เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2063 : ความโลภของมนุษย์
ตอนที่ 2063 : ความโลภของมนุษย์
“นางออกมาแล้ว ! นางออกมาแล้ว ! ”
“หยุด ! ”
สายตาของผู้คนด้านนอกเป็นประกายขึ้นมา ในเวลาเดียวกันพวกนั้นก็พุ่งเข้าหาหญิงสาวคนนั้นพร้อมกับแผ่พลังราชาเทพออกมา ตอนที่พลังงานหลายสิบสายผสมรวมกันในอากาศ แม้แต่พลังงานดั้งเดิมก็เหมือนจะหยุดนิ่งไป ยิ่งกว่านั้นภายใต้การควบคุมของพวกนี้ พลังของทุกคนได้พุ่งเข้าใส่ผู้หญิงคนนั้นราวกับว่าพวกนี้ต้องการใช้ความกดดดันจากพลังตัวเองเพื่อตัดความสามารถทางการหนีของนาง
หญิงสาวสีหน้าเคร่งเครียด นางเหมือนจะไม่ได้รับลอะไรมาก นางยังคงเดินหน้าต่อไปรวดเร็วที่สุดเท่าที่นางทำได้
“ราชาเทพ นางเป็นราชาเทพแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่านางถึงทนพลังของเราได้”
“มันคือมรดกของขั้นบรรพกาล นี่มันก็ผ่านมานานแล้วและมันได้ทำให้นางขึ้นเป็นราชาเทพ”
ราชาเทพเหล่านั้นยากจะใจเย็นลงได้ พวกนั้นต่างก็พากันตะโกนกันออกมา หลังจากนั้นความตื่นเต้นและความโลภที่มีก็พรั่งพรูออกมาจากใจพวกเขา
ราชาเทพช่วงปลายคนหนึ่งตามนางทัน เป็นธรรมดาที่นางจะไม่ใช่คู่มือของราชาเทพส่วนปลายผู้นี้ เพราะนางเพิ่งขึ้นเป็นราชาเทพได้ไม่นานมานี้และเสียเปรียบตั้งแต่การปะทะครั้งแรก นางยืมพลังจาการโจมตีนั้นเพื่อเร่งความเร็วให้กับตัวเองแทน นางได้ไปถึงตรงหน้าเสี่ยวม่านที่รออยู่ด้านนอก แล้วคว้ามือของเสี่ยวม่านเอาไว้ ก่อนจะหนีไป
“พี่จื่อหยุน พี่ไม่เป็นไรนะ ? ” เสี่ยวม่านมองดูเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของจื่อหยุนและใบหน้าที่ซีด นางทั้งเป็นห่วงและกังวล
จื่อหยุนกัดฟันแน่นโดยไม่พูดอะไร นางใช้ทักษะลับเพื่อที่ตัวเองจะได้ปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
“หยุดพยายามเสียเถอะ เจ้าหนีไม่รอดหรอก” ราชาเทพกว่า 30 คนไล่ตามจื่อหยุนไป ราชาเทพช่วงปลายนั้นรวดเร็วกว่าจื่อหยุนมากนัก ดังนั้นระยะห่างที่เว้นไว้ในตอนแรกจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันกลุ่มของเจี้ยนเฉินก็หนีมาพร้อมกับราชาเทพทั้งห้าจากนิกายเมฆขาว พวกเขาหยุดเมื่ออยู่ห่างจากสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ได้ล้านกิโลเมตร
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้ว เราออกห่างจากสวนมาพอสมควรแล้ว แม้ว่าพวกนั้นจะไล่ตามเรามา แต่พวกนั้นคงปะติดปะต่อเรากับเรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนไม่ได้” ผู้อาวุโสหยิงพูดขึ้น เขาแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
มันไม่ใช่แค่เขา อีก 4 คนเองก็แสดงท่าทีแบบเดียวกันและมองไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินนั้นกลับกัน เขาดึงเอาดอกไม้แห่งวิถีออกมาและบอกกับพวกนั้นว่า “ขอบคุณที่ช่วยทำลายค่ายกล ถ้าไม่มีพวกเจ้าช่วย เราคงไม่อาจจะเก็บสมบัติสวรรค์ได้มากถึงเพียงนี้ ตามที่ตกลงกันไว้ ดอกไม้แห่งวิถีนี้เป็นของพวกเจ้า”
ทั้งห้าคนมองหน้ากันก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าประหลาด “น้องชาย เราช่วยเจ้าทำลายค่ายกลมาตั้งเยอะและฆ่าคนที่มายังสวนไปจำนวนมาก ไม่งั้นเจ้าคงเก็บสมบัติสวรรค์มากมายแบบนี้ไม่ได้หากไม่มีเรา เรามีส่วนร่วมอย่างมากแต่เจ้ากลับให้ดอกไม้กับเราแค่เพียงดอกเดียว เจ้าคิดว่าเราเป็นขอทานรึไง”
เจี้ยนเฉินคิดและพูดขึ้นมาว่า “ถูกแล้ว การมีพวกเจ้าช่วยนั้นทำให้เราเก็บสมบัติสวรรค์ระดับเทพได้อีก 20 ชิ้น แม้ว่าเราจะตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่การให้ดอกไม้แห่งวิถีเพียงดอกเดียวก็คงถือเป็นการเห็นแก่ตัว เอาแบบนี้เป็นไง ? เราจะแบ่งสมบัติสวรรค์ที่เก็บมาหลังจากที่พวกเจ้ามาช่วยเราคนละครึ่ง ข้าจะให้ดอกไม้แห่งวิถีกับพวกเจ้า 3 ดอกและสมบัติสวรรค์อีก 10 ชิ้น “
สีหน้าของทั้งห้าคนได้เปลี่ยนไป พวกนั้นต่างก็พากันส่ายหน้า
“ยังไม่พอรึ ? งั้นข้าจะให้สมบัติสวรรค์เพิ่มอีก 3 ชิ้น ? ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“มันน้อยเกินไป น้อยเกินไปจริง ๆ มันต่างจากที่เราคาดกันเอาไว้ ” ผู้อาวุโสหยิงพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการเท่าไหร่ ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลง เขาแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา แต่เขาก็ยังฮึดฮัดในใจ เขารู้แล้วว่าพวกนี้ต้องการอะไร
“สิ่งที่เราต้องการคือสมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่เจ้ามี เรานับจำนวนสมบัติสวรรค์ที่เก็บมาอยู่หลายครั้งและมันมีทั้งหมด 266 ชิ้น เราต้องการทั้งหมด” ผู้อาวุโสหยิงหัวเราะและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยจุดประสงค์ร้ายและความตื่นเต้นในใจที่กำลังจะระเบิดออกมา
นอกจากองค์กรที่อยู่ระดับสูงสุดของโลกเซียนแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครอื่นที่ครอบครองสมบัติสวรรค์ระดับเทพกว่า 266 ชิ้น ถ้าสมบัติสวรรค์มากมายแบบนี้ปรากฏขึ้นในโลกเซียน มันคงเพียงพอทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้และอาจจะทำให้พวกที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นต้องอิจฉา
“ไม่ใช่แค่สมบัติสวรรค์ 266 ชิ้นที่อยู่กับเจ้า เรายังสนใจหอคอยนั่นด้วย” ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้น
“เจ้าทำเกินไปหน่อยแล้ว” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา
ผู้อาวุโสพวกนั้นมองหน้ากันและยิ้มออกมา “เราไม่ได้ทำเกินไป เราไม่ได้ทำเกินไปเลย เจ้าคงได้แต่โทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไปและเจ้าไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องสิ่งที่เจ้ามีได้”
ไคยะก้าวออกมา สายตาของนางเย็นชาและพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “ข้ารู้สึกว่าถ้าเราให้ทุกอย่างกับเจ้า เจ้าก็ยังไม่ยอมปล่อยเราไป”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้โง่แต่เราก็ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ นี่ไม่ต้องนับเรา 5 คนเลย แม้ว่าเราจะเอาทั้งนิกายเมฆขาวมาเกี่ยว แต่เราก็ไม่อาจจะเก็บสมบัติสวรรค์ทั้งหมดนี้ไว้ได้ ผลก็คือเพื่อเก็บความลับเรื่องนี้แล้ว เราคงได้แต่ปิดปากพวกเจ้าไปตลอดกาล” ผู้หญิงที่เป็นราชาเทพช่วงปลายพูดขึ้นมา นางใช้กระบี่แทงใส่ไคยะโดยไม่ลังเล มันพุ่งเข้าใส่หน้าผากของไคยะแทบจะทันที ชัดแล้วว่านางต้องการจะฆ่าไคยะให้ได้ในครั้งเดียว
ตอนที่นางลงมือ ราชาเทพที่เหลือนอกจากผู้อาวุโสหยิงก็พุ่งเข้าใส่ เจี้ยนเฉิน, เฉินหลง และเสี่ยวเจิ้ง ด้วยสายตาอาฆาต
ผู้อาวุโสหยิงกลับยืนนิ่งมือไขว้หลังราวกับว่าเป็นผู้ชนะ
สีหน้าของไคยะไม่ได้เปลี่ยนไป นางยกมือขวาขึ้น มันเหมือนจะช้าแต่อันที่จริงรวดเร็วอย่างมาก พลังทำลายล้างแผ่ออกมาจากนิ้วชี้ของนางก่อนที่นางจะชี้นิ้วไปที่กระบี่ที่พุ่งเข้าใส่
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วและเหมือนกับจะไปตามวงโคจรของจักรวาล มันแฝงไปด้วยความจริงของโลก มันเร็วกว่ากระบี่ของราชาเทพช่วงปลาย มันพุ่งใส่จุดอ่อนของกระบี่และทำให้เกิดเสียงเหล็กเสียดสีกันดังขึ้นมา ทันใดนั้นพลังทำลายล้างและกฎของกระบี่ก็กระจายออกมาราวกับลูกโป่งที่แตกออกจากการลงมือง่าย ๆ ของไคยะ มันสลายหายไปแล้วกลับคืนสู่อากาศโดยรอบ
มันราวกับว่าการลงมือของไคยะนั้นมีพลังของจักรวาลที่ทำลายพลังของกระบี่ที่มาจากการบ่มเพาะและกฎไปได้
ราชาเทพส่วนปลายตกตะลึง นางมองไปที่ไคยะด้วยสายตาเหลือเชื่อพร้อมกับหรี่ตาลง แสงสีดำอัดแน่นจากพลังของกฎทำลายล้างสะท้อนออกมาในแววตาของไคยะ แสงนั้นได้พุ่งผ่านอากาศและขยายตัวขึ้นมาในตาของนางก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่หน้าผากของนาง