางสิ่งบางอย่างจริง ๆ แล้วมันไหลกลับเข้าไปในบาดแผลของเขา ภายใต้การฟื้นฟูที่รวดเร็วของร่างบรรพกาลเขาฟื้นฟูบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว
โม่เฉิงกระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างแรง
ทุกอย่างในสภาพแวดล้อมได้รับการปกป้องจากค่ายกล ดังนั้นหินจึงไม่เสียหาย ในทางกลับกัน โม่เฉิงกลายเป็นรูปร่างที่น่าเศร้าใจ
“อ๊ากกกก ! ”
โม่เฉิงยืนอยู่ที่นั่นในสภาพที่ไม่เรียบร้อยขณะที่เขาคำรามออกมาอย่างดุร้าย เลือดคั่งอยู่ที่มุมริมฝีปากของเขา กฎแห่งกระบี่และกฎแห่งการทำลายล้างหมุนรอบตัวเขา แสดงตัวตนที่ทำให้จิตใจของราชาเทพช่วงต้นหลายคนสั่นไหว
กระบี่ของเขาสั่นช้า ๆ ตรงหน้าเขาด้วยสัจธรรมของจักรวาล กฎแห่งกระบี่และกฎแห่งการทำลายล้างก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังใช้ทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างมาก
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเย็นชาและตัวตนของเขาก็โดดเด่น แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาได้ถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือดแล้ว แต่เขาก็ยืนอยู่ที่นั่นเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ยงคงกระพัน
เขาสร้างตราประทับด้วยมือของเขาและตัวตนของเขาก็เปลี่ยน ปราณกระบี่ควบแน่นรอบตัวเขาในขณะที่เขากลายเป็นกระบี่ เขาพุ่งไปที่โม่เฉิงราวกับว่าไม่มีใครหยุดเขาได้
“ทักษะกระบี่ไทยี่ ! ”
จากระยะไกล เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะถูกรายล้อมไปด้วยแสงที่ทำให้มองไม่เห็น ด้วยเหตุนี้เขาจึงดูเหมือนกระบี่ยักษ์ในตอนนี้ เขาพุ่งด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าโม่เฉิงในพริบตา ความรู้สึกของหลาย ๆ คนล้มเหลวในการจับตามองเขาอย่างเหมาะสม
เขารวดเร็ว เขาเร็วมากเกินไป อย่าว่าแต่ขั้นเหนือเทพแม้แต่ราชาเทพบางคนก็ไม่สามารถตอบสนองต่อความเร็วดังกล่าวได้ไม่ต้องพูดถึงการป้องกัน
ปัง !
โม่เฉิงไม่มีเวลาที่จะใช้ทักษะการต่อสู้ของเขาเลย ในขณะที่เจี้ยนเฉินแทงเขาด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
ทักษะกระบี่ของเจี้ยนเฉินนั้นน่าตกตะลึงเกินไป มันยิ่งใหญ่กว่าการโจมตีธรรมดาด้วยกฎแห่งกระบี่ครั้งก่อน แม้จะมีวัตถุเซียนขั้นสูงสุดที่สกัดกั้นการโจมตีส่วนใหญ่ แต่โม่เฉิงก็ยังคงกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาหน้าซีดมากในขณะที่เขาปลิวไปอย่างไร้พลัง กระแทกเข้าที่พื้นอย่างแรง
คราวนี้โม่เฉิงไม่สามารถยืนขึ้นด้วยเท้าของเขาได้อีกต่อไป เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งเขาจะตายไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะวัตถุเซียนขั้นสูงสุด
ทั่วทั้งสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เงียบสงัด ทุกคนมองดูเจี้ยนเฉินด้วยความรู้สึกที่หลากหลายหรือไม่ก็มองโม่เฉิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนหมัดที่ต่อยเข้าที่จิตใจของพวกเขา
โม่เฉิงเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ทำให้เขาเป็นขั้นเหนือเทพที่ทรงพลังที่สุดในโลกแห่งเซียน อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งพ่ายแพ้กับใครก็ไม่รู้ที่มีระดับการฝึกฝนเดียวกันกับเขาซึ่งปรากฏขึ้นทันทีนี่
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับ
โม่เฉิงกระอักเลือดขณะที่พยายามยืนขึ้นโดยใช้กระบี่เป็นตัวพยุง เขามองเจี้ยนเฉินด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและถามว่า “เจ้าเป็นใคร ? ”
“เจี้ยนเฉิน ! ” เจี้ยนเฉินกล่าว เขามองไปที่โม่เฉิงด้วยความชื่นชม
นี่เป็นความชื่นชมต่อความแข็งแกร่งของโม่เฉิง เขาเป็นขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุด แต่เขาก็ยังสามารถทำให้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บสาหัสได้ อย่าว่าแต่เพียงได้รับความเคารพจากเจี้ยนเฉินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขามีค่าควรแก่การเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ
อย่าลืมว่าแม้เจี้ยนเฉินจะยังไม่ได้ทะลวงผ่านด่านในช่วงเวลาที่เขาอยู่นอกโลก แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังมากกว่าในอดีต แม้แต่ราชาเทพช่วงต้นก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ แต่โม่เฉิงก็สามารถทำเช่นนั้นได้
“เจี้ยนเฉินหรือ ? ” โมเฉิงพูดพึมพำก่อนที่จะถามว่า “ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน ? ข้าไม่เคยเห็นชื่อของเจ้าบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพเช่นกัน”
“ข้าไม่เคยประลองบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ดังนั้นชื่อของข้าจะไม่ปรากฏที่นั่น” เจี้ยนเฉินกล่าวต่อ “ยิ่งกว่านั้นโลกแห่งเซียนเป็นสถานที่ซึ่งผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อผู้เข้มแข็ง ดังนั้นถ้าเจ้าเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ? เจ้ายังคงตายเมื่อเจ้าพบกับราชาเทพที่ทรงพลังกว่า แม้แต่คนที่อยู่อันดับหนึ่งบนบัลลังก์ราชาเทพก็สามารถที่จะเรียกร้องอำนาจสูงสุดในหมู่ราชาเทพได้เท่านั้น เทียบกับผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตตั้งต้นที่ทรงพลัง พวกเขาก็ยังคงไม่มีค่าอะไรเลย”
“มันเป็นความพ่ายแพ้ของข้า ! ” โม่เฉิงค่อนข้างหดหู่ เห็นได้ชัดว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก
ชายชราในชุดสีครามปรากฏขึ้นด้านหลังโม่เฉิงและหยิบยารักษาให้โม่เฉิงเพื่อกิน เขาพูดว่า “โม่เฉิง เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ในตอนนี้ ? โลกแห่งเซียนกว้างใหญ่ไพศาล จะมีผู้คนที่แปลกประหลาดที่ทรงพลังได้ถือกำเนิดขึ้น เจ้าต้องเข้าใจแนวคิดที่ว่าจะมีใครซักคนที่เก่งกว่าเจ้าเสมอ การเป็นอันดับหนึ่งบนป้ายทำเนียบขั้นเหนือเทพ ไม่ได้ทำให้เจ้าเป็นขั้นเหนือเทพที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ราชาเทพเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เจ้าเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งที่สุด”
“นั่นเป็นเพราะในโลกแห่งเซียนมีขั้นเหนือเทพและราชาเทพมากมายที่ไม่สนใจการจัดอันดับเหล่านี้เลย พวกเขาไม่มีความปรารถนาในชื่อเสียงและมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะเพื่อที่จะได้ไปถึงจุดสูงสุด”