เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2071 : การคุ้มครองจากโลก (1)
ตอนที่ 2071 : การคุ้มครองจากโลก (1)
ปราณกระบี่ส่องแสงประกายราวกับสายฟ้าที่ส่องสว่างทั่วทั้งท้องฟ้าในยามค่ำคืน มันยิงออกมาแฝงไปด้วยความรุนแรงแห่งพลังบรรพกาลและความคมแห่งกฎของกระบี่ มันไปถึงตรงหน้าราชาเทพในเสี้ยวพริบตา
มันรวดเร็วอย่างมาก ปราณกระบี่จากวัตถุเซียนขั้นสูงสุดของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังเหนือกว่าของราชาเทพช่วงต้น มันเพียงพอที่จะเป็นภัยต่อชีวิตราชาเทพช่วงปลายได้
สายตาของราชาเทพช่วงปลายหรี่ลงมองไปยังการโจมตีนี้ ตอนนั้นเขากลัวอย่างมาก ไม่ใช่แค่ปราณกระบี่นี้รวดเร็วแต่มันยังมุ่งเป้ามายังตัวตนของเขา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลบได้ เขาต้องรับมันไว้
ตอนวิกฤตนั้นเองราชาเทพได้ตะโกนออกมาพร้อมกับพลังของกฎแห่งไฟที่อัดแน่นรวมกัน ไฟปะทุขึ้นมารอบตัวเขาจนกลายเป็นวงแหวนไฟก่อนจะกลายเป็นมังกรไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าระเบิดพลังของมันออกมา
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ถูกย้อมเป็นสีแดง มันผสมรวมกันกับแสงสีขาวจากปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉิน อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทรายและหินที่พื้นละลายกลายเป็นลาวา
มังกรไฟและปราณกระบี่เข้าปะทะกับจนเกิดเสียงดังสนั่น การโจมตีทั้งสองสลายหายไปในอากาศพร้อมกับปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินที่ถูกกลืนกินไปโดยเปลวไฟ
ถ้านี่เป็นการต่อสู้ว่าด้วยเรื่องกฎเพียงอย่างเดียว เป็นธรรมดาที่เจี้ยนเฉินจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ยังไงซะเขาก็ขึ้นมาถึงระดับความสำเร็จขั้นกลางของจิตวิญญาณกระบี่ไม่นานมานี้เองซึ่งเท่าเทียมกับราชาเทพช่วงต้น แม้ว่ากฎแห่งกระบี่นั้นจะเป็นกฎที่รู้กันกว่ามีพลังโจมตีมากที่สุด แต่มันก็ไม่อาจะทดแทนความต่างและเทียบเท่ากฎแห่งไฟของราชาเทพช่วงปลายได้
แต่ปราณกระบี่ของเขาไม่ได้มีแค่พลังของกฎแห่งกระบี่ มันยังมีพลังบรรพกาลอยู่ด้วย
หลังจากที่ปราณกระบี่สลายไป พลังบรรพกาลภายในก็พุ่งออกไปต่อราวกับลูกศร มันไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย
มันพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเปลวไฟและพุ่งทะลุหน้าผากของราชาเทพช่วงปลายโดยอยู่ในรูปลำแสงสีดำที่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วแสง ลบวิญญาณของเขาทิ้ง
ราชาเทพคนอื่น ๆ โดยรอบต่างพากันตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น หลังจากนั้นสายตาที่พวกเขามองมายังเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป
ตอนนั้นไม่มีใครกล้าประมาทเจี้ยนเฉินอีกต่อไปหลังจากที่เขาได้แสดงพลังอันน่าทึ่งนี้ออกมา หลายคนมองมาที่เขาด้วยความกลัว บางคนตะลึง
ราชาเทพช่วงต้นกลับฆ่าราชาเทพช่วงปลายได้อย่างง่ายดาย ทุกคนต่างทั้งแปลกใจและกลัวในพลังของเขา
การฆ่าราชาเทพช่วงปลายได้นี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้มองไปยังราชาเทพที่ตายด้วยซ้ำ เขากลับมองไปยังกระบี่ในมือแทน แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แต่มันก็เพียงพอสำหรับเขาในตอนนี้
“ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมามากด้วยวัตถุเซียนขั้นสูงสุดนี่ ข้าจัดการกับพวกราชาเทพช่วงปลายได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม” เจี้ยนเฉินพึมพำด้วยความดีใจต แม้ว่าเขาจะเคยฆ่าราชาเทพช่วงปลายมาก่อน แต่มีแค่เขาที่รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนกับตอนนี้
ความโกรธของชายหนุ่มที่เสียมือทั้งสองข้างและวัตถุเซียนขั้นสูงสุดไปให้กับเจี้ยนเฉินนั้นหายไปทันที เขาไม่กล้าจะแสดงความโกรธที่มีออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ทนความเจ็บจากแขนตนเองและพูดขึ้นมาด้วยความกลัว “เมื่อท่านชอบกระบี่ของข้า งั้นมันก็เป็นของท่าน” ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดี เขารู้ว่ามันหากไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินชอบวัตถุเซียนชิ้นนี้ เขาอาจจะตายไปเหมือนกับอีกคนไปแล้ว
ในอีกด้านการต่อสู้ของไคยะก็จบลงอย่างรวดเร็ว นางต่อสู้ได้อย่างไร้ปราณีและเด็ดขาด ราชาเทพช่วงปลายทั้งสองที่โจมตีนางไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไป ทั้งสองถูกฆ่าตาย
ไคยะไม่ได้มีพลังงานหรือร่างกายอันแข็งแกร่งเช่นเจี้ยนเฉิน แต่การใช้กฎของนางขึ้นมาถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว มันเป็นกฎเดียวกันแต่เมื่ออยู่ในมือของนางแล้ว นางสามารถใช้พลังอันน่าตกตะลึงออกมาได้ มันทำให้ความแข็งแกร่งของนางทัดเทียมกับเจี้ยนเฉิน ในเสี้ยวพริบตาราชาเทพ 3 จาก 4 คนก็ตายไป ความแข็งแกร่งที่ไคยะและเจี้ยนเฉินแสดงออกมาได้กันไม่ให้ราชาเทพโดยรอบลงมืออย่างหุนหัน แต่พวกนั้นก็ไม่ได้พากันหนีกลับไป พวกนั้นยังอยู่ต่อแม้ว่าจะอึดอัดใจก็ตาม
จื่อหยุนที่บาดเจ็บหนักเบิกตากว้างมองดูฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ ตอนนี้นางตะลึงกับมันอย่างมาก
“ฆ่าคนพวกนี้ให้หมด พวกนี้ต้องการจะฆ่าเรา” ตอนนั้นไคยะได้โผล่มาตรงหน้าเจี้ยนเฉิน นางมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นชาและพูดขึ้น คำพูดของนางแฝงไปด้วยเกียรติที่ไม่อาจจะยอมให้ใครดูหมิ่นได้
เจี้ยนเฉินมองไปที่ไคยะด้วยสายตากังวล หลังจากที่ไคยะได้ก้าวขึ้นมาเป็นราชาเทพ นางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาแทบไม่เห็นไคยะจากทวีปเทียนหยุนจากตัวนางอีกต่อไป
“แม้ว่าพวกเขาจะต้องการฆ่าเรา แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้ลงมือกับเรา ไคยะ มันจะดีกว่าที่จะไม่ฆ่าพวกเขาทั้งหมด” เจี้ยนเฉินบอกกับไคยะ ตอนที่เขาต้องการจะกล่อมให้พวกนี้กลับไป จู่ ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขามองออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มันมีราชาเทพจำนวนมากมุ่งหน้ามาที่นี่ เราไม่อาจจะอยู่ต่อได้ ไคยะพาจื่อหยุน ไป ข้าจะพาเสี่ยวม่านไป รีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ไคยะไม่ได้ลงมือ นางมองไปที่เจี้ยนเฉินและถามขึ้นมาว่า “พวกนี้ต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ทำไมเจ้าถึงต้องการช่วยพวกนี้ ? ”
เจี้ยนเฉินแปลกใจและพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญ ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่กลับไปยังที่ปลอดภัยได้”
“ในโลกที่คนแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ มีแค่พวกที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันเกิดเรื่องเช่นนี้อยู่ตลอดบนโลก มันต้องมีเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงต้องการช่วยพวกเขา” ไคยะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นางยืนนิ่งไม่คิดจะช่วยเหลือผู้ใด
“ย้อนกลับไปบนยานอวกาศ ข้าเห็นเงาของเสี่ยวหลิงบนตัวเสี่ยวม่าน เหตุผลนี่เพียงพอรึไม่ ? ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
ไคยะพยักหน้าและไม่ได้ตอบกลับอะไร นางหันกลับแล้วโผล่มาอยู่ข้าง ๆ จื่อหยุน ก่อนจะอุ้มนางขึ้นแล้วจากไป ทันใดนั้นนางก็ตะลึงตอนที่นางเห็นเสี่ยวม่าน จากนั้นนางก็มองไปยังโลกรอบตัวนางด้วยความสับสน
นี่เพราะนางรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเสี่ยวม่านจะเชื่อมต่อกับโลกของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
เจี้ยนเฉินได้โผล่มาตรงหน้าเสี่ยวม่าน ตอนที่เขากำลังจะอุ้มตัวเสี่ยวม่านขึ้น เขาก็ถูกสูบเข้าไปในความมืดมิด ไม่ใช่แค่มองไม่เห็นด้วยสายตาของราชาเทพแต่การรับรู้วิญญาณก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
“กฎแห่งความมืดมิด ! ” สายตาของ เจี้ยนเฉินเย็นชาขึ้นมา เขารู้ว่าราชาเทพรอบ ๆ คงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ