เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2061 : เผยตัว
ตอนที่ 2061 : เผยตัว
เจี้ยนเฉิน, ไคยะ, เสี่ยวเจิ้ง และเฉินหลง เหมือนจะไม่เห็นสายตาละโมภของทั้งห้าคน พวกเขาเพ่งสมาธิไปกับการทำลายค่ายกลเพื่อที่จะเก็บสมบัติสวรรค์ให้ได้มากที่สุด
ระหว่างนั้นมีคนกลับมายังสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทีละคน ๆ แต่ทุกคนต่างก็เจอชะตากรรมที่โหดร้ายแบบเดียวกัน พวกนั้นโดนโจมตีโดยราชาเทพของนิกายเมฆขาว
ตั้งแต่ที่ราชาเทพของนิกายเมฆขาวเข้ามาร่วมมือด้วย เจี้ยนเฉินและไคยะก็แสดงความแข็งแกร่งแค่เพียงขั้นราชาเทพช่วงต้นในการทำลายค่ายกล เป็นธรรมดาที่ราชาเทพทั้งห้าจากนิกายเมฆขาวจะเชื่อว่าตนเองแข็งแกร่งกว่า
“ผู้อาวุโสหยิง ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ พวกเจี้ยนเฉิน” หนึ่งในห้าราชาเทพของนิกายเมฆขาวที่เป็นผู้หญิงซึ่งอ่อนแอที่สุดได้บอกกับชายวัยกลางคนหลังจากที่ฆ่านักสู้ที่เข้ามาสองชุด
ผู้อาวุโสหยิงคือชายวัยกลางคนที่พูดกับเจี้ยนเฉินในตอนแรก เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสนิกายเมฆขาว ไม่มีผู้อาวุโสของนิกายเมฆขาวที่อยู่ในขั้นราชาเทพช่วงปลายคนไหนที่เป็นคู่มือเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้นำของกลุ่ม
“ ผู้อาวุโสซี มีอะไร ? ” ผู้อาวุโสหยิงถามขึ้นมา
พวกเขาพูดคุยกันแบบลับ ๆ นอกจากสองคนนี้แล้วมแต่สามคนที่เหลือก็ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนี้พูด
“ท่านไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยรึไง ? พวกนั้นไม่กลัวเราเลยแม้แต่น้อยและตอนที่เราฆ่าราชาเทพที่เข้ามาตะกี้ พวกนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีใด ๆ เลย” ผู้อาวุโสซีพูดพร้อมกับมองไปยังกลุ่มของเจี้ยนเฉิน
“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสซี ดูที่พวกนั้นเพ่งสมาธิไปกับการทำลายค่ายกลสิ พวกนั้นไม่ได้ดูใจเย็นแบบที่แสดงออกมาหรอก ยิ่งกว่านั้นทั้งสี่คนก็เป็นแค่ราชาเทพช่วงต้น พวกนั้นจะก่อเรื่องกันได้มากแค่ไหนกัน ? ” ผู้อาวุโสหยิงตอบกลับโดยไม่สนใจอะไรมากนัก เขาไม่ได้ใส่ใจกลุ่มของเจี้ยนเฉินเลยด้วยซ้ำ
“แต่..”
“ไม่มีแต่ ผู้อาวุโสซี เจ้าไม่มั่นใจในกลุ่มของเรารึไง ? เราสี่คนเป็นราชาเทพช่วงปลาย เจ้าเป็นราชาเทพช่วงต้น มันไม่เพียงพอที่จะจัดการกับคนพวกนี้รึไง ” ผู้อาวุโสหยิงพูดตัดบทผู้อาวุโสซี
ผู้อาวุโสซีไม่ได้พูดอะไรต่อ นางมองไปยังทั้งสี่คนอยู่ตอลด นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปและนางก็สงสัยว่าท่าทีใจเย็นที่พวกเจี้ยนเฉินแสดงออกมานั้นไม่ใช่การแสดง มันเหมือนกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องโดยรอบ แต่ตอนที่นางได้ข้อสรุปพวกนี้ แม้แต่นางก็ยากจะเชื่อมัน นางใช้ทักษะลับของนิกายเมฆขาวในการตรวจสอบทั้งสี่คนและพวกนี้ก็เป็นราชาเทพช่วงต้นกันจริง ๆ ราชาเทพช่วงต้น 4 คนจะเป็นภัยคุกคามต่อพวกนางได้ยังไง ?
เจี้ยนเฉินเองก็ถามถึงลัทธิเต๋าเสียงสวรรค์ แต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะนิกายนั้นอยู่ห่างไกลเกินไป เพราะแบบนั้นความรู้ที่มีจึงมีจำกัด นอกจากรู้ว่าลัทธิเต๋าเสียงสวรรค์ตั้งอยู่ที่เขตกลางของที่ราบอัคคีฟ้าแล้ว เขาไม่ได้รู้อะไรใหม่เลย
เมื่อค่ายกลถูกทำลายไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็เก็บสมบัติสวรรค์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เก็บสมบัติสวรรค์ได้ ใจของราชาเทพทั้งห้าคนจะเต้นถี่ขึ้น ความตื่นเต้นและความต้องการที่ก่อตัวขึ้นในใจนั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันราวกับว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนที่เก็บสมบัติสวรรค์เหล่านี้ได้ แต่เป็นพวกเขาเอง
“มันมีราชาเทพอีก 3 คน คนหนึ่งเป็นราชาเทพช่วงปลาย” ตอนนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสหยิงหม่นลง เขาได้ถอยออกมาจากไคยะกับเจี้ยนเฉินเพื่อไปหยุดคนที่กำลังเข้ามา
พวกนั้นจงใจที่จะสู้ตรงทางเข้าเพราะกลัวว่าเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ จะหนีในตอนที่พวกเขายุ่งอยู่
“พวกเจ้ามาเก็บสมบัติสวรรค์ที่นี่และต้องการจะปกปิดเรื่องนี้ด้วยการฆ่าเรา ฮึ่ม บังอาจนัก” ราชาเทพช่วงปลายที่สู้กับผู้อาวุโสของนิกายเมฆขาวเข้าใจทุกอย่างทันที เขาไม่กล้ายืดเยื้ออีกต่อไป เขารีบหนีโดยไม่สนใจว่าจะบาดเจ็บแค่ไหน
“บัดซบ เราปล่อยเขาหนีไปได้” ผู้อาวุโสของนิกายเมฆขาวสบถออกมา จากนั้นพวกเขาก็ฆ่าราชาเทพอีก 2 คนก่อนจะกลับมาด้วยใบหน้าที่ซีด
“ข่าวนี้คงรั่วไหลในไม่ช้า เมื่อคนอื่น ๆ รู้ว่าเราได้สมบัติสวรรค์ระดับเทพไปจำนวนมาก พวกนั้นคงไม่ปล่อยเราไปแน่ มันต้องมีคนจำนวนมากมาไล่ล่าเรา เรารีบออกจากที่นี่จะดีกว่า” ผู้อาวุโสหยิง ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะหวาดกลัว
พวกเจี้ยนเฉินเข้าใจสถานการณ์นี้ดี พวกเขาหยุดโจมตีค่ายกลแล้วเก็บหอคอยอนัตตาลงไปก่อนจะหนีออกไปพร้อมกับราชาเทพทั้งห้าจากนิกายเมฆขาว
เฉินหลงเองก็ลบค่ายกลปิดกั้นสวรรค์ออกไป เมื่อไม่มีค่ายกลนี้แล้ว พลังงานก็เริ่มมาทดแทนพลังงานที่หายไปจากการโจมตีของหอคอยอนัตตา
ห่างออกไปจากสวนหลายแสนกิโลเมตรนั้นมีบ้านหลังหนึ่ง มันมีค่ายกลขนาดใหญ่ที่แผ่พลังงานอันแข็งแกร่งห้อมล้อมบ้านหลังนี้เอาไว้
มีนักสู้หลายคนมารวมตัวกันด้านนอกค่ายกลนี้ซึ่งมีทั้งขั้นเหนือเทพและราชาเทพ มันถึงกับมีขั้นเทพอยู่ที่นี่ด้วย
“ฮึ่ม ข้าไม่เชื่อว่านางจะเอามรดกของผู้ที่อยู่ขั้นบรรพกาลไปได้ด้วยการที่มีคนมากมายรายล้อมอยู่ที่นี่”
“นางคงได้แต่โทษการบ่มเพาะของตัวเองที่ต่ำเกินไป นางเป็นแค่ขั้นเหนือเทพ นางได้รับมรดกของขั้นบรรพกาลไป ไม่ใช่แค่มันจะไม่ส่งผลดีต่อนาง แต่นางอาจจะตายเพราะมันแทน”
กลุ่มราชาเทพยืนอยู่นอกค่ายกล พวกนั้นไม่ได้ถอยกลับไปเลยแม้แต่น้อย พวกนั้นพูดคุยกันเบา ๆ และยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่บ้านหลังนั้น
มันมีเด็กสาวอายุประมาณ 15-16 ปียืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ที่ที่ส่วนนอกของเขตที่ผู้คนมารวมตัวกัน นางเองก็มองไปที่บ้านหลังนั้นด้วยความกังวล
“พี่จื่อหยุน ท่านต้องออกมาแบบปกติให้ได้ ท่านไม่อาจจะปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับท่านได้ ไม่เช่นนั้นท่านก็จงอย่าออกมา” เด็กสาวกำหมัดแน่นพร้อมกับภาวนาในใจ นางกังวลอย่างมากจนหน้าซีดไปเล็กน้อย
การบ่มเพาะของนางนั้นต่ำอย่างมาก นางยังอยู่แค่ขอบเขตมนุษย์ นางเพิ่งได้กลายเป็นเซียนปฐพีเมื่อไม่นานมานี้ นี่ไม่ต้องนับพวกขอบเขตเทพที่มารวมตัวกันเลย แม้แต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากพวกที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิมก็เพียงพอที่จะปลิดชีวิตนางได้ มันอันตรายอย่างมากกับการที่นางมาอยู่ที่นี่
โชคดีที่ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่
ตอนนั้นมันก็มีราชาเทพคนหนึ่งตัวชุ่มไปด้วยเลือดพุ่งเข้ามา เขาตะโกนออกมาตั้งแต่อยู่ไกล ๆ “มีคนมีสมบัติสำหรับทำลายค่ายกลและเก็บสมบัติสวรรค์ในสวนไปจำนวนมาก พวกนั้นเก็บสมบัติไปได้กว่า 1 ใน 4 และไม่เหลือดอกไม้แห่งวิถีเลยสักดอก รีบไปหยุดพวกนั้นหากพวกเจ้ายังต้องการสมบัติสวรรค์อยู่ ถ้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ พวกนั้นคงเก็บเอาไปจนเกลี้ยง”
“อะไรนะ ? เก็บไปได้กว่า 1 ใน 4 ของสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ? ”
“เจ้าล้อเล่นรึ ? มันมีสมบัติสวรรค์ระดับเทพกว่าพันชิ้นในสวน เจ้าหมายความว่าพวกนั้นเก็บไปกว่า 200 ชิ้นเลยรึ ? ”
“สวรรค์ แต่ละครั้งที่สวนแห่งนี้เปิด สมบัติสวรรค์จะถูกเอาไปเพียงไม่กี่ชิ้น ตอนนี้มันกลับหายไปกว่า 1 ใน 4 ! ”
มันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา ราชาเทพทุกคนที่ล้อมบ้านนั้นเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างก็พากันตกตะลึง บางคนถึงกับไม่เชื่อและสงสัยเรื่องนี้ พวกเขาเชื่อว่าราชาเทพผู้นี้มีจุดประสงค์ร้ายและคงเกี่ยวข้องกับขั้นเหนือเทพที่ได้มรดกไป เขาต้องการจะดึงความสนใจจากทุกคนด้วยเรื่องนี้