เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2059 : เก็บกวาดสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ (1)
ตอนที่ 2059 : เก็บกวาดสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ (1)
“ข้าไม่เป็นอะไร” ไคยะพูดขึ้นอย่างใจเย็นราวกับไม่รู้เลยว่านางเพิ่งพูดอะไรออกไป
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดคุยต่อ เขามองไปที่ไคยะด้วยความแปลกใจและสงสัย
“การเพิ่มความแข็งแกร่งนี้ทำให้คนเรามั่นใจขึ้นได้และด้วยพลังที่ไคยะมีตอนที่นางยังเป็นขั้นเหนือเทพ ความแข็งแกร่งตอนนี้ก็ไม่น่าจะอ่อนแอกว่าข้าหลังจากที่ได้เป็นราชาเทพ จิตใจของนางเปลี่ยนไปหลังจากที่สถานะเพิ่มขึ้นมาเพราะความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหรืออย่างไรกัน ? ” เจี้ยนเฉินคิด เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ไคยะ
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาไม่รู้ด้วยว่ามันดีหรือแย่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไคยะจะเย็นชาและไร้อารมณ์ยิ่งกว่าเดิมตอนที่นางทะลวงผ่านขึ้นไปขั้นบรรพกาลหรือไม่ ?
ตามที่เขารู้มา นักสู้หลายคนจะกลายเป็นคนเฉยชาทั้งในโลกเซียนและโลกอมตะ พวกนั้นมองทุกชีวิตไม่ต่างอะไรจากมดปลวก
“ไคยะ ไม่ใช่ว่าเจ้าก้าวหน้าเร็วไปหน่อยหรือ ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจิตใจของเจ้าคงปรับตัวไม่ทัน เจ้าน่าจะลดความเร็วลงและสนใจจิตใจตนเองบ้าง” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นด้วยความจริงใจและเคร่งเครียด
“อื้อ” ไคยะ รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเมื่อนางเห็นว่าเจี้ยนเฉินห่วงนางและนางก็ตอบกลับอย่างสุภาพ สีหน้าของนางดูอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่มีความเย็นชาและจริงจังดังเช่นแต่ก่อน
“เราจะทำเช่นกันดี ? ไปจัดการกับองค์ชายห้าเลยรึ ? ” เฉินหลงถามขึ้นมา
“เมื่อเจ้าตกลงกับเฮยหยาแล้ว เราก็ไม่อาจจะปล่อยองค์ชายห้าไปได้” ไคยะมองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมา
เจี้ยนเฉินก้มหน้าครุ่นคิด “ยังไม่ต้องเร่งรีบไปจัดการกับองค์ชายห้าหรอก เขายังมีคนจำนวนมากรอบตัว ดังนั้นการฆ่าเขาตอนนี้คงเป็นเรื่องยากแต่การต่อสรู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดาในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ข้าคิดว่าเขาคงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่และตราบใดที่มันมีการต่อสู้ คนของเขาต้องได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายไป เมื่อคนของเขาหายไปจำนวนมากแล้ว เราก็สามารถจัดการกับเขาได้และนั่นคงไม่สายเกินไป “
“ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวหยุนซินจะตายรึไง ? ” ไคยะถามขึ้นมา
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “ความสัมพันธ์ของเรากับครอบครัวหยุนเป็นแค่คู่ค้า แม้ว่าหยุนซินจะจากไปพร้อมกับองค์ชายห้าเพื่อกันไม่ให้พวกเราคอยติดตามนาง แต่นั่นก็เท่ากับการสิ้นสุดข้อตกลงที่จะปกป้องนาง เราทำให้ครอบครัวหยุนได้รากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ไปแล้วซึ่งนั่นเพียงพอจะชดเชยทุกอย่างได้ ผลก็คือเราไม่ได้ติดค้างครอบครัวหยุนอีกต่อไป ไม่ว่ารากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์จะกลับกลายเป็นคำสาปหรือคำอวยพรนั้นก็คงขึ้นกับตัวหยุนซินเอง แน่นอนว่าหากนางออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนไปได้ นางคงจะปลอดภัยกว่าเดิม แต่เราทำทุกอย่างที่เราทำได้ไปแล้ว สิ่งที่หยุนซินเลือกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา ไปที่สวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์กันเถอะ ด้วยความแข็งแกร่งที่เรามีตอนนี้และการมีเฉินหลง การเก็บเกี่ยวสมบัติสวรรค์ที่นั่นคงง่ายกว่าเดิมอย่างมาก”
ทั้งสามคนตอนนี้ล้วนมั่นใจเต็มที่ ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งที่ก้าวกระโดดขึ้นมา แต่พวกเขายังมีภูเขาเนปจูนเป็นเส้นทางให้ถอยกลับได้ แม้ว่าจะเจอกับศัตรูที่ไม่อาจจะเอาชนะได้ แต่พวกเขาก็สามารถถอยกลับมาที่นี่ได้
หลังจากนั้นทั้งสามก็รีบกลับไปที่สวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันกับเสี่ยวเจิ้ง เจี้ยนเฉินได้แอบถามเฉินหลง อย่างลับ ๆ ว่า “เฉินหลง เจ้าควบคุมค่ายกลของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนในตอนนี้ได้หรือไม่ ? ”
เฉินหลงรับรู้ถึงคำพูดที่ส่งมาทางจิตและส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้ ข้าควบคุมได้แค่ค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดภายใน ภูเขาเนปจูน”
เจี้ยนเฉินพยักหน้า เขาเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้ว
ไม่นานพวกเขาก็ได้กลับมาที่สวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การนำทางของเสี่ยวเจิ้ง แต่ตอนที่กำลังจะเข้าไปในสวนนั้น พวกเขาก็ต้องแปลกใจ
สวนขนาดใหญ่นี้เต็มไปด้วยสมบัติสวรรค์ที่แผ่พลังงานอันบริสุทธิ์ออกมาแต่ตอนนี้มันกลับไร้ผู้คน
“มันต้องมีบางอย่างผิดปกติ นี่มันแปลกเกินไป นอกซะจากว่าพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนกำลังจะปิดที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่สวนจะว่างเปล่าเช่นนี้ได้ มันต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ข้าจะไปถามสถานการณ์จากคนอื่นดู” เสี่ยวเจิ้งพูดด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะมุ่งหน้าออกไปตรวจสอบเรื่องนี้
ไม่นานเสี่ยวเจิ้งก็กลับมา เขาได้บอกกับทั้งสามคนว่า “มรดกของขั้นบรรพกาลได้ปรากฏขึ้นมาห่างจากสวนไปหลายแสนเมตร มรดกนั่นแตกต่างกันไป อาจจะมีใครได้รับการยอมรับ ผลก็คือมีหลายคนมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อลองเสี่ยงโชค ทุกคนในสวนนี้คงจะไปที่นั่นกันเช่นกัน”
ประกายในแววตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหวขึ้นมา เขาถามเฉินหลง, ไคยะ และเสี่ยวเจิ้ง “พวกเจ้าสนใจมรดกของขั้นบรรพกาลหรือไม่ ? ”
เฉินหลงและ ไคยะต่างก็พากันส่ายหน้า
“มันไม่สำคัญที่หากข้าจะสนใจมัน ไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำว่าที่นั่นคงมีคนอยู่เยอะ มันยากที่จะได้รับการยอมรับ มันไม่ต่างอะไรกับการไปเสียเวลา มันจะดีกว่าที่จะทำอะไรที่มีประโยชน์แทน” เสี่ยวเจิ้งถอนหายใจออกมา เขารู้จักตัวเองดี
เจี้ยนเฉินพยักหน้า เขาเลือกสนใจมรดกนั่นและเริ่มทำลายค่ายกลที่อยู่รายล้อมสมบัติสวรรค์ทิ้ง
ค่ายกลที่ปกป้องสมบัติสวรรค์นี้แข็งอย่างมากแต่ไม่ว่าค่ายกลจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่ก็ต้องการพลังงาน ผลก็คือ ปรมาจารย์เฉินหลงได้สร้างค่ายกลปิดล้อมสวรรค์รอบดอกไม้แห่งวิถีซึ่งตัดแหล่งพลังงานของค่ายกลไป ผลก็คือมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ค่ายกลจะได้พลังงานทดแทน
“ข้าได้ตัดแหล่งพลังงานของมันแล้ว ข้าจะให้เจ้าโจมตีและทำให้พลังงานที่เหลือของมันหมดไป ด้วยวิธีนี้เราจะได้รวบคุมพลังของเราได้ดีขึ้น” ปรมาจารย์เฉินหลงพูดขึ้น
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ได้ลงมือโจมตีค่ายกล เส้นพลังงานหลากสีปะทุออกมาทั่วทั้งสวนจนกลายเป็นพายุขนาดใหญ่
ค่ายกลรอบดอกไม้แห่งวิถีนั้นทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าจะมีค่ายกลปิดล้อมสวรรค์ของเฉินหลงคอยตัดแหล่งพลังงานไป แต่ก็ใช้เวลาทั้งวันกว่าจะผลาญพลังงานของค่ายกลได้หมด
แคร่ก !
เกิดเสียงดังขึ้นตอนที่ค่ายกลพังลง ดอกไม้แห่งวิถีที่ถูกปกป้องอยู่ภายในตอนนี้ได้เผยตัวตนออกมาตรงหน้าพวกเขา
เจี้ยนเฉินเริ่มหายใจติดขัด เขามองไปที่ดอกไม้แห่งวิถีด้วยความต้องการที่พรั่งพรูออกมาในใจ เขาจำได้ว่าเฮายู่เคยมีเรื่องบาดหมางกับองค์ชายเก้าของจักรวรรดิตะวันโลหิตเพราะดอกไม้แห่งวิถีเพียงดอกเดียวที่ภูเขาหยินเจ็ดทลาย
“ว่ากันว่าดอกไม้แห่งวิถีสามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงผ่านของราชาเทพไปยังขั้นอสงไขยได้ มันมีค่าอย่างมากในโลกเซียน” เสี่ยวเจิ้งมองไปยังดอกไม้แห่งวิถีด้วยสายตาตื่นเต้น
เจี้ยนเฉินหยิบเอากล่องหยอกออกมาและเก็บดอกไม้ใส่ลงไปก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันยังมีดอกไม้อีกหลายดอกในสวน มันมีกว่าหลายสิบดอก ขุดมันออกมาแล้วค่อยไปแบ่งกัน “
ไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้ ปรมาจารย์เฉินหลงทำการร่ายค่ายกลปิดกั้นสวรรค์รอบดอกไม้แห่งวิถีดอกที่สองทันที
ในเสี้ยวพริบตา ทั้งสี่ก็อยู่ในสวนแห่งนี้กว่าครึ่งเดือนและขุดเอาดอกไม้แห่งวิถีทั้งหมดมาได้ มันเหลือแค่รากที่จะเติบโตขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ทิ้งไว้สักพัก
พวกเขาไม่ได้หยุด หลังจากที่ขุดเอาดอกไม้แห่งวิถีมาได้ พวกเขาก็เก็บกวาดสมบัติสวรรค์อย่างอื่นกันต่อ มันมีสมบัติสวรรค์ระดับเทพอยู่มากมายในสวนนี้และมันมีหลายประเภทด้วย ส่วนมากแล้วพวกเขาไม่รู้จักมัน แม้แต่คนที่มีความรู้อย่างเสี่ยวเจิ้งก็ยังไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ แต่พวกเขามั่นใจว่าสมบัติสวรรค์เหล่านี้ล้ำค่าจนถึงระดับที่คาดไม่ถึง
ดอกไม้แห่งวิถีทั้งหมดที่ถูกขุดออกไปนั้นเหมือนกับหยดน้ำหยดเดียวในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับสมบัติสวรรค์ระดับเทพในสวนแห่งนี้
ตอนนั้นมีชายวัยกลางคนโผล่มาในสวน เขามองมาที่เจี้ยนเฉินที่เก็บเอาสมบัติสวรรค์ต่าง ๆ ไป ไม่นานเขาก็ต้องตะลึง หลังจากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ และพบว่าดอกไม้แห่งวิถีถูกขุดออกไปหมดแล้วเหลือเพียงแค่ราก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขาตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึง “จะ จะ เจ้าเอาดอกไม้แห่งวิถีไปหมดเลยรึไง ? ”
“จัดการเขา เราไม่อาจจะปล่อยให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้” สีหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลงและพุ่งเข้าหาชายคนนั้นโดยไม่ลังเล
ไคยะเองก็ทำการโจมตีเช่นกัน นางระเบิดพลังต่อสู้อันน่าตกใจออกมา นางใช้กฎแห่งไฟและกฎแห่งการทำลายเพื่อโจมตีชายคนนั้นร่วมกับเจี้ยนเฉิน
ชายคนนั้นเป็นเพียงแค่ราชาเทพช่วงกลาง ทั้งไคยะและเจี้ยนเฉินสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะลงมือเพียงลำพัง นี่ไม่ต้องนับการร่วมมือกันเลย แค่การโจมตีครั้งเดียวเขาก็หมดท่า จากนั้นเจี้ยนเฉินก็ทำให้อีกฝ่ายหมดสติด้วยหมัดของตน
“เจ้าอยากให้ข้าวางค่ายกลที่ทางเข้าเพื่อหยุดคนเอาไว้รึไม่ ? ” ปรมาจารย์เฉินหลงถามขึ้นมา
เจี้ยนเฉินปฏิเสธข้อเสนอนี้โดยไม่ลังเล เขาพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่ายิ่งทำให้เรื่องนี้ชัดเจนขึ้นไปอีกหรือ ? เราทำแบบนั้นไม่ได้ เราต้องทำลายค่ายกลพวกนี้ให้เร็วกว่าเดิม” ตอนที่พูดนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้เอาหอคอยอนัตตาออกมาและนำชายวัยกลางคนไปไว้ด้านใน
ไม่นานชายคนนั้นก็ตื่นขึ้น แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ส่งต่อข่าวนี้ออกไปด้วยวิธีอื่น เจี้ยนเฉินหยุดกังวลได้หลังจากที่โยนอีกฝ่ายเข้าไปในโลกแยกเดี่ยวอย่างหอคอยอนัตตา
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็หรี่ตาลงมองหอคอยอนัตตา ความคิดหนึ่งโผล่มาในหัวเขา ทันใดนั้นเขาก็ยกหอคอยอนัตตาขึ้น ด้วยการควบคุมทางจิต มันได้ขยายตัวขึ้นมาสูงกว่า 10 เมตร แล้วฟาดลงบนค่ายกลที่ปกป้องสมบัติสวรรค์ระดับเทพอยู่
ทันใดนั้นแสงบนค่ายกลก็สั่นไหวอย่างรวดเร็ว พลังของมันลดลงไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ด้วยการโจมตีนี้ค่ายกลได้เสียพลังงานของมันไปกว่าแปดในสิบส่วน
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาควบคุมพลังของหอคอยอนัตตาและฟาดมันลงไปครั้งที่สองเพื่อต้องการจะทำลายค่ายกลให้ได้ในครั้งเดียว
ปัง !
สุดท้ายหอคอยอนัตตาก็ได้ทำลายค่ายกลและฟาดลงไปที่พื้นแรงที่มากกว่าภูเขาหล่นทับหลายพันเท่า มันทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าสมบัติสวรรค์เองก็ถูกทำลายไปด้วย
แต่ทั้งสี่คนไม่ได้เจ็บใจเพราะเรื่องนี้ กลับกันแล้ว พวกเขาพากันดีใจขึ้นมาแทน
“ข้าไม่คิดว่าหอคอยจะทรงพลังแบบนี้ มันคือวัตถุเทพที่เด่นเรื่องการทำลายค่ายกลจริง ๆ วิเศษ มันวิเศษสุด ๆ ด้วยหอคอยนี่เราก็สามารถเก็บรวบรวมสมบัติสวรรค์ได้เร็วกว่าเดิม เราถึงกับเก็บกวาดทั้งสวนได้ด้วยซ้ำ แต่เราต้องควบคุมพลังของมันและใช้มันแค่ครั้งเดียว เราไม่อาจจะใช้มันเป็นครั้งที่สองกับค่ายกลได้” ปรมาจารย์เฉินหลงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น