เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2069 : พบกันอีกครั้ง
ตอนที่ 2069 : พบกันอีกครั้ง
องค์ชายห้าหรี่ตาลงและสีหน้าหม่นลงทันที เขาได้ตะคอกออกมา “มันเกิดขึ้นตอนไหน ? ”
“น่าจะวันนี้” ราชาเทพตอบกลับ
ปรมาจารย์ชูหันไปหาราชาเทพที่มารายงาน เขาอึ้งนิด ๆ ในขณะเดียวกันสีหน้าขององค์ชายห้าก็หม่นลง สายตาเขาดูเย็นชาขึ้นมา “เจี้ยนเฉินกับเพื่อนยังมีชีวิตอยู่ พวกนั้นเก็บเอาสมบัติสวรรค์ไปกว่า 1 ใน 4 ของสวนทั้งหมด ในทางกลับกันแล้ว ไป่ฉีและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่กลับมา”
“มันเกินที่ข้าคาดเอาไว้ ไป่ฉีและคนอื่น ๆ ล้มเหลวหรืออาจจะเจอปัญหาบางอย่างจนทำให้ล่าช้า” ปรมาจารย์ชู พูดขึ้นก่อนจะครุ่นคิด
องค์ชายห้าเงียบไปสักพักก่อนจะสั่งการออกมา “ทุกคน หยุดฟื้นฟู ! เราจะออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้ ! ” ครั้งนี้องค์ชายห้าต้องการไปหาเจี้ยนเฉินพร้อมกับคนของเขาเอง สมบัติสวรรค์ที่เจี้ยนเฉินมีนั้นทำให้เขาสนใจอย่างมาก เขาต้องการจะชิงมันมาโดยไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไป
ราชาเทพของครอบครัวหยุนและหยุนซินได้ออกไปกับองค์ชายห้าด้วย องค์ชายห้าตั้งใจจะปกปิดข้อมูลนี้ ดังนั้นพวกนั้นจึงได้ยินบทสนทนานั้นและไม่รู้เลยว่าองค์ชายห้าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนรึจะทำอะไร
“ไคยะ ไปกันเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน แต่เราต้องออกไปชั้น 8 ให้เร็วที่สุด” เจี้ยนเฉินที่อยู่บนอากาศบอกกับไคยะโดยไม่สนใจดวงจันทร์
“เจ้าต้องการจะไปยังก้นลาวาที่ชั้น 8 เพื่อเก็บเหรียญผลึกแห่งไฟรึ ? ” ไคยะมองไปที่เจี้ยนเฉิน
“ถูกต้อง เหรียญผลึกแห่งไฟอันเดียวมีค่ามากกว่าเหรียญผลึกขั้นสูงสุด 10 เท่า เราต้องการเหรียญผลึกจำนวนมากเพื่อจะไปยังที่ราบอื่นหรือกลับไปยังที่ราบเมฆาโดยตรง แม้ว่าเราจะมีสมบัติสวรรค์กับตัวอยู่มาก แต่การแลกเปลี่ยนมันกับเหรียญผลึกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นข้าก็ไม่คิดจะขายสมบัติสวรรค์พวกนี้ เรามีสหายมากมายในตระกูลเทียนหยวนที่ต้องการมัน” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“เจ้าเห็นแล้วว่าลาวาที่นั่นน่ากลัวเพียงใด แม้ว่าเจ้าจะมีหอคอย แต่มันก็ยังยากที่เจ้าจะเก็บเอาเหรียญผลึกแห่งไฟจากก้นลาวาได้ มันไม่ใช่ว่าร่างกายของเจ้าจะทนลาวาพวกนั้นได้” ไคยะพูดด้วยสีหน้ากังวล นางรู้สึกกลัวลาวาที่ชั้น 8 แม้ว่าขึ้นเป็นราชาเทพที่ความแข็งแกร่งเพิ่มขั้นมาแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังไม่กล้าที่จะแตะต้องมัน
“ถ้าเราไม่ลอง เราจะรู้ได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มออกมา ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นหลังจากที่ร่างบรรพกาลทะลวงผ่านขึ้นมาได้ แม้ว่าร่างของเขาจะทนอยู่ในลาวาได้ไม่นาน แต่หอคอยอนัตตาก็ปกป้องเขาได้
“หืม ? ” ตอนนั้นเองเจี้ยนเฉินได้หรี่ตาลง มันราวกับมีลำแสงพุ่งทะลุความมืดมิดออกไป สายตาเขาจับจ้องไปที่บางอ่าง เขาพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจ “ทำไมถึงเป็นพวกนั้นได้ ? ทำไมพวกนั้นถึงได้มายังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนแห่งนี้ได้ ? ”
“มันคือแม่นางที่เจ้าได้เจอบนยานอวกาศ นางอ่อนแอ นางมาทำอะไรที่นี่กัน ? ” ไคยะมองออกไปและแสดงท่าทีแปลกใจออกมา
“ไปดูที่นั่นกันเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นก่อนจะรีบมุ่งหน้าออกไปพร้อมกับไคยะ
จื่อหยุนซึ่งสีหน้าซีดเผือดประคองเสี่ยวม่านเอาไว้แน่น นางอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินหลายสิบกิโลเมตร นางมองไปยังราชาเทพรอบตัวด้วยความแค้นเคือง
การปรากฏตัวของดวงวจันทร์ทำให้เหล่าราชาเทพตะลึง พวกเขามองไปที่ดวงจันทร์กันอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาที่เหมาะที่นางจะหนีรีลอบโจมตี แต่จื่อหยุนไม่ได้มีความสามารถแบบนั้นเพราะนางได้รับบาดเจ็บสาหัส และพลังชีวิตก็หดหายไปจำนวนมาก
สักพักราชาเทพก็ได้สติกลับมา พวกเขาได้จ้องมองมาที่จื่อหยุนอีกครั้ง
“มีเรื่องใหญ่จะเกิดขึ้นในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน รีบเอามรดกจากนางแล้วกลับกันเถอะ มันไม่สำคัญว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะดีรึร้าย ข้าไม่คิดว่าเราควรมีส่วนร่วมด้วย”
“ถูกต้อง พานางไปที่ห่างไกลและค่อยหนีไปตอนที่เราได้สิ่งที่เราต้องการ”
ราชาเทพสองคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเคียด การปรากฏขึ้นของดวงจันทร์ทำให้พวกเขาอึดอัดใจอย่างมาก มันทำให้พวกเขาไม่มั่นใจ พวกเขารู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไร้เหตุผล
“ทุกคน พวกเจ้าเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งแต่กลับไม่ยอมปล่อยเด็กสาวที่อยู่ขอบเขตมนุษย์ไปงั้นรึ ? พวกเจ้าไม่โหดร้ายไปหน่อยรึไง ? ” ตอนนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาและทำให้สีหน้าของเหล่าราชาเทพที่กำลังจะพาตัวจื่อหยุนออกจากที่นั่นนั้นเปลี่ยนไป พวกเขาต่างก็พากันลนลานกับการปรากฏตัวของดวงจันทร์ ดังนั้นจึงหันไปสนใจทิศทางนั้นไม่ได้ระวังตัวสิ่งรอบกาย พวกเขาพลาดที่จะตรวจสอบได้ว่ามีคนกำลังเข้ามาที่นั่น
ราชาเทพหันมองไปตามเสียง ที่พวกเขาเห็นคือคนหนุ่มสาวสองคนที่บินเข้ามาหาพวกเขา พวกนั้นดูอายุประมาณ 20 ปี ชายหนุ่มนั้นหล่อเหลามีใบหน้าดูเด็ดเดี่ยวราวกับวีรบุรุษ ชัดแล้วว่าเขาผ่านการต่อสู้เอาเป็นเอาตายมาเยอะ หญิงสาวนั้นกลับกัน นางไม่ได้ดูน่าหลงใหลแต่ก็ยังงดงามเหมือนยากจะทัดทานได้
“เป็นแค่ราชาเทพช่วงต้น 2 คน แต่เมื่อพวกนี้พบเรา เราก็ไม่อาจจะปล่อยให้พวกนี้เอาข่าวนี้ไปบอกต่อได้ จัดการพวกนี้ก่อนแล้วค่อยไปที่อื่น” เหล่าราชาเทพฮึดฮัดออกมา พวกเขาดูผ่อนคลาย พวกเขาไม่ได้หยุดทั้งสองคนและปล่อยให้สองคนบินเข้ามาหา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็คุยกันแบบลับ ๆ และหาข้อสรุปในหมู่พวกเขาได้
ทั้งสองคนนี้คือเจี้ยนเฉินและไคยะ พวกเขาไม่ได้สนใจเหล่าราชาเทพที่แสดงสีหน้าต่าง ๆ พวกเบินเข้ามาหาอย่างใจเย็นและไปอยู่ตรงหน้าจื่อหยุน
จื่อหยุนจำเจี้ยนเฉินและไคยะได้ เจี้ยนเฉินได้ช่วยพวกนางบนยานอวกาศจากที่ราบเมฆาและทวงคืนจี้หยกของ เสี่ยวม่านจากราชาปิศาจสามตา จื่อหยุนรู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณเขาอยู่
จื่อหยุนเงยหน้าขึ้นมองเจี้ยนเฉินและไคยะ ก่อนจะยิ้มออกมา “พวกเจ้าก็มาชิงเอามรดกของขั้นบรรพกาลจากข้าด้วยหรือ ? ”
เจี้ยนเฉินแปลกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เขามองไปที่จื่อหยุนด้วยสีหน้าแปลก ๆ และพูดขึ้นมาว่า “ ข้าได้ยินว่าบ้านของขั้นบรรพกาลนั้นปรากฏขึ้นมาใกล้กับสวนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าที่ได้รับมันมา” เจี้ยนเฉินรู้สึกซับซ้อนในเรื่องนี้เมื่อมองไปที่จื่อหยุน เขาไม่รู้เลยว่าเขาควรจะเกลียดนางหรือไม่ มันเป็นเพราะจื่อหยุนได้รับการยอมรับจากมรดกที่ทำให้ราชาเทพหลายคนกลับมายังสวนซึ่งเป็นการเผยการกระทำทั้งหมดของเขาออกมา
หากจื่อหยุนได้มรดกไปในภายหลัง พวกราชาเทพคงกลับมาช้ากว่านี้และเขาคงมีเวลาพอที่จะเก็บกวาดที่นั่นทั้งหมด
โชคร้ายที่โอกาสหายากแบบนั้นถูกจื่อหยุนทำลายไป ซึ่งนั่นทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเสียดายอย่างมาก
“งั้นเจ้าก็มาเพื่อมรดก โชคร้ายว่าข้าจะยกมรดกนี้ให้กับเจ้า แต่เจ้าก็ไม่อาจจะหนีไปพร้อมกับมันได้” จื่อหยุนก้มหน้าและมองไปยังราชาเทพที่อยู่โดยรอบ