เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2053 : ค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุด
ตอนที่ 2053 : ค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุด
ในเสี้ยวพริบตากลุ่มของเจี้ยนเฉินก็อยู่ในภูเขาแห่งนั้นมาร่วมหนึ่งเดือน
ระหว่างนั้นทุกอย่างในภูเขาดูสงบสุข มันเหมือนที่ดินที่บริสุทธิ์ไม่อาจจะมีเลือดมาเปื้อนที่ดินแห่งนี้ได้ ในถ้ำที่ปกคลุมไปด้วยค่ายกล เจี้ยนเฉิน, เฉินหลง, ไคยะ และเสี่ยวเจิ้ง ตอนนี้ยังคงทำการบ่มเพาะไมได้สนใจโลกภายนอก
หลังจากที่บ่มเพาะมาได้กว่า 1 เดือน เจี้ยนเฉินก็ใช้แก่นสัตว์อสูรระดับราชาเทพและผลึกพลังงานจากสัตว์อวกาศไปกว่าครึ่ง เขาดึงเอาพลังงานที่บริสุทธิ์และรุนแรงอยู่ภายในนั้นออกมาเปลี่ยนมันเป็นพลังบรรพกาล จุดบรรพกาลของเขาตอนนี้อยู่ที่จุดสูงสุดของขั้น 11 เขากำลังจะทะลวงผ่านไปได้
ตอนนั้นเองร่างที่ราวกับรูปปั้นของเจี้ยนเฉินจู่ ๆ ก็สั่นไหว ตอนนั้นจุดบรรพกาลของเขาได้ระเบิดออกพร้อมกับพลังบรรพกาลที่แผ่ไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นในที่สุดเขาก็ทะลวงผ่านขั้น 11 มาได้และตอนนี้กำลังควบแน่นขั้น 12 อยู่
เจี้ยนเฉินรู้ดีถึงการทะลวงผ่านของร่างบรรพกาล เขาทนความกดดันที่ราวกับมดเป็นล้าน ๆ ตัวกำลังกัดกินกระดูกของเขาและเพ่งสมาธิไปกับการควบรวมเม็ดพลังบรรพกาลใหม่
ในเวลาเดียวกัน ไคยะนั่งอยู่ในถ้ำอีกส่วน กฎของการสร้างสรรค์, ทำลายล้างและไฟได้ก่อตัวเป็นแสงสามสายครอบคลุมตัวนางเอาไว้ แสงทุกอันหลอมรวมกับสภาพแวดล้อมโดยรอบราวกับมันเรียกกฎสูงสุดของโลกอยู่
ถ้าราชาเทพคนอื่นเห็นพลังของกฎรอบตัวไคยะตอนนี้ พวกนั้นคงตะลึงเพราะพลังของกฎนี้ทั้งหนาแน่นและบริสุทธิ์ มันเป็นไปได้ที่จะบอกได้ถึงความเข้าใจและการใช้กฎของไคยะที่ไปถึงระดับเชี่ยวชาญ
ถ้าราชาเทพในโลกเซียนมีความเข้าใจกฎของโลกแค่เพียงระดับผิวเผิน งั้นไคยะคงเข้าใจแก่นแท้ของมัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมไคยะถึงได้ไร้เทียมทานในหมู่คนระดับเดียวกันโดยไม่ได้บ่มเพาะทักษะใด ๆ ด้วยความเข้าใจกฎที่นางมี
ความเข้าใจของไคยะต่อกฎเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุก ๆ วันระหว่างการเก็บตัวที่นี่
ยิ่งกว่านั้นมันไม่ใช่แค่กฎแค่อย่างเดียว กฎของการสร้างสรรค์, ทำลายล้างและไฟได้ก้าวหน้าพร้อมกัน ไม่มีอันไหนเลยที่ด้อยไปกว่ากัน
ด้วยความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้น จู่ ๆ นางก็เริ่มมีความคิดแปลก ๆ ขึ้นมา นางมักรู้สึกเสมอว่าวิญญาณของนางหลอมรวมกับกฎทั้งสามเพราะนางรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยต่อกฎเหล่านั้น แต่มันดูเหมือนว่าจะมีพลังลึกลับที่มองไม่เห็นได้ขัดขวางการเชื่อมต่อกับกฎทั้งสามเอาไว้
เมื่อไหร่ก็ตามที่นางทำความเข้าใจกฎ พลังลึกลับดูเหมือนจะลดพลังของมันลง ทำให้นางเข้าใจกฎได้ลึกซึ้งและรวดเร็วกว่าเดิมจนไปถึงขั้นราชาเทพ
ทั้งเจี้ยนเฉินและไคยะต่างก็ได้รับผลดีจากการบ่มเพาะครั้งนี้ แต่เสี่ยวเจิ้งที่บ่มเพาะกลับไม่ได้ประโยชน์อันใด เทียบกับเจี้ยนเฉินและไคยะแล้ว พรสวรรค์ของเสี่ยวเจิ้งค่อนข้างธรรมดา ใช้เวลาเกือบแสนปีกว่าที่เขาจะเป็นราชาเทพช่วงต้นได้ ดังนั้นการบ่มเพาะแค่เดือนเดียวจึงไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขา
สำหรับเฉินหลงแล้ว เขาออกตรวจสอบค่ายกลขั้นอสงไขยทิ้งเอาไว้ที่ชั้น 7 แม้ว่าค่ายกลนี้จะน่ากลัว แต่เฉินหลงเองก็เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลดี ไม่ใช่แค่เฉินหลงผ่านมันทั้งหมดในเวลา 1 ดือน แต่เขายังเข้าใจมันอีกด้วย
คนในระดับราชาเทพส่วนต้นใช้เวลาแค่เดือนเดียวทำความเข้าใจค่ายกลที่ขั้นอสงไขยทิ้งเอาไว้ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันคงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
“แม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลและความเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลก็ไปถึงระดับลึกซึ้งอย่างมาก แต่ความเข้าใจค่ายกลของเขาในสายตาข้าแล้วยังอยู่ในระดับผิวเผิน นอกจากนี้เครื่องมือต่าง ๆ ก็ยังต้องใช้การบ่มเพาะของคน มันต้องใช้พลังของกฎแห่งค่ายกลเพื่อที่จะใช้สร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งแท้จริงที่ยากจะทำลายได้ ยิ่งกว่านั้นจากการคาดเดาของข้าแล้ว ข้าเชื่อว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้พลังในการบ่มเพาะหรือธงอาคมเพื่อสร้างค่ายกลในระดับสูง มีแค่พลังของกฎแห่งค่ายกลที่จำเป็นและพวกมันก็สามารถสร้างได้ด้วยความคิด ไม่ใช่แค่ค่ายกลนี้จะเป็นธรรมชาติแต่ยังมีพลังงานของโลกด้วยซึ่งทำให้มันสมบูรณ์อย่างแท้จริง มันจะไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย มันเพราะความเข้าใจทางแห่งค่ายกลของข้ายังไม่ถึงระดับนั้น ข้าจึงไม่อาจจะสร้างค่ายกลที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้”
เฉินหลงคิดกับตัวเอง เขาทำการเลือกพื้นที่ต่าง ๆ สิ่งที่นักสู้ขั้นอสงไขยทิ้งเอาไว้
ตอนนั้นเฉินหลงก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เขามองไปที่ภูเขาและคิด “ตามที่เสี่ยวเจิ้งบอกมา ค่ายกลของเขตหลักภูเขานี้สร้างขึ้นโดยจอมปราชญ์สูงสุด ความเชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางแห่งค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดต้องสูงกว่าข้าแน่นอน ข้าสงสัยว่าหากข้าได้ตรวจสอบค่ายกลเหล่านั้น หากข้าเข้าใจมันแม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง มันต้องส่งผลดีต่อข้าอย่างมากแน่ ๆ ” เฉินหลงทำตามที่ตนเองคิดทันที เขาขยายการรับรู้วิญญาณออกไปกระจายไปทั่วภูเขา มันคือความสำเร็จที่ไม่คาดคิด การรับรู้วิญญาณของเขากลับทะลวงผ่านภูเขาไปได้อย่างง่ายดาย
เฉินหลงรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงข้อความภายในหินของภูเขาที่ครอบคลุมไปด้วยค่ายกล รูปแบบค่ายกลแผ่ออกมาราวกับใยแมงมุม ทุกส่วนอัดแน่นไปด้วยพลังลึกลับของโลก
“สมกับเป็นค่ายกลที่สร้างโดยจอมปราชญ์สูงสุด เส้นทางแห่งค่ายกลที่นี่เหมือนกับจักรวาลที่ไร้ขอบเขต” เฉินหลงรู้สึกทึ่ง เขาไม่ลังเลที่จะแผ่การรับรู้วิญญาณของตนออกไปอีก
มันค่อนข้างแปลก แม้ว่ามันจะมีค่ายกลที่น่ากลัวในภูเขาแห่งนี้ แต่นี่ก็เป็นภูเขาของลัทธิเต๋า การรับรู้วิญญาณของ เฉินหลงกลับเหมือนปลาในน้ำ มันเข้าไปถึงเขตหลักของภูเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่พบอุปสรรคแต่อย่างใด ข้อความนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นลูกบอลแสงในเขตหลักของภูเขา มันมีขนาดเท่ากับหัวคนแผ่พลังลึกลับออกมา บอลแสงเหล่านี้เหมือนกับจักรวาลขนาดเล็ก บอลแสงสั่นไหวแผ่กฎของโลกออกมา ส่งผลต่อเขตที่ภูเขาตั้งอยู่สร้างระเบียบของตัวเองขึ้นมา
เฉินหลงรู้สึกสับสนตอนที่เห็นบอลแสงพวกนั้น เขาเหมือนจะได้เห็นอีกโลก โลกที่เป็นของเส้นทางแห่งค่ายกล นอกจากนี้แล้วเขายังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยจากบอลแสงพวกนั้น มันคือความรู้สึกที่เขาไม่อาจจะอธิบายออกมาได้