เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2060 : เก็บกวาดสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ (2)
ตอนที่ 2060 : เก็บกวาดสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ (2)
“เฉินหลง เจ้าจัดการกับค่ายกลปิดกั้นสวรรค์และเราจะทำลายค่ายกลกัน เราต้องรวดเร็วให้ได้มากที่สุดและเก็บเอาสมบัติสวรรค์กลับไปให้มากที่สุดก่อนที่คนอื่น ๆ จะกลับมา” เจี้ยนเฉินเร่ง สมบัติสวรรค์พวกนี้มีค่าต่อเขาอย่างมาก พวกมันมีค่าเท่ากับเงินทองจำนวนมาก มันจะส่งผลต่อบทบาทของเขาในการไปยังที่ราบอัคคีฟ้าและที่ราบน้ำแข็งขั้วโลก
ด้วยหอคอยอนัตตานี้ พวกเขาสามารถทำลายค่ายกลได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า ค่ายกลที่ตอนแรกใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงในการทำลาย ตอนนี้กลับใช้เวลาแค่เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น
วิธีของพวกเขาในการทำลายค่ายกลก็ง่ายดาย ค่ายกลทุกอันจะถูกล้อมด้วยค่ายกลปิดกั้นสวรรค์ไว้ก่อนเพื่อตัดแหล่งพลังงาน จากนั้นพวกเขาก็จะโจมตีมันด้วยหอคอยอนัตตาไป 1 ครั้งซึ่งจะทำให้พลังงานของมันหายไปเจ็ดถึงแปดส่วน พลังงานที่เหลือจะถูกลบไปด้วยการโจมตีจากเจี้ยนเฉิน, ไคยะและเสี่ยวเจิ้ง
“น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจจะควบคุมพลังของหอคอยอนัตตาทั้งหมดได้ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะใช้มันฟาดใส่ค่ายกลเป็นครั้งที่สองได้ ไม่งั้นแล้วเราคงทำลายค่ายกลได้ในเวลาไม่กี่อึดใจ เราคงเพิ่มความเร็วขึ้นมาได้อย่างมาก” เจี้ยนเฉินมองไปยังหอคอยที่เสียหายในมือที่หดขนาดลงมาเท่ากับฝ่ามือพร้อมกับรู้สึกเสียดาย
ต่อมาทั่งสี่คนก็ยุ่งอยู่กับการรวบรวมสมบัติสวรรค์ พวกเขาลืมเลือนเวลาและเอาแต่เก็สมบัติสวรรค์อยู่ทั้งวัน ผลก็คือเวลาแค่ 1 เดือน พวกเขาก็เก็บสมบัติสวรรค์ระดับเทพในขั้นต่าง ๆ ไปหลายร้อยชิ้น
ระหว่างนั้น ไคยะ, เฉินหลงและเสี่ยวเจิ้ง ต้องพักอยู่หลายครั้งเพราะการใช้พลังดั้งเดิมที่มากเกินไป พวกเขาใช้เหรียญผลึกขั้นสูงสุดเพื่อการฟื้นฟูพลัง
มีแค่เจี้ยนเฉินที่เหมือนจะไม่หมดแรงเลยแม้แต่น้อย เพราะการที่เขาบ่มเพาะพลังบรรพกาลซึ่งใช้ไปเพียงน้อยนิด เขารู้สึกหมดแรงก็ตอนที่จุดบรรพกาลในตันเถียนนั้นหดขนาดลงเล็กน้อยหากเทียบกับแต่ก่อน
“เฮ้อ โชคร้ายจริง ๆ มันมีราชาเทพมากมายแต่พวกนั้นต่างก็พ่ายแพ้ให้กับขั้นเหนือเทพ และปล่อยให้ขั้นเหนือเทพผู้นี้ได้รับมรดกของขั้นบรรพกาลไป”
“ใช่ มันยากที่จะรับความจริงนี้ได้ มรดรกจากผู้ที่อยู่ขั้นบรรพกาล แม้ว่าเราจะไม่ได้มันมาแต่อย่างน้อยหากราชาเทพคนอื่นได้ไปก็ยังพอรับได้ แต่นี่กลับตกเป็นของขั้นเหนือเทพ”
“แต่ขั้นเหนือเทพผู้นั้นก็ไม่ธรรมดา มรดกนั้นใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ มันมีราชาเทพหลายคนที่ยังอยู่ภายนอก ทันทีที่นางออกมา พวกนั้นคงไม่ปล่อยนางไปแน่”
“นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป พรสวรรค์ที่เรามีนั้นจำกัด เราไม่อาจจะเทียบเคียงกับพวกระดับสูงได้ มันคงเป็นเรื่องไกลตัวที่จะได้รับมรดกของผู้ที่อยู่ขั้นบรรพกาลมา มันจะดีกว่าหากเรอยู่ที่สวนและเก็บเอาดอกไม้แห่งวิถีเพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตตั้งต้นในอนาคต”
ตอนนั้นเองชายหญิงกว่า 5 คนที่สวมชุดคล้ายกันได้เดินออกมาภายนอกพร้อมกับพูดคุยกัน พวกเขาต่างก็มุ่งหน้าตรงกลับไปที่สวน
แต่ไม่นานทั้งห้าคนก็ต้องตะลึงเมื่อมองไปภายหน้า
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือหอคอยที่สูงกว่า 10 เมตรลอยอยู่บนฟ้า หอคอยนี้ได้รับความเสียหายและ 9 ชั้นนั้นเต็มไปด้วยรอยกระบี่ มันแทบจะพังจนถึงจุดที่ไม่อยู่ในสภาพเดิมอีก
แต่แม้ว่าหอคอยนี้จะเสียหาย แต่มันก็ยังแผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมากดดันทั้งห้าคนอย่างมากจนพวกนั้นแทบจะหายใจกันไม่ได้
ตูม !
หออคอยได้ฟาดลงใส่ค่ายกลด้วยแรงที่เท่ากับการหล่นทับของภูเขา เกิดการสั่นอย่างรุนแรงขึ้นพร้อมกับพลังงานที่สนับสนุนค่ายกลอ่อนแรงลงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“สวรรค์ ข้าตาฝาดไปหรือไร ? หอคอยฟาดเพียงครั้งเดียวก็ลดพลังงานของค่ายกลไปได้ถึงแปดส่วน” ทั้งห้าแทบจะพูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานในค่ายกลที่หายไป พวกเขาต่างก็มองไปที่หอคอยด้วยสายตาละโมบ
“มันคือวัตถุเทพที่มีไว้สำหรับทำลายค่ายกล มันทำขึ้นมาเพื่อทำลายค่ายกล ค่ายกลที่รายล้อมสมบัติสวรรค์แทบจะไม่มีอยู่จริงต่อหน้าคนที่มีหอคอยนี่ “
“ดอกไม้แห่งวิถีหายไปหมดแล้ว ไม่เหลือเลยแม้แต่ดอกเดียว พวกมันถูกสี่คนนั่นขุดไปหมดแล้วรึ ? ”
ทั้งห้าคนมาจากกลุ่มเดียวกัน พวกเขาแสดงสีหน้าแปลกใจและดีใจออกมาเมื่อมองไปยังเจี้ยนเฉิน
หอคอยสูงกว่า 10 เมตรได้หดขนาดลงเท่ากับกำปั้น ตอนนี้มันอยู่ในกำมือของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินมองไปที่ห้าคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยยสายตาเย็นชา
เฉินหลง, ไคยะและเสี่ยวเจิ้งเองก็หยุดมือ พวกนั้นต่างก็มองไปที่ห้าคนด้วยสีหน้าที่หม่นลงเล็กน้อย
ทั้งห้าคนประกอบไปด้วยผู้ชาย 3 คนและผู้หญิง 2 คน นอกจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นราชาเทพช่วงกลางแล้ว คนที่เหลือเป็นราชาเทพช่วงปลาย
มันไม่ยากที่จะฆ่าพวกนี้ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเจี้ยนเฉินมี แต่พวกเขาไม่อาจจะกันไม่ให้ทั้งห้าคนหนีไปได้ ในหมู่ 5 คนนี้ ชายวัยกลางคนมองมาที่พวกเจี้ยนเฉินและพบว่าหนึ่งในนรั้นไม่อาจจะตรวจจับการบ่มเพาะได้ เขาป้องมือและพูดขึ้นทันที “เรามาจากนิกายเมฆขาวของที่ราบอัคคีฟ้า ขอคำนับทุกคน”
“ที่ราบอัคคีฟ้า ? พวกเจ้ามาจากที่ราบอัคคีฟ้ารึ ? ” เจี้ยนเฉินแปลกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น
ชายวัยกลางคนเองก็แปลกใจกับท่าทีของเจี้ยนเฉิน เขายิ้มออกมา “ถูกต้อง เรามาจากที่ราบอัคคีฟ้า เจ้าเองก็มาจากที่ราบอัคคีฟ้ารึ ? ”
“ข้าไม่ได้มาจากที่นั่นแต่ข้ามีคนสนิทที่นั่น” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมกับแววตาที่ดูสั่นไหว
ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นวาสนาที่พาเรามาพบกัน สหาย เมื่อมรดกของผู้ที่อยู่ขั้นบรรพกาลมีเจ้าของแล้ว คนที่ออกจากที่นั่นต้องกลับมายังสวนนี้ในไม่ช้า เจ้าไม่ได้มีเวลาเหลือมากนัก” จากนั้นชายวัยกลางคนก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “เหลือเวลาไม่มาก แม้ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามีกับสมบัติทำลายค่ายกลนั่น แต่สมบัติสวรรค์ที่เก็บได้ก็มีจำกัด เราจะช่วยเจ้าทำลายค่ายกลพวกนี้ เราแค่ต้องการดอกไม้แห่งวิถีดอกหนึ่ง”
“ตกลง ! ” หลังจากที่ลังเลไปสักพัก เจี้ยนเฉินก็ตอบตกลง เหตุผลหนึ่งก็เพราะพวกนี้มาจากที่ราบอัคคีฟ้า ดังนั้นเขาก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับนิกายเต๋าเสียงสวรรค์จากพวกนี้ได้ อีกเหตุผลคือพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะป้องกันไม่ให้ทั้งห้าคนหนีไปได้ ตราบใดที่มีคนหนึ่งหนีไปได้ มันก็ต้องเกิดปัญหาขึ้น
หลังจากนั้นด้วยการสมทบจากราชาเทพทั้งห้า พวกเขาก็ทำลายค่ายกลได้เร็วยิ่งกว่าเดิม สี่ชั่วโมงตอนแรกลดมาเหลือเพียง 1 ชั่วโมง แค่เพียงครึ่งวันพวกเขาก็ทำลายค่ายกลไปได้หลายสิบอัน
แต่เพราะมีคนนอกเข้ามาเพิ่ม ทั้งเจี้ยนเฉินและไคยะก็เพิ่มความระวังขึ้นมา พวกเขายั้งพลังเอาไว้อยู่ในขั้นราชาเทพช่วงต้น
“ช่างเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งจริง ๆ มันสามารถตัดการเชื่อมต่อของค่ายกลได้และกันไม่ให้มีพลังจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน เข้ามาเพิ่มเติมได้” ราชาเทพทั้งห้าจากนิกายเมฆขาวทึ่งกับค่ายกลของปรมาจารย์เฉินหลง แต่เมื่อพวกเขาเห็นหอคอยอนัตตา พวกเขาก็เริ่มแสดงความต้องการและความโลภที่มีในใจออกมา