เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2066 : ดวงจันทร์เนปจูน (2)
ตอนที่ 2066 : ดวงจันทร์เนปจูน (2)
เมื่อคู่ต่อสู้ไร้ปราณีต้องการจะฆ่าพวกเขาในทุกการโจมตีเพื่อปล้นของที่เป็นของพวกเขา กลุ่มของเจี้ยนเฉินเองก็ไม่ได้ยั้งมือ ผลก็คือราชาเทพทั้งหมดได้ตายไปหลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้นได้ไม่นาน
ไม่นานมันก็มีศพหลายสิบคนเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้น ราชเทพทุกคนที่ต้องการจะชิงเอาสมบัติสวรรค์ต่างก็ตาย ไม่มีใครที่รอดไปได้เลย
ฝั่งเจี้ยนเฉินนั้นมีแค่เสี่ยวเจิ้งที่บาดเจ็บ เฉินหลงสร้างค่ายกลได้ทัน ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ค่ายกลในการจัดการกับศัตรูได้ซึ่งทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มแต่อย่างใด สำหรับเจี้ยนเฉินและไคยะ ราชาเทพทั่วไปไม่อาจจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้เมื่อพวกเขาได้ขึ้นเป็นราชาเทพแล้ว พวกเขาถือได้ว่าจะไร้เทียมทานแม้ว่าจะเพิ่งทะลวงผ่านมาไม่นานก็ตาม
เจี้ยนเฉินคิดถึงกล้วยไม้อีกครั้งเมื่อมองไปที่ศพ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย มันคงวิเศษหากกล้วยไม้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะกินศพพวกนี้
เขาคิดว่าจะเก็บศพพวกนี้ไว้ให้กล้วยไม้กินตอนที่มันแข็งแกร่งพอ แต่จิตวิญญาณกระบี่ได้เตือนเขาว่าศพที่ตายไปนาน ๆ นั้นจะมีแต่ถูกกล้วยไม้ปฏิเสธ
หลังจากที่สู้เสร็จ เสี่ยวเจิ้งและเฉินหลงต่างก็ดูเคร่งเครียดอย่างมาก เฉินหลงได้พูดขึ้นมาว่า “เจี้ยนเฉิน เรื่องมันพัฒนาจนมาถึงจุดที่คาดไม่ถึง มันอาจจะมีราชาเทพที่ชั้นนี้จำนวนมากมาตามหาเรา ว่าเราจะไม่กลัวกลุ่มเล็ก ๆ แต่เมื่อราชาเทพเหล่านั้นร่วมมือกันและอาจจะมีพวกระดับสูงจากบัลลังก์ราชาเทพมาร่วมด้วย งั้นมันคงยากที่เราจะจัดการกับพวกนั้นด้วยความแข็งแกร่งที่เรามี ข้าคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะกลับไปยังภูเขาเนปจูนให้เร็วที่สุด”
เจี้ยนเฉินคิดตามที่เฉินหลงบอกมา เขาเองก็เครียดในเรื่องนี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้จะมากกว่าราชาเทพทั่วไป แต่เขาไม่ได้มั่นใจจนหน้ามืดตามัว เขาเข้าใจว่ามันยังมีราชาเทพอีกส่วนหนึ่งที่เป็นภัยต่อเขาในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน อย่างชายแก่ที่อยู่เคียงข้างโม่เฉิงและเป็นผู้ใช้วัตถุเทพอย่าง ปรมาจารย์ชูจากจักรวรรดินภา พวกนั้นต่างก็กดดันเขาได้ แม้ว่าเขาจะขึ้นเป็นราชาเทพแล้วแต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกนั้นได้
นี่เพราะเขารู้ว่าพวกนั้นแข็งแกร่งกว่าราชาเทพช่วงปลายทั่วไปอย่างมาก นี่ไม่ต้องนับความจริงที่ว่าหนึ่งในนั้นมีวัตถุเทพอยู่ด้วย
เขาไม่รู้ว่าราชาเทพช่วงสูงสุดจะมารวมตัวกันที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนกี่คน นอกจากสองคนนั่น พวกนั้นไม่อาจจะประมาทได้ ถ้าพวกนั้นมาไล่ล่าเขาด้วย เขาคงตกที่นั่งลำบากและอาจจะเผชิญหน้ากับภัยที่ถึงกับชีวิต
เจี้ยนเฉินมั่นใจว่าพวกที่อยู่ในบัลลังก์ราชาเทพต้องมีคนมาตามล่าเขา ยังไงซะผลกำไรที่พวกเขาได้มาครั้งนี้ก็ถือว่ามากโข พวกเขาขุดเอาสมบัติสวรรค์ระดับเทพมากกว่า 1 ใน 4 มันเพียงพอที่จะทำให้พวกขอบเขตตั้งต้นต้องอิจฉา พวกนั้นอาจจะถึงกับยอมทิ้งชีวิตเพื่อปล้นเอาสมบัติสวรรค์มากมายแบบนี้
อันที่จริงสถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าย่ำแย่แล้ว
“เราควรหลีกเลี่ยงความสนใจไปก่อนและไม่อาจจะเดินทางไปรอบ ๆ สักพัก ข้าวางแผนว่าจะกลับไปที่ชั้น 8” เจี้ยนเฉินพูดหลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขามองไปที่ไคยะและพูดขึ้น “ไคยะ เสี่ยวเจิ้ง พวกเจ้าจะกลับไปที่ภูเขาเนปจูนก่อนหรือไม่ ? ตอนนี้มันเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขาสองคน”
แสงในตาของไคยะสั่นไหว นางได้พูดขึ้นว่า “ให้เสี่ยวเจิ้ง กับ เฉินหลง กลับไปที่ ภูเขาเนปจูน ก่อน ข้าจะไปกับเจ้า ยังไงซะด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามี ข้าน่าจะช่วยเจ้าได้บ้าง”
“นั่น…น่าจะได้ผล เอาตามนี้ เราจะพาเฉินหลงและ เสี่ยวเจิ้ง ไปที่ ภูเขาเนปจูน ก่อนแล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่ชั้น 8” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็พาเฉินหลงและเสี่ยวเจิ้งมุ่งหน้ากลับไปที่ภูเขาเนปจูน ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ให้เฉินหลงซ่อนตัวในถ้ำที่มีค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดก่อนที่จะเอาสมบัติสวรรค์ทั้งหมดออกมาแบ่งกัน
ด้วยการที่มีสมบัติสวรรค์กว่า 200 ชิ้นวางไว้ในถ้ำ กลิ่นหอมของมันเพียงพอที่จะแผ่ออกไปได้ไกล ถ้าไม่ใช่เพราะค่ายกลแยกพื้นที่ของเฉินหลง บางทีพลังของสมบัติสวรรค์คงเพียงพอทำให้ราชาเทพทุกคนที่บ่มเพาะในภูเขานั้นตื่นตัว
“สมบัติสวรรค์พวกนี้น่าจะมีค่าเท่ากับเหรียญผลึกห้าสีหลายก้อน” เจี้ยนเฉินตื่นเต้นเมื่อมองไปยังสมบัติสวรรค์เหล่านั้น
ตอนนั้นสัตว์อสูรขนาดเท่ากับกำปั้นลอยออกมาจากแหวนมิติของไคยะ ตาของมันเป็นประกายและมองไปที่สมบัติสวรรค์ด้วยความคาดหวัง มันเหมือนจะน้ำลายไหลและมองไปที่เจี้ยนเฉินกับไคยะ มันราวกับอ้อนวอนทั้งคู่อยู่
นี่คือสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีที่ไม่ปรากฏตัวมาสักพัก มันมักจะอยู่ข้างกายไคยะเสมอและซ่อนอยู่ในแหวนมิติของนางเพื่อทำการบ่มเพาะ
“โอ้ เจ้าตัวน้อย เจ้าออกมาตอนที่เห็นของดีตลอดเลย” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะเขกหัวสัตว์อสูรตัวน้อย “กินได้ตามต้องการ” ไคยะพูดขึ้นและมองไปที่สัตว์อสูรด้วยสายตาอ่อนโยน นางไม่ลืมที่มันเคยช่วยนางตอนที่นางยังคงอ่อนแอ
สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีดีใจขึ้นมาทันที มันกระพือปีกและบินเข้าไปหากองสมบัติสวรรค์ มันพุ่งลงไปกินสมบัติสวรรค์ 3 ชิ้นคราวเดียว หลังจากนั้นมันก็กลับไปยังแหวนมิติของ ไคยะ ด้วยความพอใจ
สุดท้าย เจี้ยนเฉิน, ไคยะและเฉินหลง ก็แบ่งสมบัติสวรรค์ที่เหลือกันอย่างเท่าเทียม ส่วนเสี่ยวเจิ้งนั้นเอาดอกไม้แห่งวิถีไป 1 ดอก
ตอนแรก เจี้ยนเฉินต้องการให้สมบัติสวรรค์กับเสี่ยวเจิ้ง ด้วยแต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ เขารู้ว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไรมากกับการเก็บสมบัติสวรรค์พวกนี้ ดังนั้นดอกไม้แห่งวิถีเพียงดอกเดียวก็ทำให้เขาพอใจมากแล้ว เขาไม่คิดจะเอาเปรียบคนอื่น ๆ
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินและไคยะก็ไม่ได้อยู่ต่อ พวกเขามุ่งหน้าออกมาจากภูเขาเพื่อไปยังชั้น 8 ทันที ในเวลาเดียวกัน จื่อหยุนกำลังอุ้มเสี่ยวม่านอยู่ นางร่วงลงมาจากฟ้าโดยจุดนั้นห่างจากเจี้ยนเฉินไปกว่าหมื่นกิโลเมตร ทันทีที่นางตกถึงพื้น นางก็เซไปมาและล้มลงไป
ใบหน้าของจื่อหยุนซีดเผือดไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย พลังของนางแผ่วเบาและนางก็อ่อนแอราวกับว่ากำลังอยู่ในช่วงลมหายใจสุดท้าย
“ท่านพี่ ท่านเป็นยังไงบ้าง ? ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ? อย่าทำให้ข้ากลัวสิ” เสี่ยวม่านกอดจื่อหยุนเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความกลัวและกังวล
จื่อหยุนได้เผาแก่นเลือดของนางไปหลายครั้งเพื่อที่จะหนี ดังนั้นนางจึงอยู่ในภาวะอ่อนแออย่างมาก เมื่อรวมกับความจริงที่ว่านางได้สู้กับราชาเทพระหว่างทางมาด้วย นางจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลก็คือไม่ใช่แค่นางไม่มีพลังที่จะหนีได้ต่อ แต่นางถึงกับลุกขึ้นยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ
“เสี่ยวม่าน ขอโทษด้วยที่ข้าพาเจ้ามาลำบาก ข้าไม่น่าโลภมากกับมรดกของขั้นบรรพกาลเลย ไม่งั้นแล้วเราคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าทนได้ไม่นานนัก ราชาเทพคงตามมาทันในไม่ช้า ข้าไม่อาจจะไปกับเจ้าได้อีก เสี่ยวม่าน หนีไปซะ พวกนั้นหมายหัวข้าไม่ใช่เจ้า” จื่อหยุนมองไปที่เสี่ยวม่านด้วยความรู้สึกผิด นางแทบไม่มีแรงที่จะพูดออกมา