เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2072: การคุ้มครองจากโลก (2)
ตอนที่ 2072: การคุ้มครองจากโลก (2)
ความรู้สึกเจ็บปวดที่แทงมาที่หน้าผากของเขาอย่างเงียบ ๆ สายตาเขาแสดงความเย็นชาออกมา ผู้ที่ลอบโจมตีเขาต้องการที่จะสังหารเขาในคราวเดียว
คนที่ได้โจมตีเจิ้ยนเฉินนั้น เขาเป็นราชาเทพช่วงปลาย ตัวเขาห่อหุ้มไปด้วยกฎแห่งความมืดซึ่งส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและการรับรู้วิญญาณ หากราชาเทพช่วงกลางต้องเผชิญกับการลอบโจมตี พวกเขาอาจจะตายโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว น่าเสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือเจี้ยนเฉิน
ในช่วงเวลานั้นเองวัตถุเซียนขั้นสูงสุดของเจี้ยนเฉินที่เพิ่งได้มาก็แทงออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ ! !
การโจมตีของเจี้ยนเฉินนั้นมีรวดเร็วอย่างมาก มันรวดเร็วดุจสายฟ้าอย่างแท้จริง ด้วยแสงที่ส่องประกายออกมา มันแฝงไปด้วยความลึกลับของเส้นทางแห่งกระบี่ราวกับว่ามันกลมกลืนไปกับความมืด มันพุ่งชนเข้ากับปลายหอกดำอย่างเงียบงัน
เขาโจมตีออกไปโดยใช้การรับรู้ของตน แต่ปลายกระบี่นั้นกลายชนเข้ากับปลายหอกดำอย่างแม่นยำ เสียงเหล็กเสียดสีกันดังขึ้น คลื่นพลังงานของกฎแห่งความมืดและปราณกระบี่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังบรรพกาลได้ปะทุขึ้นมาจนทำให้ความมืดรอบ ๆ สั่นไหวอย่างรุนแรง
แต่หลังจากการโจมตีนี้หอกดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือพลังงานแม้แต่น้อย ในความมืดมิดที่ส่งผลถึงการรับรู้วิญญาณ แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจจะหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้
เขาไดแต่ใช้สัญชาตญาณล้วน ๆ แต่ปลายกระบี่ชนกับปลายหอกแหลมสีดำอย่างแม่นยำ ด้วยการกระทบของโลหะทำให้คลื่นกระแทกพลังงานที่บรรจุกฎแห่งความมืดและปราณกระบี่ที่ควบแน่นจากพลังบรรพกาลปะทุขึ้นทำให้เกิดความมืดรอบตัวสั่นอย่างรุนแรง
ซึ่งหลังจากการปัดป้องหอกสีดำก็ได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ในความมืดมิด ซึ่งความรู้สึกสัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถตรวจเจอแม้แต่ เจี้ยนเฉิน ก็ไม่สามารถหาที่ตั้งของบุคคลนั้นได้
เจี้ยนเฉินยืนนิ่งพร้อมกับคิ้วขมวด เขาราวกับภูเขาที่ไม่อาจจะสั่นไหวได้
เขารู้ว่าเขาได้เจอกับนักฆ่าที่แข็งแกร่ง มิตินี้ห่อหุ้มไปด้วยกฎแห่งความมืดซึ่งเท่ากับขอบเขตของศัตรู นักฆ่านี้เคลื่อนไหวได้ราวกับน้ำและควบคุมที่นี่ได้ทั้งหมด
สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว ราวกับเขาติดอยู่ในโคลนซึ่งเขาต้องตอบสนองกับทุกอย่างและไม่อาจจะเริ่มโจมตีก่อนได้ หากนักฆ่าเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาก็ไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงเย็นชาออกมา แสงสีทองบนตัวเขาสั่นไหวพร้อมกับปราณกระบี่ต้าหลัวที่อัดแน่น
ไม่ว่าปราณกระบี่จะเคลื่อนที่ผ่านไปที่ไหน ความมืดมิดจะถูกเปิดออกแต่ไม่นานกฎแห่งความมืดก็เติมเต็มที่นั่นอีกครั้ง
แต่ตอนที่เจี้ยนเฉินโจมตีออกไป หอกสีดำก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันเงียบงันเหมือนกับครั้งก่อนที่พุ่งเข้าใส่ท้ายทอยของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เจี้ยนเฉินหันกลับไป แม้ว่เขาจะไม่อาจจะมองเห็นหรือใช้การรับรู้วิญญาณได้ แต่สัญชาตญาณในการต่อสู้ที่น่ากลัวของเขาและประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขาที่สะสมมาตลอดนั้นทำให้เขารู้ถึงวิถีของหอกนี้ได้อย่างแม่นยำ มือของเขากางออกและพุ่งออกไปโดยเคลือบด้วยพลังบรรพกาล เขาจับหอกสีดำนั้นได้ทันที
หอกสีดำนั้นแหลมคมอย่างมาก มันสามารถแทงทะลุร่างบรรพกาลได้อย่างง่ายดาย แผลที่ได้คงลึกและทำให้เสียเลือดได้อย่างง่ายดาย
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจมือตัวเอง ร่างบรรพกาลทำให้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง การบาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้หนักหนาอะไร ตอนที่เขาจับหอกดำนั้นไว้ เขาก็ได้แทงกระบี่ในมือขวาออกไปด้วย
เจี้ยนเฉินจับหอกไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างโจมตี การเคลื่อนไหวทั้งสองนี้เกิดขึ้นพร้อมกันจนไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้ถอย
ฉัวะ !
เสียงการต้านทานดังขึ้นมาจากกระบี่ เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาทำให้ศัตรูบาดเจ็บได้
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะโจมตีมาตอนไหน
เมื่อนักฆ่าได้รับบาดเจ็บ เขาก็ไม่ต้องการจะสู้ต่อ เขาถอยกลับไปหลังจากที่ดึงหอกสีดำกลับคืนจากเจี้ยนเฉินได้ เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
กฎแห่งความมืดที่กลืนกินมิติอยู่หายไปทันที เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเบาะแสของนักฆ่า เขาไม่เห็นหน้าตาของนักฆ่าด้วยซ้ำ มันมีแค่เลือดที่ติดอยู่ที่กระบี่ของเขา
แต่เพราะการโดนยื้อไว้นี้ทำให้ราชาเทพด้านหลังกว่าร้อยคนตามมาทัน พวกนั้นพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินและไคยะ รวมถึงล้อมพวกเขาเอาไว้
เป้าหมายหลักของพวกนี้คือจื่อหยุน แต่เมื่อจื่อหยุนและไคยะอยู่ด้วยกัน เจี้ยนเฉินและไคยะจึงกลายเป็นเป้าหมายของพวกนี้ไปด้วย
“ไปกันเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนบอก แม้ว่าเขาจะรับรู้พลังที่แข็งแกร่งในหมู่พวกนี้ไม่ได้ แต่เสี่ยวม่านอยู่กับเขาด้วย ซึ่งนั่นเป็นการจำกัดสิ่งที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้โดยที่มีเสี่ยวม่านอยู่กับตัว
แต่ตอนที่เจี้ยนเฉินพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวม่านและจับตัวนางนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังลึกลับที่มองไม่เห็นทั้งด้วยตาเปล่าและการรับรู้วิญญาณ
พลังลึกลับนี้ห่อหุ้มตัวเสี่ยวม่านเอาไว้ ไม่ใช่แค่เจี้ยนเฉินไม่อาจจะแตะต้องนางได้ แต่เขายังต้องใจหล่นวูบตอนที่สัมผัสกับพลังลึกลับนั้น
พลังลึกลับนี้เหมือนจะไร้ขอบเขตและทรงพลังในระดับที่คาดไม่ถึง มันรุนแรงจนทำให้ในใจเขาเกิดความกลัวขึ้นมา
ตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง เขามองไปยังเสี่ยวม่านที่หน้าซีดเซียวซึ่งนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป
ไคยะเองก็มองไปยังเสี่ยวม่าน สายตาของนางสั่นไหวเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น “เด็กนี่ถูกปกป้องโดยโลกนี้ ตราบใดที่นางอยู่ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน นางก็จะได้รับการปกป้องจากโลก นอกซะจากว่ามีพลังที่เหนือกว่าพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน บางทีคงจะไม่มีใครทำอะไรนางได้”
เจี้ยนเฉินแปลกใจและพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน ? หากนางได้รับการปกป้องโดยโลกนี้จริง นางได้รับบาดเจ็บได้ยังไงกัน ? ”
จื่อหยุนเองก็ยากจะเชื่อเรื่องนี้เมื่อได้ยินคำพูดของไคยะ แต่นางก็รู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิม นางเองก็สงสัยเหมือนกับ เจี้ยนเฉิน
“ตอนที่ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นมา ข้ารู้สึกได้ว่ากฎที่นี่เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป หลังจากนั้นตอนที่ข้าเห็นเด็กนี่ ข้าก็รู้สึกได้ถึงพลังที่หมุนวนรอบตัวนาง พลังมันสั่นพ้องกับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ราวกับ…ราวกับว่ามันคือพลังของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน”
ไคยะมองไปที่เสี่ยวม่านและพูดต่อ “ด้วยการปกป้องโดยพลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ มันก็ไม่มีใครในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนทำอะไรนางได้ แต่ตอนนี้นางบาดเจ็บก็จริง มันหมายความว่าพลังนี้ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่นางบาดเจ็บ”
ไคยะเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ถ้าข้าเดาไม่ผิด การปรากฏตัวของดวงจันทร์นั้นเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงคนนี้” จื่อหยุนตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น นางแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา การปรากฏตัวของดวงจันทร์เกี่ยวข้องกับ เสี่ยวม่านงั้นรึ ? นางแทบคิดภาพไม่ออกว่าการเปลี่ยนแปลงของที่นี่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวม่านได้ยังไง เสี่ยวม่าน ปกปิดความลับอะไรอยู่กันแน่ ?
ถ้าไม่ใช่เพราะนาง แม้แต่เจี้ยนเฉินที่สัมผัสพลังนี้ก็ยากที่จะเชื่อได้ เขาเองก็ตะลึงไปเช่นกัน
“สาวน้อย เจ้าไม่ใช่คนที่ได้รับมรดกของขั้นบรรพกาลหรอก ส่งมันมาซะแล้วก็ไปได้ ไม่งั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง”
ตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งได้ตะโกนออกมา เจี้ยนเฉิน, ไคยะ และคนอื่นต่างก็ถูกรายล้อมด้วยราชาเทพจำนวนมาก